รู้จัก 30 วัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ารู้
![รู้จัก 30 วัฒนธรรมญี่ปุ่นน่ารู้](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/860/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc4b19250607_5fc4b18ba0f5d_579454024.jpg)
1 กิโมโน (Kimono)
![1 กิโมโน (Kimono)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc486d923dc7_5fc48447d37bb_122900497.jpg)
https://pixta.jp/
เราคงคุ้นเคยกันดีกับชุดกิโมโน (Kimono) ซึ่งเป็นชุดแต่งกายประจำชาติของญี่ปุ่น กิโมโนมีลักษณะเป็นเสื้อคลุมขนาดยาวที่มีแขนเสื้อกว้างมาก ใช้สายคาดที่เรียกว่าโอบิ (Obi) รัดเสื้อคลุมให้อยู่กับตัว มีลวดลายที่งดงามบนเนื้อผ้าที่ถักทอมาอย่างประณีต ซึ่งปัจจุบันนี้ชุดกิโมโนไม่เพียงแค่เป็นชุดที่ใส่กันไปร่วมงานเทศกาลและพิธีสำคัญต่างๆ เท่านั้น แต่กลายเป็นแฟชั่นยอดนิยมที่ชาวต่างชาติจำนวนมากให้ความสนใจด้วย
มีอึกหนึ่งชุดคล้ายกันที่ชาวต่างชาติมักจะจำสับสน นั่นคือยูตาตะ (Yukata) ซึ่งเป็นชุดที่ออกแบบมาแบบมีความพิธีการน้อยกว่ากิโมโน ไม่มีซับใน และสามารถใส่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีใครช่วย
2 พิธีชงชา (Sadou, Chadou)
![2 พิธีชงชา (Sadou, Chadou)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc486d9ce727_5fc4845e589a5_514478736.jpg)
https://pixta.jp/
พิธีชงชา หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่าซะโด (Sadou) หรือ ฉะโด (Chadou) แปลว่าวิถีแห่งชา เป็นพิธีกรรมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นที่แฝงให้เห็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่มีความเรียบง่าย ประณีต และพิถีพิถัน ชาที่นำมาใช้ชงนั้นเป็นชาบดจนเป็นผงละเอียดเรียกว่ามัทฉะ (Matcha) ขั้นตอนการชงคือตักมัทฉะใส่ถ้วย ตักน้ำร้อนจากหม้อต้มใส่ลงไป ใช้ไม้คนจนชาเป็นฟองก็เป็นอันเสร็จ จากนั้นก็ยกถ้วยชาเสิร์ฟให้กับแขก ซึ่งมักจะดื่มคู่กับขนมหวานชิ้นเล็กๆ เพื่อตัดความขมของชา
3 ฮานามิ (Hanami)
![3 ฮานามิ (Hanami)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc486da7379e_5fc4848010436_1969011307.jpg)
https://pixta.jp/
เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ กิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยคือการไปชมดอกซากุระ เป็นประเพณีการชมดอกไม้ของประเทศญี่ปุ่นที่เรียกว่าฮานามิ (Hanami) ได้รับความนิยมทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวด้วย ทุกคนต่างเฝ้ารอการไปทำกิจกรรมตามจุดชมซากุระในที่ต่างๆ เราจะได้เห็นคนญี่ปุ่นนำเสื่อหรือผ้าไปเพื่อปูพื้นสำหรับนั่ง พร้อมกับอาหารและเครื่องดื่มเพื่อรับประทานและสังสรรค์กันบริเวณใต้ต้นซากุระ ตามจุดชมซากุระแต่ละแห่งก็จะมีการออกร้านกันอย่างคึกคัก และคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมความงามและถ่ายรูปดอกซากุระ
จุดชมซากุระยอดนิยมของนักท่องเที่ยวก็อย่างเช่น สวนสาธารณะอุเอโนะ (Ueno Park) หรือปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นต้น
4 ชินโต (Shinto)
![4 ชินโต (Shinto)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc490008a33d_5fc48a5b9e786_214031338.jpg)
https://pixta.jp/
ชินโต (Shinto) เป็นหลักความเชื่อในการดำเนินชีวิตของชาวญี่ปุ่นมายาวนานตั้งแต่โบราณกาล คำว่าชินโตแปลได้ว่าวิถีแห่งเทพเจ้า ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการบูชาเทพเจ้าที่เรียกว่าเทพเจ้าแปดล้านองค์ (Yaoyorozu no Kami) เนื่องจากคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่ามีเทพเจ้าจำนวนนับไม่ถ้วนสถิตอยู่ในธรรมชาติทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ ก้อนหิน
หนึ่งในข้อสรุปสำคัญของชินโตนั้น นิยมสรุปว่า การบูชาธรรมชาติเป็นรากฐานของชินโต ไม่ว่าจะต้นไม้ ลำธาร ก้อนหิน ล้วนแล้วแต่มีเทพเจ้า หรือคามิ (Kami) สิงสถิตอยู่
5 เซ็น (Zen)
![5 เซ็น (Zen)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc486dbbc61a_5fc484d2240fc_2082535032.jpg)
https://pixta.jp/
เซ็น (Zen) เป็นนิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ที่มีความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น มีการผสมผสานแนวคิดของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจากอินเดียและปรัชญาจากลัทธิเต๋าของจีน เซ็นมีรากศัพท์มาจากคำว่าฌาน (Jhana) ที่แปลว่าสมาธิ
เซ็นจะไม่บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ แต่ยึดถือหลักปฏิบัติธรรมที่ช่วยในการกล่อมเกลาจิตใจ โดยจะเน้นที่การฝึกปฏิบัติ ฝึกการใช้ปัญญา และนั่งสมาธิเพื่อให้เกิดความรู้แจ้ง โดยความรู้แจ้งเป็นหนึ่งในจุดหมายของเซ็น ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าซาโตริ (Satori) ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่าตรัสรู้
หนึ่งในสัญลักษณ์ของเซ็น ที่สามารถจับต้องได้ ก็คือสวนหินแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า คะเรซันซุย (Kare Sansui) หรือที่ชาวต่างชาตินิยมเรียกกันว่าสวนเซ็น (Zen Garden)
6 โทริอิ
![6 โทริอิ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc490013143b_5fc48ed589e2a_49633251.jpg)
https://pixta.jp/
นี่คือสิ่งที่เห็นได้เป็นประจำสำหรับคนชอบเที่ยวศาลเจ้าชินโต นอกจากภูเขาไฟฟูจิและดอกซากุระแล้ว สิ่งที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของญี่ปุ่นก็คือโทริอิ (Torii) นี่เอง
โทริอิเป็นซุ้มประตูที่เป็นเสาขนาดใหญ่ 1 คู่ ด้านบนมีไม้ท่อนขนาดเล็กกว่าวางพาดขวาง 1 คู่ และมักนิยมทาสีแดงชาด เป็นความเชื่อของชินโตที่ตั้งไว้เพื่อให้เป็นที่รู้ว่าหลังเสาโทริอินี้เป็นอาณาเขตของเทพเจ้า มักพบเห็นเสาโทริอิได้ตามศาลเจ้า และสถานที่ที่เชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ อย่างเช่นตามป่า ภูเขา ทะเลสาบ
7 ซูชิ (Sushi)
![7 ซูชิ (Sushi)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc486dc6a2bd_5fc485376f5ba_649816201.jpg)
https://pixta.jp/
ถ้าพูดถึงอาหารญี่ปุ่น หลายๆ คนคงนึกถึงซูชิ (Sushi) ด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารับประทานบวกกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นทำให้ปัจจุบันซูชิได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ส่วนประกอบหลักของซูชิ ประกอบด้วยข้าวผสมน้ำส้มสายชู นำมาปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ขนาดพอดีคำ จัดวางอาหารทะเล ปลา หอย กุ้ง ปลาหมึกไข่ปลา และอื่นๆ ลงบนข้าวปั้นแบบพอดีคำ แบบนี้เรียกว่านิงิริซูชิ (Nigirisushi) เป็นซูชิแบบที่คนนิยมที่สุด นอกจากนี้ซูชิก็ยังมีอีกหลายแบบ เช่นซูขิที่นำวัตถุดิบมาม้วน แล้วห่อด้วยสาหร่ายเรียกว่า มากิซูชิ (Maki Sushi) เป็นต้น
8 ซาชิมิ (Sashimi)
![8 ซาชิมิ (Sashimi)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc486dd0f4e2_5fc485f5e9b0d_290999602.jpg)
https://pixta.jp/
อีกหนึ่งวัฒนธรรมด้านอาหารของญี่ปุ่นก็คือซาชิมิ (Sashimi) ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติไม่แพ้ซูชิ ซาชิมิเป็นการรับประทานเนื้อสัตว์ดิบไม่ผ่านการปรุงรส ซึ่งจะต่างกับซูชิตรงที่ไม่มีข้าวเป็นส่วนประกอบ ซาชิมิจะเป็นเนื้อสัตว์สดๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อของปลาทะเล นำมาหั่นหรือแล่จนเป็นชิ้นบาง รับประทานง่าย มักจะทานควบคู่กับเครื่องปรุงรสที่ช่วยกลบกินคาวของเนื้อดิบได้ อย่างเช่น โซยุ วาซาบิ ขิงดอง หัวไชเท้าขูดเส้น เป็นต้น
ซาชิมิที่เห็นบ่อยที่สุดแน่นอนว่าคือเนื้อปลา แต่นอกจากปลาแล้วเนื้อสัตว์อย่างอื่นเช่น เนื้อม้า ที่นำมาหั่นบางๆ ก็เรียกว่าซาชิมิได้เช่นกัน
9 วากาชิ (Wagashi)
![9 วากาชิ (Wagashi)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49001ce06f_5fc48b0d88991_1339773576.jpg)
https://pixta.jp/
วากาชิ (Wagashi) เป็นคำเรียกรวมๆ ของขนมหวานดั้งเดิมของญี่ปุ่นทุกชนิด แปลได้ตามชื่อเรียก ซึ่งเป็นการผสมคำว่า wa ที่หมายถึงญี่ปุ่น และ kashi ที่หมายถึงขนมหวาน รวมกันเป็นขนมหวานแบบญี่ปุ่น
ส่วนใหญ่ วากาชิ จะหมายถึงขนมหวานที่มีมาแต่โบราณ หรือได้รับความนิยมมากในอดีต เช่นในสมัยเอโดะ วัตถุดิบของวากาชิก็มักใช้ของที่มีการเพาะปลูกในญี่ปุ่นมาแต่โบราณ ใครที่ชอบทานอาจจะเคยสังเกตเห็นว่า ไส้ของขนมญี่ปุ่นโบราณหลายชนิดมักทำจากถั่วแดงหรือถั่วขาว เป็นต้น
วากาชิยอดนิยมก็อย่างเช่น โดรายากิ (Dorayaki) หรือขนมแป้งทอดไส้ถั่วแดง ที่คนไทยรู้จักกันดีจากการ์ตูนโดราเอมอนนั่นเอง (Doraemon)
10 วาบิซาบิ (Wabi-Sabi)
![10 วาบิซาบิ (Wabi-Sabi)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc490026904b_5fc48bfdd3e0d_1754704409.jpg)
https://pixta.jp/
วาบิซาบิ (Wabi-Sabi) เป็นอีกหนึ่งแนวคิดของศาสนาพุทธนิกายเซ็น (Zen) ประกอบขึ้นจากคำ 2 คำคือ “วาบิ” หมายถึง ความเรียบง่าย สมถะ และคำว่า “ซาบิ” คือความเงียบสงบ ใจที่นิ่ง เป็นปรัชญาที่ทำให้เราเห็นว่า
1. ทุกสิ่งล้วนไม่สมบูรณ์แบบ
2. แต่ในความไม่สมบูรณ์แบบ ก็มีความงามในตัวของมันเองซ่อนอยู่
วาบิซาบิสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเราจะได้เห็นผ่านสิ่งต่างๆ เช่นชีวิตประจำวันที่เรียบง่าย การออกแบบงานศิลปะ เครื่องใช้ต่างๆ และสถาปัตยกรรม เป็นต้น
รายชื่อบทความที่เกี่ยวข้อง
・วัฒนธรรม Subculture ญี่ปุ่นที่คนไทยต้องตะลึง!
・แบบนี้ก็มีด้วย! 7 ความเชื่อสุดแปลกของคนญี่ปุ่น
・รวมขั้นตอนและมารยาทในการแช่ออนเซ็น
・รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหารสไตล์คนญี่ปุ่น
・มารยาทที่ควรปฏิบัติเมื่อขึ้นรถไฟในญี่ปุ่น
11 ละครโนห์ (Noh)
![11 ละครโนห์ (Noh)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc490030cb5b_5fc48c80d0595_1678024522.jpg)
https://pixta.jp/
โนห์ (Noh) เป็นละครเวทีแบบเก่าแก่ของญี่ปุ่น จุดเด่นคือนักแสดงจะสวม "หน้ากากละครโนห์" เพื่อสวมบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ โดยจะแบ่งออกเป็นหน้ากากของผู้ชาย ผู้หญิง เทพเจ้า แต่ละตัวจะมีบทบาทแตกต่างกันออกไปเช่น นักปราชญ์ ปิศาจ คนบ้า และตัวละครในเทพนิยาย และแต่งกายแบบโบราณที่สวยงามขึ้นแสดงบนเวที มีการร้องผสมกันระหว่างเสียงสวดมนต์กับการเล่าเรื่อง และมีการบรรเลงดนตรีสลับด้วยในบางช่วง เรื่องที่นำมาเล่ามักจะมาจากนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวของนักรบ
12 คาบูกิ (Kabuki)
![12 คาบูกิ (Kabuki)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49003a3d8a_5fc48d24a23be_1924238725.jpg)
https://pixta.jp/
ละครคาบูกิ (Kabuki) เป็นศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิม ที่คาดกันว่าเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 17 และได้พัฒนาจนกลายเป็นละครยอดนิยมของผู้คนในสมัยเอโดะ โดยในอดีตจะมีนักแสดงเป็นผู้ชายล้วน ร่ายรำและเล่าเรื่องโดยมีวงดนตรีบรรเลงประกอบ เนื้อเรื่องที่นิยมแสดงจะเกี่ยวกับสังคมซามูไร ตำนานวีรบุรุษ เวทมนต์ เรื่องราวชีวิตของชาวเมือง และเรื่องเศร้า เป็นต้น
13 บุนรากุ (Bunraku)
![13 บุนรากุ (Bunraku)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc4900445160_5fc48d7655a35_179212732.jpg)
https://pixta.jp/
บุนรากุ (Bunraku) เป็นละครหุ่นแบบเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น การแสดงบุนรากุจะมีการบรรเลงดนตรีประกอบด้วยซามิเซ็น (Shamisen) นักเชิดหุ่นมักจะใส่ชุดสีดำเพื่อให้กลมกลืนกับฉากหลังที่มักมีสีดำ การเชิดหุ่นต้องใช้ฝีมือมากเพราะหุ่นแต่ละตัวจะมีความยาวประมาณ 1-1.5 เมตร ค่อนข้างใหญ่ และมีน้ำหนักมาก
การแสดงหุ่นดูแล้วเหมือนการแสดงของคนจริงๆ มีคนพากย์หุ่นคอยเล่าเรื่องราวที่เป็นมหากาพย์แบบสวดที่เรียกว่าโจรุริ (Joruri) โดยเรื่องที่เล่าก็มาจากมหากาพย์ชื่อดังที่เป็นเรื่องราวของวีรบุรุษนักรบ
14 ชามิเซ็น (Shamisen)
![14 ชามิเซ็น (Shamisen)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49004d82d7_5fc48f978a3b8_1187762824.jpg)
https://pixta.jp/
ชามิเซ็น (Shamisen) เป็นเครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงมากของญี่ปุ่น ใช้ประกอบการแสดงพื้นบ้านหลายชนิด เช่นบุนรากุและคาบูกิ ชื่อชามิเซ็นแปลว่า "สามสาย" เป็นเครื่องสายประเภทพิณที่มีสามสายตามชื่อ ลำตัวเป็นทรงสี่เหลี่ยม และในอดีตนิยมหุ้มด้วยหนังของหมาหรือแมว แต่ในปัจจุบันไม่นิยมทำกันแล้ว
เสียงของซามิเซนที่ดีดบรรเลงนั้นเปี่ยมด้วยพลัง โดยทั่วไปซามิเซ็นจะเล่นประกอบการร้องหรือการเล่าเรื่อง อย่างในการแสดงละครคาบูกิและละครหุ่นบุนรากุ ซามิเซ็นนั้นถือว่าเป็นตัวแทนของเครื่องดนตรีในยุคเอโดะที่สำคัญอย่างยิ่ง และผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่นจะมีโอกาสได้พบเห็นบ่อยมาก
15 คาราเต้
![15 คาราเต้](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc493d45273c_5fc4908c6fcfe_378722222.jpg)
https://pixta.jp/
คาราเต้ (Karate) แปลได้ว่า วิถีแห่งมือเปล่า เป็นศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่งของญี่ปุ่น มีการผสมผสานกันระหว่างการต่อสู้ของชาวโอกินาวะและการได้รับอิทธิพลจากทักษะการต่อสู้แบบจีนที่ใช้ฝ่ามือ วิธีการต่อสู้คือใช้สมาธิดึงพลังจากทั่วร่างกายมารวมให้เป็นหนึ่งก่อนทำการโจมตีโดยใช้มือและเท้าต่อยและเตะเข้าที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายคู่ต่อสู้ และอีกสิ่งสำคัญของคาราเต้คือการฝึกจิตใจให้มีความว่างเปล่า สามารถละเว้นจากความปรารถนา ความมีทิฐิและกิเลสต่างๆ ได้
16 ซูโม่
![16 ซูโม่](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc493d4ed597_5fc4923ebb271_1032162241.jpg)
ซูโม่ (Sumo) เป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่น และกีฬายอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่น ที่หลายคนอยากไปดูซักครั้ง
ซูโม่พัฒนามาจากศิลปะการต่อสู้เก่าแก่และมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเทพเจ้า นักกีฬาซูโม่จะเป็นผู้ชายที่มีลักษณะร่างกายใหญ่โตอ้วนท้วนสมบูรณ์ เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และมีพละกำลังมาก ทำผมทรงมัดจุกแบบสมัยเอโดะ สวมผ้าเตี่ยวที่เรียกว่ามาวาชิ (Mawashi) ต่อสู้ด้วยมือเปล่าโดยใช้คิมาริเทะ (Kimarite) ซึ่งเป็นคำเรียกท่าต่อสู้ของซูโม่ที่มีอยู่ 82 ท่า ผสมผสานกันออกท่าจับ เหวี่ยง ทุ่ม สกัด บิด หมุน
ซูโม่ตัดสินแพ้ชนะกันตรงที่ว่า ใครจะล้มลงก่อน หรือใครหลุดออกนอกเวทีดินที่เรียกว่า โดเฮียว (Dohyo) ก่อนกัน
17 คิวโด หรือการยิงธนู (Kyudo)
![17 คิวโด หรือการยิงธนู (Kyudo)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc493d58fb84_5fc492fe0dea6_547472366.jpg)
https://pixta.jp/
คิวโด (Kyudo) แปลว่าวิถีแห่งธนู เป็นการยิงธนูที่เกิดจากการฝึกฝนต่อสู้เพื่อสงครามของชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน จนพัฒนามาเป็นกีฬาดังเช่นในปัจจุบัน
อุปกรณ์ที่ใช้มีคันธนูที่เรียกว่ายูมิ (Yumi) และลูกธนูไม้ไผ่ที่เรียกว่ายะ (Ya) คิวโดถือเป็นศิลปะการต่อสู้ที่สวยงามมากอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ปล่อยลูกศรจากคันธนูไปปักที่เป้า เพราะหลักของคิวโดคือการฝึกจิตใจและสมาธิให้นิ่ง และปัจจุบันยังคงมีการนำการยิงธนูไปใช้ในการประกอบพิธีสำคัญและเทศกาลต่างๆ
18 เคนโด้ (Kendo)
![18 เคนโด้ (Kendo)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc493d633789_5fc493b588f8c_1637339478.jpg)
https://pixta.jp/
เคนโด้ (Kendo) แปลว่าวิถีแห่งดาบ เป็นศิลปะการต้อสู้ป้องกันตัวของคนญี่ปุ่น มีกระบวนท่าการต่อสู้ที่รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด และต่อเนื่อง มีรากฐานมาจากการใช้ดาบของพวกซามูไรในสมัยก่อน และมีหลักฐานว่าฝึกฝนกันมามากกว่าพันปี อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเคนโด้ได้แก่ ดาบไม้ ชุดฝึกที่เรียกว่าเคโคงิ (Keiko-gi) กางเกงฮากามะ (Hakama) และชุดเกราะเครื่องแบบที่ประกอบด้วยเสื้อเกราะหน้าอก หน้ากาก ที่ป้องกันแขน และที่ป้องกันสะโพก
19 ยูโด
![19 ยูโด](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49ffac9960_5fc49a7171a4a_818971913.jpg)
https://pixta.jp/
ยูโด (Judo) เป็นศิลปะการป้องกันตัวประเภทหนึ่งของญี่ปุ่น แปลได้ว่าวิถีแห่งความยืดหยุ่น มีที่มาจากศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่าจูจุตสึ (Jujutsu) หรือยิวยิตสูนั่นเอง โดยนำมาปรับใช้โดยเน้นการฝึกสมาธิให้แน่วแน่บวกกับการใช้พลังกายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อต่อสู้ให้ชนะ
ยูโดนั้นไม่ได้ใช้อุปกรณ์ในการต่อสู้แต่ใช้เพียงมือเปล่า โดยใช้เทคนิคหลัก 3 แบบ คือ การทุ่ม (Nage-waza) การจับล็อกหรือทําให้จํานน (Katame-waza) และเทคนิคเกี่ยวกับการชกต่อย ทุบ ตี ถีบถอง ส่วนต่างๆของร่างกาย (Atemi-waza)
20 ดารุมะ
![20 ดารุมะ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49ffb70460_5fc49ab3893c9_492809745.jpg)
https://pixta.jp/
ถ้าพูดถึงตุ๊กตาตัวกลมๆ สีแดง มีตาข้างเดียวของญี่ปุ่น น่าจะมีคนนึกออกว่าเป็นตุ๊กตาดารุมะ (Daruma) ซึ่งจัดว่าเป็นเครื่องรางยอดนิยมของคนญี่ปุ่นเลยทีเดียว ดารุมะเป็นตุ๊กตาไม้ ลักษณะกลมคล้ายตุ๊กตาล้มลุก ไม่มีแขนและขา มีคิ้ว มีหนวดเครา แต่ไม่มีลูกตาสีดำ หน้าตาคล้ายคลึงกับพระโพธิธรรม ส่วนใหญ่เป็นสีแดง แต่ก็มีสีอื่นด้วย และมักมีความหมายที่เป็นพรอันเป็นมงคลต่างๆ
การที่ดารุมะไม่มีลูกตาดำก็เพราะเอาไว้สำหรับให้เจ้าของเป็นคนแต้มสีเองตอนขอพร โดยแต้มที่ตาขวา เมื่อขอพร และเมื่อได้พรสำเร็จสมปรารถนาแล้วก็แต้มสีที่ตาซ้ายแล้วนำไปวางไว้บนหิ้งให้ดารุมะหันไปทางทิศใต้
รายชื่อบทความที่เกี่ยวข้อง
・วัฒนธรรม Subculture ญี่ปุ่นที่คนไทยต้องตะลึง!
・แบบนี้ก็มีด้วย! 7 ความเชื่อสุดแปลกของคนญี่ปุ่น
・รวมขั้นตอนและมารยาทในการแช่ออนเซ็น
・รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหารสไตล์คนญี่ปุ่น
・มารยาทที่ควรปฏิบัติเมื่อขึ้นรถไฟในญี่ปุ่น
21 สาเก หรือเหล้าญี่ปุ่น นิฮงชู (Sake, Nihonshu)
![21 สาเก หรือเหล้าญี่ปุ่น นิฮงชู (Sake, Nihonshu)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49ffc20064_5fc49baebb94f_378510447.jpg)
https://pixta.jp/
สาเก (Sake) หรือนิฮงชู (Nihonshu) คือเหล้าญี่ปุ่นที่ทำจากข้าว ได้รับความนิยมมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถดื่มได้ทั้งแบบเย็นหรือนำมาอุ่นให้ร้อนแล้วค่อยดื่มก็ได้ นำไปใช้ในการประกอบอาหารก็ได้ รสชาติของสาเกก็มีหลากหลายมากตั้งแต่หวานไปจนถึงขม เพราะหัวใจของการทำสาเกอยู่ที่เชื้อโคจิ (Koji) ที่นำมาใช้หมักกับข้าว ซึ่งเป็นสูตรลับของแต่ละตระกูล อันนี้ก็แล้วแต่คนว่าชอบรสชาติแบบไหนกัน นอกจากนี้สาเกยังมีชื่อเรียกที่ต่างไปตามฤดูกาลด้วย เช่น ฤดูชมดอกซากุระก็เรียกว่าฮานามิสาเก (Hanami Zake) ชมหิมะตกก็เรียกยูคิมิสาเก (Yukimi Zake) เป็นต้น
คำว่าสาเก ในภาษาญี่ปุ่นจริงๆแล้ว เป็นคำเรียกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมๆ ทุกชนิด ถ้าคนญี่ปุ่นพูดคำว่าสาเก ก็อาจจะหมายถึงอยากดื่มเหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ก็ได้
ส่วนเครื่องดื่มเหล้าหมักจากข้าวแบบญี่ปุ่นที่ชาวต่างชาติอย่างเราเรียกว่า "สาเก" คนญี่ปุ่นจะเรียกว่า นิฮงชู (Nihonshu)
22 การเขียนพู่กัน หรือโชโด (Shodou)
![22 การเขียนพู่กัน หรือโชโด (Shodou)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49ffcd1619_5fc49bcb6ebef_704666917.jpg)
https://pixta.jp/
การเขียนพู่กัน (Shodou) เป็นศิลปะการเขียนตัวอักษรด้วยลายมือที่สวยงามซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แสดงให้เห็นความงดงามของตัวอักษร ทั้งอักษรคันจิ (Kanji) และตัวอักษรคานะ (Kana) อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบด้วยกระดาษญี่ปุ่นและพู่กัน ซึ่งในอดีตพู่กันมักทำมาจากขนของสัตว์เช่นขนแกะ ขนม้า เป็นต้น โดยจุ่มพู่กันที่ทำจากขนสัตว์ลงในหมึกดำ แล้วเขียนตัวหนังสือลงไป การตวัดพู่กันเขียนนี้ต้องใช้สมาธิความประณีต และใส่ความรู้สึกลงไปในขณะเขียนเพื่อให้ออกมาเป็นผลงานศิลปะที่มีความหมาย
23 สวนญี่ปุ่น (Teien หรือ Nihon-Teien)
![23 สวนญี่ปุ่น (Teien หรือ Nihon-Teien)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49ffd74218_5fc49c116fb77_1462074275.jpg)
https://pixta.jp/
สวนแบบญี่ปุ่น (Teien หรือ Nihon-Teien) ได้รับอิทธิพลมาจากสวนของจีนที่เข้ามาพร้อมกับการเผยแผ่พุทธศาสนา การจัดสวนจึงเริ่มต้นจากในวัด ต่อมาก็ได้รับเอาความเป็นสวนแบบเซ็น มาผสมผสานและสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง การจัดสวนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการจัดองค์ประกอบของภูมิทัศน์โดยในสวนจะต้องมีน้ำตก ลำธาร สระน้ำ หรือเกาะกลางน้ำและสะพานข้าม มีพืชพันธุ์ต่างๆ หินประดับ ตะเกียงหินตั้งตามจุดต่างๆ และทางเดินชมสวน
24 โอมาโมริ
![24 โอมาโมริ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49ffe26194_5fc49d7f89075_1557082321.jpg)
https://pixta.jp/
โอมาโมริ (Omamori) มีความหมายว่าปกป้องคุ้มครอง เป็นเครื่องรางของศาลเจ้าในญี่ปุ่น มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบดั้งเดิมที่เป็นถุงผ้าขนาดเล็กซึ่งน่าจะคุ้นตากันดี และปัจจุบันยังมีทำเป็นสติ๊กเกอร์ พวงกุญแจ สายคล้องมือถือ และอีกหลายแบบที่เหมาะกับวิถีชีวิตคนสมัยใหม่ คนที่มาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้ามักซื้อเอาไปพกติดตัวเพื่อเสริมสิริมงคล
โอมาโมริมีหลายความหมาย และมีหลายสี โอมาโมริมักจะแบ่งประเภทชัดเจนว่าเน้นให้โชคลาภด้านไหนเป็นพิเศษ เช่น ด้านการงาน ด้านการค้าขาย ด้านสุขภาพ ด้านการเรียน ด้านความรัก ด้านการเดินทางปลอดภัย เป็นต้น
25 ไฮกุ
ไฮกุ (Haiku) คือบทกวีญี่ปุ่น มาจากบทกวีดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า ไฮไค (Haikai) หรือ เร็งกุ (Renku) ไฮกุมีมานานกว่า 400 ปีแล้ว และมีบทบาทมากในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 หนึ่งบทกลอนประกอบด้วยคำกลอนรวมทั้งหมด 17 พยางค์ เขียนแบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคที่สอง 7 พยางค์ และวรรคที่สาม 5 พยางค์ตามลำดับ พรรณนาถึงสภาพจิตใจ จิตวิญญาณและความรู้สึกที่ลึกซึ้ง เนื้อหาเน้นความเรียบง่าย ไม่ยึดติดตามแบบแผน มีความอิสระไร้ข้อจำกัด เป็นไปตามกระแสธรรมชาติเรื่อยๆ และมีความสั้นกระชับ
26 คารุตะ
![26 คารุตะ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49ffec4cee_5fc49dfc10a77_1471300206.jpg)
https://pixta.jp/
หลายๆ คนอาจจะเคยผ่านตามาบ้างในละครหรือการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีฉากเล่นไพ่คารุตะ (Karuta) คารุตะนั้นที่จริงแล้วมาจากคำภาษาโปรตุเกสที่หมายถึง "ไพ่" และญี่ปุ่นเองก็มีคารุตะหลากหลายชนิด
คารุตะที่น่าจะเป็นที่นิยมที่สุดคือ ไพ่จับคู่บทกลอน 100 บทของญี่ปุ่น โดยกติกาการเล่นคือจะมีคนหนึ่งอ่านกลอนวรรคแรกบนไพ่อ่านที่เรียกว่าโยมิฟุดะ (Yomifuda) แล้วผู้เล่นคนอื่นๆ ที่มาร่วมเล่น ก็ต้องแย่งกันหยิบไพ่ที่เรียกว่าโทริฟุดะ (Torifuda) ที่เป็นกลอนวรรคหลัง มาจับคู่กัน
27 โอริงามิ
![27 โอริงามิ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc49fff6f6ad_5fc49ee2e939b_1587556934.jpg)
https://pixta.jp/
ถ้าพูดถึงการละเล่นญี่ปุ่น โอริงามิน่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกที่คนจะนึกถึง
โอริงามิ (Origami) เป็นเป็นศิลปะในการพับกระดาษของญี่ปุ่น มาจากคำว่าพับ (Ori) และคำว่ากระดาษ (Kami) โดยใช้กระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดตั้งแต่ 2.5 เซนติเมตร ไปจนถึง 25 เซนติเมตรที่เป็นสีเดียวกัน หรือต่างสีกัน หรือจะเป็นกระดาษที่มีลวดลายต่างๆ ก็ได้ มาทำการพับทบไปจนเป็นรูปร่างต่างๆ เช่น นก ปลา กบ และอีกมากมาย
28 โชงิ หรือหมากรุกญี่ปุ่น (Shogi, Japanese Chess)
![28 โชงิ หรือหมากรุกญี่ปุ่น (Shogi, Japanese Chess)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc4a0001d12a_5fc49f053ee72_76437389.jpg)
https://pixta.jp/
โชงิ (Shogi) คือหมากรุกญี่ปุ่น เป็นเกมกระดานที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณจนกระทั่งปัจุบันก็ยังมีผู้นิยมเล่นกันเยอะ โชงิเริ่มได้รับความสนใจเล่นกันมากในสมัยเฮอันเรียกว่าเฮอันโชงิ (Heian Shogi) และแพร่หลายในสมัยเอโดะ จนมีการก่อตั้งชมรมโชงิขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นโชงิคือกระดานขนาด 9×9 ช่อง และตัวหมากทั้งหมด 40 ตัว หมากแต่ละตัวจะมีตัวอักษรคันจิเขียนกำกับไว้ด้านบน ลักษณะการเล่นเหมือนจำลองการทำสงคราม โดยผู้เล่น 2 ฝ่ายทำสงครามกัน โดยที่แต่ละฝ่ายก็จะมีขุนพล ทหาร แม่ทัพ และตัวหมากต่างๆ ทำการสู้รบเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะในศึก
29 อิเคบานะ (Ikebana)
![29 อิเคบานะ (Ikebana)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc486db1c9c7_5fc48497a2544_101893004.jpg)
https://pixta.jp/
อิเคบานะ (Ikebana) เป็นศิลปะของการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น เน้นความเรียบง่ายและความเป็นธรรมชาติเป็นหลัก พัฒนามาจากการจัดดอกไม้ถวายในพิธีกรรมต่างๆ การจัดอิเคบานะจะไม่ใช้ดอกไม้เยอะ จัดลงในภาชนะรูปทรงต่างๆ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้จัดว่าจะให้มีทรงสูง เป็นพุ่มดอกไม้ หรือเป็นอิเคบานะขนาดเล็ก แล้วจัดให้มีความสมดุลโดยนำกิ่งไม้ ใบไม้ รากไม้ ต้นหญ้ามาใช้เป็นองค์ประกอบในการจัดรวมกับดอกไม้ด้วย โดยหนึ่งในเป้าหมายคือการทำให้มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
30 แมวกวัก มาเนกิ เนโกะ (Maneki Neko)
![30 แมวกวัก มาเนกิ เนโกะ (Maneki Neko)](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2020/11/5fc4a1b625900_5fc4a0db3d311_1346599407.jpg)
https://pixta.jp/
แมวกวักญี่ปุ่นหรือมาเนกิ เนโกะ (Maneki Neko) เป็นสิ่งมงคลเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องโชคลาภของคนญี่ปุ่น เป็นตุ๊กตารูปปั้นแมวที่อยู่ในท่านั่ง มีหลายขนาด สวมใส่ปลอกคอพร้อมกระดิ่งห้อยที่คอ ยกขาหน้าขึ้นในลักษณะกวักขาข้างใดข้างหนึ่งหรือบางตัวก็กวักทั้ง 2 ข้าง มีความเชื่อว่าถ้ายกขาขวาจะกวักเรียกเงินทองและโชคลาภ ยกขาซ้ายจะเรียกลูกค้าเข้าร้าน และถ้ายกขาทั้งสองข้างจะเรียกทั้งลูกค้าและเงินทอง เป็นต้น
รายชื่อบทความที่เกี่ยวข้อง
・วัฒนธรรม Subculture ญี่ปุ่นที่คนไทยต้องตะลึง!
・แบบนี้ก็มีด้วย! 7 ความเชื่อสุดแปลกของคนญี่ปุ่น
・รวมขั้นตอนและมารยาทในการแช่ออนเซ็น
・รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหารสไตล์คนญี่ปุ่น
・มารยาทที่ควรปฏิบัติเมื่อขึ้นรถไฟในญี่ปุ่น