นางาซากิ เมืองเล็กๆไม่ไกลจากฟุกุโอกะมากนัก คิดว่าคงเป็นที่คุ้นหูของหลายคนเพราะเมืองนางาซากิเป็นหนึ่งในเมืองท่าของญี่ปุ่นที่มีความสำคัญมาก และเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวดังๆเช่น สวนสันติภาพ หรือว่า จุดชมวิวบนภูเขาอินาสะที่ถือเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวกลางคืนที่สวยติดอันดับโลก เป็นต้น นอกจากนี้นางาซากิก็ยังเป็นแหล่งอาหารอร่อยที่ค่อนข้างจะแตกต่างกับอาหารญี่ปุ่นทั่วไป มีร้านสูตรแปลกๆที่เป็นที่นิยมมาก อย่างเช่นราเมงของร้านฮิรากิที่จะแนะนำวันนี้ค่ะ

เจ้ามะเขือเทศ ภาษาญี่ปุ่นเขายืมคำภาษาอังกฤษมาใช้ทั้งยังงั้นเลย อ่านว่า โทมาโท อาจจะเป็นผักที่ดูไม่เกี่ยวกับราเม็งเลย แต่ที่ร้านฮิรากินั้นสามารถนำเจ้าโทมาโท มาทำเป็นราเม็งรสชาติดีจนกลายเป็นเมนูยอดนิยมตั้งแต่เป็นร้านปี 2016 มาจนถึงทุกวันนี้

ร้านราเม็งเล็กๆนี้ แทบจะไม่เคยมีที่ว่างเลย ไม่ว่าจะกลางวันหรือยามดึกดื่นแค่ไหน ร้านฮิรากิก็มักจะเต็มไปด้วยลูกค้าตลอด ทั้งนักเรียน นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ แม้แต่ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในนางาซากิ หรือนักท่องเที่ยวต่างก็แวะเวียนมาชิมอย่างไม่ขาดสายเลยค่ะ

วิธีการเดินทาง
สามารถนั่งรถรางที่วิ่งทั่วเมืองนางาซากิ มาลงป้าย Kanko-dori จากนั้นให้ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามกับย่านช๊อปปิ้งฮามะโนะมาจิค่ะ จะเห็นร้านเล็กๆตรงหัวมุมถนนติดๆกับทางม้าลายเลยค่ะ รถรางเมืองนางาซากินั้นเป็นแบบจ่ายเหมาไม่ว่าจะลงป้ายไหนก็ ผู้ใหญ่ 120 เยน เด็ก 60 เยนค่ะ

เจอร้านหน้าตาแบบนี้ และมีป้ายใหญ่ๆเขียนตัวอักษรญี่ปุ่นว่า 営業中 (เปิดทำการ) ตั้งอยู่หน้าร้านแบบนี้ก็เข้าได้เลยค่ะ ซึ่งระยะทางจากป้ายรถรางสถานีคังโคโดริ มาถึงร้านฮิรากินั้นแค่ประมาณ 30 เมตรเท่านั้นเองค่ะ

ร้านฮิรากิมีเมนูหลากชนิด ทั้งทงคตซึราเม็งง(ราเม็งน้ำซุปกระดูกหมู) ทันทันเม็ง(ราเม็งน้ำซุปเผ็ด) อาโอสะราเม็ง(ราเม็งสาหร่ายอาโอสะ) และเมนูขึ้นชื่อ โทมาโทราเม็ง ราเม็งมะเขือเทศชามใหญ่ที่เราจะกินวันนี้ค่ะ

สนนราคาเพียงชามละ 730 เยน นอกจากนี้ใครไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ หรือทานมังสวิรัติก็ทานได้อย่างสบายใจเลยค่ะ แต่ถึงจะไม่มีเนื้อสัตว์แต่รสชาติก็อร่อยกลมกล่อมจนต้องยกถ้วยซดจนหยดสุดท้ายเลยค่ะ

รสชาติของโทมาโทราเม็งนั้น บอกได้เลยว่าไม่รู้สึกถึงกลิ่นมะเขือเทศเลยค่ะ น้ำซุปมะเขือเทศเข้มข้น แต่ไม่มีรสเปรี้ยวของมะเขือเทศแม้แต่นิดเดียว และถึงแม้รสสัมผัสของน้ำชุปจะข้นนิดๆแต่ก็ทานง่ายซดคล่องคอเลยค่ะ น้ำซุปราเม็งจะมีความมันเล็กๆจากท็อปปิ้งผักโขมและมะเขือม่วงที่ผัดกับน้ำมัน เวลาซดแล้วก็จะได้รสชาติกลมกล่อมกำลังดี และกลิ่มหอมนิดๆของกระเทียวเจียวที่โรยหน้ามาค่ะ

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มท๊อปปิ้งต่างๆได้เลยค่ะ และถ้าหากซุปจากราเม็งยังไม่หมดก็สามารถสั่งท็อปปิ้งหรือข้าวจานเล็กเพิ่มได้ โดยของเด็ดคือข้าวหน้าหอยลายถ้วยเล็ก ถ้วยละ 50 เยนค่ะ
ถ้าจะเพิ่มเส้นก็สั่งเพิ่มได้ 100 เยนค่ะ
ไข่ต้มแบบกึ่งสุกแบบมีไข่แดงเยิ้มๆ ลูกละ 100 เยน
กระเทียมสับ 50 เยน
ผักโขม 100 เยน
และตัวชูโรงของราเม็งมะเขือเทศเลย นั่นก็คือ มะเขือม่วงผัด สั่งเพิ่มได้ ราคา 100 เยนค่ะ

ถ้าหากใครชอบเผ็ดๆก็เติมซอสเผ็ดเข้าไปได้เลยค่ะ

วันธรรมดา วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11.00-03.00
วันศุกร์ วันเสาร์และวันก่อนวันหยุด 11.00-05.00

ถ้ามาเที่ยวนางาซากิแล้ว ขอแนะนำว่าอย่าพลาดมาชิม โทมาโทราเม็งนะคะ หากใครมีเด็กมาด้วยขอแนะนำให้ไปช่วงกลางวันค่ะ เนื่องจากร้านเล็กมากและมีโต๊ะเพียงสองโต๊ะเท่านั้น ตอนเย็นลูกค้าเยอะมากจนต้องต่อคิวรอไปจนถึงนอกร้านเลยค่ะ แต่รับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังกับรสชาติแน่นอนค่ะ