รวมที่เที่ยวเด่นของคนไป "นางาโนะ" ครั้งแรก
นางาโนะเป็นจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น มีฉายาว่าหลังคาแห่งญี่ปุ่น เพราะล้อมรอบด้วยเทือกเขามากมายและอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากจึงทำให้สามารถเดินทางไปเที่ยวได้สะดวก นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติมากมาย มีความเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาที่เที่ยวที่คนไม่พลุกพล่านมาก
1. ปราสาทมัตสึโมโตะ
ปราสาทญี่ปุ่นโบราณใกล้กับสถานี JR Matsumoto ที่มีฉายาว่าปราสาทอีกาและยังถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ตัวปราสาททำจากไม้ ทาสีดำและมีทั้งหมด 6 ชั้น โดดเด่นด้วยหอคอยระวังภัยและป้อมปืนใหญ่ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับตัวปราสาท ส่วนรอบปราสาทจะมีทะเลสาปล้อมรอบทำให้ปราสาทแห่งนี้ดูยิ่งใหญ่ สงบและเยือกเย็น ส่วนภายในแต่ละชั้นของปราสาทจะมีการจัดแสดงภาพเขียน งานศิลปะ เครื่องปั้นดินเผา ไปจนถึงชุดเกราะและอาวุธที่ใช้ในการรบสมัยญี่ปุ่นโบราณ
ปราสาทมัตสึโมโตะเป็นจุดชมวิวที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งในนางาโนะ สามารถขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของปราสาทเพื่อชมวิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นสีขาวโพลนและตัวเมืองมัตสึโมโตะจากมุมสูงได้ ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกซากุระที่บานสะพรั่งสวยงามอยู่รอบๆ สีชมพูสดใสของดอกซากุระจะตัดกับสีดำของปราสาท เป็นช่วงที่เหมาะถ่ายรูปตัวปราสาทเป็นอย่างมาก
และนอกจากวิวสวยๆ ให้ได้ชมกันแล้ว แต่ละช่วงของปีก็จะมีการจัดกิจกรรมสนุกๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนปราสาทอีกด้วย เช่นหากมาเยือนปราสาทมัตสึโมโตะในช่วงหน้าร้อนก็จะมีการจัดงานเทศกาลตีกลองไทโกะ แสดงละครแบบญี่ปุ่น "ทาคิกิโน" หรือในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะมีเทศกาลชมดอกซากุระ ส่วนช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะมีเทศกาลชมจันทร์ มีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่ายบริเวณรอบๆ ปราสาทในยามค่ำคืนด้วย
หากกำลังมองหาของฝากหรือแหล่งช้อปปิ้ง บริเวณใกล้ๆกับปราสาทก็จะมีถนนที่มีสินค้า ขนม และของฝากมากมายให้ได้เลือกซื้อกันก็คือถนนนาวาเตะ จุดสังเกตุง่ายๆ ก็คือทางเข้าด้านหน้าถนนจะมีรูปปั้นกบตั้งอยู่ เรียกได้ว่าหากได้มาเที่ยวที่นี้ก็จะได้ทั้งวิวสวยๆ ความสนุกจากการได้ชมของโบราณที่ล้ำค่า ช้อปปิ้งของกินอร่อยๆ และของฝากกันไปเลยทีเดียว
2. ศาลเจ้าโทงาคุชิ
ศาลเจ้าโทงาคุชิเป็นศาลเจ้าญี่ปุ่นกลางป่าสุดขลัง แต่เดินทางมาไม่ยากอย่างที่คิด แค่ลงชินคันเซ็นที่สถานี Nagano และนั่งรสบัสเบอร์ 70 หรือ 73 ต่อประมาณ 1 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติ อากาศแสนจะบริสุทธิ์ บรรยากาศขลังๆ และความเงียบสงบ เพราะศาลเจ้าเมืองนางาโนะแห่งนี้ล้อมรอบด้วยป่าสนไม้ซีดาร์สูงใหญ่อยู่หลายร้อยปี ซึ่งเรียงตลอดทางเดินและเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการมาส่องนกและชมความสวยงามของดอกไม้และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสถานที่ตามความเชื่อของลัทธิภูเขาโทงาคุชิ เนื่องจากชาวญี่ปุ่นในสมัยโบราณมีความเชื่อในเรื่องของพลังจากธรรมชาติเป็นหลักนั่นเอง
บริเวณของศาลเจ้าจะแบ่งออกเป็นหลักๆ 5 ส่วนคือส่วนโอคุฉะ ชูฉะ โฮโคฉะ คุซุริวฉะ และฮิโนมิโกะฉะ แบ่งความสูงออกเป็น 3 ชั้น หลักๆ แล้วสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเยือนก็จะมีในส่วนของศาลเจ้าส่วนโฮโคฉะที่เป็นศาลเจ้าญี่ปุ่นแบบโบราณเรียบง่ายตกแต่งแบบศิลปะเรียวบุชินโต ศาลเจ้าส่วนฮิโนมิโกฉะ ศาลที่บูชาเทพเจ้าแห่งการเต้นระบำและศาลเทพเจ้าส่วนในหรือโอคุฉะ เป็นศาลที่มีชื่อเสียงในเรื่องการประทานพรโชคลาภ
อีกหนึ่งไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือต้นสนสามตอที่มีอายุยาวนานกว่า 800 ปี ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาสักการะและชื่นชมความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ นอกจากนั้นบริเวณศาลเจ้ามีร้านอาหารอยู่มากมาย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหิว ที่เห็นอยู่เป็นส่วนมากก็คือร้านโซบะซึ่งมีให้เลือกทานอยู่หลายร้าน แถมยังมีรสชาติอร่อย เรียกได้ว่าเป็นการเติมพลังงานชั้นดีก่อนที่จะเดินขึ้นเขาไปชมความงามของศาลเจ้าโทงาคุชิ
3. วัดเซนโคจิ
วัดญี่ปุ่นโบราณซึ่งเป็นวัดศาสนาพุทธคู่บ้านคู่เมืองของนางาโนะมาอย่างยาวนานกว่าพันปี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุดๆติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน Zenkojishita หรือจะเดินจากสถานี JR Nagano ไปก็ยังได้ นอกจากนั้นยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แรกที่เข้ามายังประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่ศาสนาพุทธเข้าสู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ นอกจากนั้นยังเป็นวัดที่ไม่จำกัดศรัทธาของผู้ที่มาสักการะ ไม่ว่าจะอยู่ชนชั้นใดหรือเพศไหน วัดนี้ก็ยินดีต้อบรับทั้งสิ้น ไม่แปลกเลยที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นวัดหนึ่งที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในประเทศญี่ปุ่น
ตัววัดถูกสร้างด้วยไม้และผ่านการบูรณะไปครั้งหนึ่งในสมัยเอโดะ ภายในตัววัดมีขนาดใหญ่และมีความโอ่อ่าเป็นอย่างมาก นอกจากพระพุทธรูปองค์แรกที่ถูกอัญเชิญมายังประเทศญี่ปุ่น และจะมีเทศกาลให้ชมเพียง 1 ครั้งใน 6 ปีเท่านั้น และยังมีพระพุทธรูปอีกมากมายประดิษฐานอยู่บริเวณห้องโถงใหญ่ทางเข้าภายในของบริเวณตัววัด
และเมื่อเดินเข้ามาด้านในอีกหน่อยจะมีห้องมืดสนิทให้นักท่องเที่ยวได้คลำทางเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอห่วงประตูตรงตำแหน่งแท่นพระประธานของวัด ซึ่งจุดนี้เองจะเป็นประตูสำหรับออกไปภายนอก มีแสงสว่างสดใส เพื่อให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่าได้เจอกับแสงสว่างในชีวิตและสรวงสวรรค์ ถือว่าเป็นกิจกรรมเสริมความเป็นศิริมงคลที่ทางวัดจัดให้นั่นเอง ที่จุดสิ้นสุดของทางเดินจากห้องมืดทางเหนือของห้องโถงจะมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของวัดอย่างละเอียด มีพระพุทธรูปแกะสลักเก่าแก่และรูปสลักกว่า 100 ชิ้น ซึ่งค่อนข้างจะอลังการพอสมควรเลยทีเดียว
วัดเซนโคจิมีค่าเข้าชม 500 เยน โดยสามารถเข้าชมได้ทั้งหมด 3 ส่วนของห้องโถงตามที่แนะนำไปข้างต้น และถ้านักท่องเที่ยวชมวัดจนทั่วแล้ว ก็สามารถเดินออกมาด้านตรงข้ามของวัดเพื่อเที่ยวถนนนากามิเสะ ถนนญี่ปุ่นที่มีทั้งขนมและของฝากให้เลือกซื้อมากมาย
4. คารุอิซาว่า
คารุอิซาว่าเป็นเมืองรีสอร์ทที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1000 เมตร เป็นจุดรวมรีสอร์ทสวยๆ และหรูหราสวยงามแห่งหนึ่งในเมืองนางาโนะที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจและหลีกหนีจากความวุ่นวายภายในเมืองใหญ่ โดยใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวโดยรถไฟโฮคุริคุชิงกังเซนเพียง 75 นาทีเท่านั้น เมื่อมาถึงที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับเมืองที่เงียบสงบ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่สวยงามอย่างภูเขาอาซามะ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมราคาถูกก็สามารถเดินทางไปยังเอาท์เล็ท ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าและรองเท้าให้เลือกซื้อกัน หรือจะไปเดินเล่นที่ถนน Kyu-Karuizawa Ginza ที่หน้าคล้ายกับย่านกินซ่าของโตเกียวในอดีต มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย และอีกที่หนึ่งที่อยากจะแนะนำสำหรับขาช้อปก็คือ Karuizawa Prince Shopping Plaza ซึ่งเป็นพลาซ่าที่อยู่ในรีสอร์ท Prince Grand ซึ่งมีความหรูหรา นอกจากพลาซ่าสำหรับช้อปปิ้งแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมภายในรีสอร์ทอีกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวได้รวมสนุกกันอย่างสกีและสนามกอล์ฟ
ด้วยความที่เป็นเมืองที่สร้างขึ้นมาให้พักผ่อนและท่องเที่ยวจึงมีจุดที่สวยงามน่ามาถ่ายรูปเล่นอยู่มากมายหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ต่างๆ เช่น โบสถ์คาธอลิคเซนต์พอล โบสถ์Karuizawa Shaw Memorial และโบสถ์ที่สร้างจากหิน โรงแรมเก่าอย่างโรงแรมมิคาซ่า ซึ่งเป็นโรงแรมแบบตะวันตกที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเมจิ พิพิธภัณฑ์ Hiroshi Senju ซึ่งจัดแสดงศิลปะสถาปัตยกรรมร่วมกับธรรมชาติดูสบายตา ไปจนถึงสถานที่ทางธรรมชาติสวยๆ อย่างทะเลสาบคุโมะไบเกะที่จะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและน้ำตกชิราโตะที่แม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีลักษณะเป็นทางยาวที่มีความสวยงาม เหมือนกับม่านสีขาวตัดกับต้นไม้และหินสีเขียว โดยธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้สามารถเยี่ยมชมได้โดยการปั่นจักรยานไปรอบๆ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมแนะนำอีกอย่างหนึ่งในเมืองรีสอร์ทแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
5. ยามาโนอูจิ (ยุดานากะ)
เป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ทางเหนือของนางาโนะ ห่างจากใจกลางเมืองนางาโนะไม่มาก อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Yudanaka โดยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะมาเยือนในหน้าหนาวเพราะมีสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นอย่างที่ราบสูงชิงะโคเงน ให้นักท่องเที่ยวได้มาสนุกกับกีฬาสกีท่ามกลางหิมะกัน อีกทั้งยังมีออนเซนมากมายหลายแห่งให้มาแช่น้ำร้อนและพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในยามาโนอูจิ นอกจากสกีรีสอร์ทชิงะโคเงนแล้วก็ยังมีอีกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติ Joshinetsu Kogen ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาเดินป่าที่แสนจะอุดมสมบูรณ์ได้ อีกทั้งยังมีออนเซนที่มีชื่อเสียงอย่างชิบุออนเซน ซึ่งเป็นแหล่งบ่อแช่น้ำร้อนแบบคลาสสิค เงียบสงบ สามารถเข้าไปใช้บริการบ่ออาบน้ำสาธารณะได้ทั้งหมด 9 บ่อ แต่ละบ่อมีความสามารถในการรักษาโรคแตกต่างกันไป โดยค่าบริการออนเซนสาธารณะสำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าพักในรีสอร์ทจะอยู่ที่ประมาณ 500 เยนเท่านั้นเอง
สถานที่แห่งหนึ่งที่มีสีสันและเป็นเอกลักษณ์ของยามาโนอูจิก็คืออุทยานลิงหิมะจิโกกุดานิ ซึ่งเป็นสวนวิจัยสำคัญสวนหนึ่งของญี่ปุ่น อยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ มีลิงภูเขาญี่ปุ่นที่อยู่ในการดูแลหลายร้อยตัว ซึ่งลิงเหล่านี้มักจะออกมาแช่บ่อน้ำพุร้อนชิบุยุดานากะอย่างพร้อมเพรียงกันในช่วงฤดูหนาว จนมีคนขนานนามลิงเหล่านี้ว่าเป็นลิงหิมะ เกิดเป็นภาพอันแสนน่ารัก เป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณนี้นั่นเอง นอกจากนั้น ในช่วงฤดูหนาวก็ยังมีการจัดกิจกรรมสนุกๆ อย่างเทศกาลโคมไฟยะมะโนะอุจิที่จัดขึ้นบริเวณยูดานากะออนเซน ซึ่งเป็นออนเซนเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงยาวนานหลายร้อยปี โดยเค้าจะจัดงานแสดงโคมไฟไปตามถนน Kaeda ในช่วงต้นเดือนธันวาคมไปจนถึงปลายเดือนมีนาคมของทุกปี เริ่มเปิดไฟตั้งแต่ 16.00 น. จนถึง 20.00 น.