บุฟเฟต์ซูชิอันดับ1 ที่ต้องรอนานถึง 6 ชั่วโมง!!
ยกที่ 1 เริ่มได้!
หลังจากที่รอคอยมา 6 ชั่วโมง และผ่านไปประมาณ 20 นาที
ซูชิออเดอร์แรกก็มาเสิร์ฟค่ะ
เซ็ทแรกผู้เขียนกล้ากลัวๆว่าจะสั่งเยอะเกินไปแล้วทานไม่หมด จึงสั่งเป็นซูชิของโปรดไม่กี่ชิ้น ได้แก่ ไข่หอยเม่น, โอโทโร่, ชูโทโร่, หอยโฮตาเตะ, และกุ้งเนื้อแดงค่ะ เนื้อปลาโอโทโร่ กับไข่หอยเม่นนั้นอร่อยมากๆ ฟินสุดๆไปเลยล่ะค่ะ เรียกได้ว่าอร่อยสมกับการรอคอยเลยจริงๆ
ยกที่ 2 ยกแก้มือ 30 ชิ้นฟินเต็มๆคำ
เมื่อผู้เขียนทานเซ็ทแรกหมดภายในเวลา 2-3 นาที จึงรู้สึกว่าซูชิที่สั่งมานั้นน้อยเกินไป! จึงขอแก้มือในยกที่สองโดยการสั่งมาเลย 30 ชิ้นค่ะ
ซึ่งในเซ็ทที่สองนี้ เรายังสั่ง โอโทโร่, ชูโทโร่ และไข่หอยเม่น เหมือนเดิม แต่เพิ่ม กุ้งหวาน และปลาไหลย่าง เข้ามาค่ะ อยู่ที่ไทยกว่าจะได้ทานไข่หอยเม่นนี่ต้องเสียคำละ 300-600 บาท อยู่ที่ญี่ปุ่นเลยต้องทานให้คุ้ม
"ปลาไหลย่าง" หรือ อานาโกะนั้นอร่อยมาก เนื้อปลาอุ่นๆ ให้กลิ่นหอมและมีรสชาติหวานกำลังดี เมื่อทานแล้วละลายในปากได้ทันทีเลยค่ะ
ดูกันชัดๆกับปลาไหลชิ้นใหญ่ๆคำโตร้อนๆ หอม หวาน ให้เนื้อสัมผัสที่ดีมากๆ อร่อยฟินสุดๆเลยค่ะ
ยกที่ 3
เข้าสู่ออเดอร์ที่สาม มาถึงตรงนี้เราเริ่มทานไม่ไหวแล้ว เลยสั่งอะไรที่ยังไม่ได้ทานเต็มที่มาลองดูค่ะ
เซ็ทนี้เราสั่งมา 5 ชนิด ทั้งหมด 5 ชิ้นค่ะ
ได้แก่ แซลมอน, หอยโฮตาเตะ, ไข่หวาน, มิโสะมันปู, ปลาไหลย่าง
ระหว่างที่นั่งรอซูชิ ผู้เขียนเลยขอบันทึกวิดิโอในขณะที่เชฟกำลังเตรียมซูชิเล็กน้อยค่ะ
ยกที่ 4 ลาสท์ออเดอร์
เช้าสู่ออเดอร์สุดท้ายกับการทานซูชิครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การรอที่ยาวนาน และการทานซูชิที่อร่อยมากๆค่ะ
ซึ่งในครั้งนี้ผู้เขียนได้สั่งซูชิมาทานทั้งหมด 49 ชิ้น (แต่ไม่ได้ทานคนเดียวทั้งหมด 49 ชิ้นนะคะ)
ค่าเสียหายเพียงแค่ 3,000 เยนเท่านั้น ถือว่าคุ้มสุดๆสำหรับการทานซูชิในโตเกียวค่ะ
ใครที่สนใจมาทานซูชิที่ร้านซูชิมิโดริ สามารถเดินทางมาทานได้โดย
1. นั่งรถไฟสาย Odakyu มาลงที่สถานี Umegaoka (*นั่งจากสถานีชินจุกุประมาณ20นาที)
2. เมื่อออกจากสถานี Umegaoka ให้เลี้ยวซ้าย เมื่อเจอถนนให้เลี้ยวไปทางซ้าย
3. ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยแรกด้านขวามือ จะเห็นร้านขายซูชิสำหรับซื้อกลับบ้านของร้านซูชิมิโดริตรงมุมถนน
4. เดินตรงไปจะเห็นร้านซูชิมิโดริด้านขวามือในทันที
เพียงเท่านี้การไปทานซูชิแสนอร่อยก็ไม่ลำบากอีกต่อไปค่ะ ขอให้สนุกกับการทานซูชินะคะทุกคน