All About Japan

เต็มอิ่มฟินสุดๆ เก็บบลูเบอรี่สดๆกินได้ไม่อั้น

คาเฟ่ ผลไม้ สวน สวนสาธารณะ วัตถุดิบ มังสวิรัติ คนกินมังสวิรัติ รีสอร์ท อาหารสุขภาพ เที่ยวด้วยตัวเอง ครั้งที่สองในญี่ปุ่น อาหารในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น Fukuoka Kyushu
เต็มอิ่มฟินสุดๆ เก็บบลูเบอรี่สดๆกินได้ไม่อั้น

ใครที่ชื่นชอบผลไม้ ชอบการท่องเที่ยวตามธรรมชาติ การเที่ยวตามฟาร์มผลไม้ญี่ปุ่นตอนนี้ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้ช้อปปิ้งในเมืองเลย อย่างที่เห็นได้บ่อยๆก็เช่นการเก็บสตรอเบอรี่กินได้สดๆตามฟาร์มทั่วญี่ปุ่น แต่ถ้าไม่ได้ไปช่วงที่เป็นฤดูกาลสตรอเบอรี่ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างช่วงหน้าร้อนก็ยังมีฟาร์มบลูเบอรี่ ให้ไปเก็บกินได้อย่างจุใจ แบบไม่จำกัดเวลา

ฟาร์ม Blueberry Nomura (ブル―ベリーの村) อยู่เมืองคุรุเมะ จังหวัดฟุกุโอกะ การเดินทางค่อนข้างไกลประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงได้ เรานั่งรถไฟแล้วต่อรถบัส ซึ่งรถบัสมีรอบน้อยมาก ชั่วโมงละ 1 คัน เท่านั้น ถ้าพลาดแล้วอาจจะต้องเสียเวลารออีกนานเลยกว่าเราจะไปถึง นึกว่าจะหลงซะแล้ว เพราะผู้โดยสารคนอื่นในรถบัสลงกันหมดแล้วแต่ยังไม่ถึงป้ายเราสักที พอถึงป้ายที่เราต้องลงปุ๊บ เจอป้ายชื่อฟาร์มก่อนเลย เลยค่อยยังชั่วหน่อย

พอเดินเข้าไปจะเจอทางเข้าฟาร์ม เริ่มด้วยการจ่ายเงินค่าเข้าเก็บบลูเบอรี่ก่อนเลย 700 เยน แล้วพนักงานก็จะพาเข้าไปแนะนำวิธีเก็บ ซึ่งสิ่งที่แรกที่พนักงานอธิบายเราคือเราเก็บได้แบบไม่จำกัดเวลา!! เป็นอะไรที่เราประหลาดใจมาก แต่ก็แอบดีใจเบาๆ แล้วพนักงานก็พาไปดูในฟาร์ม

ฟาร์มที่นี่ แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ในโรงเรือนกับนอกโรงเรือน ซึ่งเราสามารถเก็บบลูเบอรี่กินได้ทั้ง 2 ส่วน

พนักงานมาแนะนำวิธีการเลือกเก็บให้มือใหม่อย่างเรา เขาบอกว่า ให้เลือกลูกที่เป็นสีม่วงเข้มๆ เพราะจะหวานอร่อย ถ้าลูกไหนมีฝ้าขาวๆ ก็กินได้นะ เพราะตัวฝ้านั้นเป็นเหมือนสิ่งที่ต้นบลูเบอรี่สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันแสงและแมลง ไม่ได้เป็นสิ่งสกปรกหรืออันตราย แต่ถ้าลูกยังเป็นสีแดงรสมันจะฝาดมาก เก็บไม่ได้ จริงๆเราอยากรู้รสชาติลูกสีแดง เลยลองเก็บมากินดู...ใช่ มันฝาดจริงๆ - - .

ฟาร์มนี้เขาปูพื้นด้วยพลาสติกสีดำบนดินอีกทีทำให้เดินง่าย ไม่เลอะเทอะด้วย แถมบรรยากาศภายในฟาร์มก็เงียบสงบ พักสมองได้ดีทีเดียวเลยแหละ

ตะกร้าที่ใช้เก็บบลูเบอรี่เหมือนจะใบเล็กนะ แต่เราลองเก็บมาเกือบเต็มตะกร้า อิ่มทีเดียวเลยแหละ ใครที่ไม่อยากเก็บจนเหลือ ก็อาจจะเดินไป เก็บไป กินไปก็ได้นะ

นอกจากส่วนของฟาร์มแล้วยังมีคาเฟ่เล็กๆอยู่ภายในฟาร์มด้วย

มาถึงฟาร์มบลูเบอรี่ทั้งที จะพลาดซอฟท์ครีมบลูเบอรี่ได้ยังไงละ กินตอนหน้าร้อนแบบนี้ชื่นใจมาก เพราะนอกจากจะไม่หวานมากแล้ว เนื้อสัมผัสยังเหมือนมีบลูเบอรีแทรกอยู่ด้วย( 400 เยน) นอกจากซอฟท์ครีมก็ยังมีโฟลตบลูเบอรี่ ( 350 เยน) ก็ยังมีน้ำบลูเบอรี่ปั่น ( 300 เยน) และน้ำแข็งไสบลูเบอรี่ ( 300 เยน) ให้เต็มอิ่มกันได้อีก

นอกจากโซนคาเฟ่แล้ว ยังมีบริเวณขายต้นบลูเบอรี่ให้กับคนที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ด้วย

พอออกมาโซนด้านนอกก็ต้องไม่พลาดกับมุมของฝาก ที่อัดแน่นไปด้วยขนมรสบลูเบอรี่ ทั้งไดฟุกุ เยลลี่ ขนมสอดไส้บลูเบอรี่อีกหลายแบบ

ที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นน้ำบลูเบอรี่กับแยมบลูเบอรี่

ใกล้ๆมุมของฝากจะมีมุมน่ารักๆให้นั่งรอ สำหรับใครทีรอรอบรถบัส สามารถนั่งเล่นบริเวณนี้ได้ เพราะรถบัสจะมาทุก 1 ชั่วโมง จะออกไปยืนรอที่ป้ายรถก็อาจจะร้อนไปสำหรับอากาศในหน้าร้อนแบบนี้

การเก็บผลไม้ในฟาร์มที่ญี่ปุ่นครั้งแรกของเราก็จบลงด้วยความอิ่ม และสดชื่นกับบลูเบอรี่สดๆแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะหมดหน้าบลูเบอรี่สำหรับฟาร์มนี้ไปแล้ว แต่ฟาร์มอื่นก็ยังมีให้เก็บอยู่นะ เพราะระยะเวลาแต่ละที่จะต่างกันไป แต่ถ้าใครอยากมาฟาร์มนี้ วางแพลนปีหน้าจะมาละก็ ได้มาเต็มอิ่มฟินสุดกับบลูเบอรี่หวานๆแบบนี้แน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ค่าใช้จ่ายในการเก็บบลูเบอรี่ : ผู้ใหญ่ ( ม.ปลายขึ้นไป ) ราคา 700 เยน / คน, เด็ก ( 4 ขวบขึ้นไป ) ราคา 300 เยน / คน, เด็กต่ำกว่า 3 ขวบ ฟรี แต่ต้องชำระเป็นเงินสดเท่านั้นนะ
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม : สำหรับคนที่ต้องการนำบลูเบอรี่สดๆที่เก็บได้กลับบ้านทางฟาร์มคิดราคา 320 เยน / 100 กรัม
ช่วงเวลาที่สามารถเก็บได้ : 1 มิ.ย. – 31 ส.ค.
เวลา : 9.00 -17.00 น. ( แต่ในส่วนของคาเฟ่จะสั่งออร์เดอร์ได้ถึงแค่ 16.30 น. )
วิธีการเดินทาง : จากสถานีฮากาตะ นั่งรถไฟ Kuko Line ลงสถานี Tenjin แล้วเดินต่ออีก 5 นาที เพื่อมาขึ้นรถไฟสาย Nishitetsu-Tenjin-Omuta Line ไปประมาณ 30 นาที ลงที่ Nishitetsu-Kurume Station หลังจากนั้น นั่งรถไฟ นั่งรถบัสจากสถานี Nishitetsu Kurumeจะมีป้ายรถบัสอยู่บริเวณสถานีเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ลงป้าย Tsukuride เดินข้ามถนนก็ถึงเลย หรือใครพักที่อื่นที่ไกลจากสถานีฮากาตะ ลองดูวิธีเดินทางมาลงสถานี Nishitetsu-Kurume Station แล้วต่อบัสเอาก็ได้นะ ^^

know-before-you-go