รู้จัก 10 หมู่บ้านที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
ชนบทในญี่ปุ่นนั้นมีเสน่ห์ไม่แพ้เมืองใหญ่ แต่น่าเสียดายที่น้อยคนจะเคยไป วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ 10 หมู่บ้านที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการจัดอันดับโดยองค์กร The Most Beautiful Villages in Japan มีหลากหลายตั้งแต่หมู่บ้านเก่าแก่ในยุคเอโดะ หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา และหมู่บ้านชาวประมงริมทะเล สวยทุกที่แน่นอน
1. หมู่บ้านบิเอ จ.ฮอกไกโด (Biei, Hokkaido)
บิเอเป็นเมืองเล็กๆ ซึ่งเป็นประตูไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “บลูพอนด์” หรือบ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond) หรือ “น้ำตกชิราฮิเกะ” (Shirahige Waterfall) แต่ตัวเมืองบิเอเองนั้นก็มีเสน่ห์ทั้งจากภูมิประเทศที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงามและอุดมสมบูรณ์ ทั้งภูเขาและทุ่งหญ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา รวมถึงอาคารต่างๆ ภายในเมืองก็มีลักษณะการก่อสร้างที่ผสมผสานความเป็นยุโรป มีการควบคุมสีของอาคารให้กลมกลืนกัน บวกกับมีการวางผังเมืองอย่างสวยงาม ทำให้บรรยากาศภายในเมืองนอกจากจะดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ยังแฝงไปด้วยความน่ารักและสบายๆ จากร้านรวงและคาเฟ่ต่างๆ ที่แฝงตัวอยู่
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเที่ยวชมเมืองบิเออิก่อนที่จะแวะไปสถานที่อื่นๆ ก็สามารถเดินเท้า เช่าจักรยานเพื่อปั่นไปรอบๆ เมือง หรือขึ้นรถบัส Biei View Bus ซึ่งเป็นรถบัสสำหรับชมเมืองและธรรมชาติรอบๆ เมืองโดยเฉพาะ
2. หมู่บ้านฮิกาชินารุเสะ จ.อากิตะ (Higashinaruse, Akita)
หมู่บ้านฮิกาชินารุเสะเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรประมาณ 3,000 คน เท่านั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติในจังหวัดอากิตะ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในจุดที่สามารถดูดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ชัดเจนมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในบริเวณหมู่บ้าน จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามหลากหลายรูปแบบ เช่น น้ำตกอากะ (Aka Waterfall) ที่มีจุดเด่นตรงที่มีสายน้ำสีแดงจากค่าความเป็นกรดในน้ำสูง ทะเลสาบโอยานากินุมะ (Oyanagi Numa) ทะเลสาบสองแห่งที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและต่ำในบริเวณเดียวกัน ถือเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์ และชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง รวมถึงแหล่งออนเซ็นชั้นดีและใกล้ชิดธรรมชาติอย่างนารุเสะออนเซ็น (Naruse Onsen) และยามายุริออนเซ็น (Yamayuri Onsen)
3. หมู่บ้านคิตะชิโอะบาระ จ.ฟุคุชิมะ (Kitashiobara, Fukushima)
หมู่บ้านคิตะชิโอะบาระเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเมืองไอซุ (Aizu) บริเวณชายแดนของจังหวัดฟุคุชิมะและจังหวัดยามากาตะ ชื่อของหมู่บ้านมาจากการรวมกันของอดีตหมู่บ้านเล็กๆ สามแห่งคือคิตะยามะ, โอชิโอะ และฮิบาระ รวมกันเป็น คิตะชิโอะบาระ
พื้นที่ส่วนหนึ่งของหมู่บ้านคืออุทยานแห่งชาติบันได อาซาฮี (Bandai-Asahi National Park) ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาบันได (Mount Bandai) และทะเลสาบฮิบาระ (Lake Hibara) มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติสำหรับนักท่องเที่ยวตามแนวภูเขาเหล่านี้ และนอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวที่โดนเด่นคือถนนฮิบะระ วิว ไลน์ ซึ่งถือเป็นเส้นทางขับรถที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยหากเช่ารถขับไปตามถนนสายนี้จะได้พบกับวิวของภูเขา ทะเลสาบ และจะยิ่งมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้นไม้บนภูเขาพากันเปลี่ยนสีสันพร้อมกันทั้งหมด
4. หมู่บ้านคิโสะ จ.นางาโนะ (Kiso, Nagano)
หมู่บ้านคิโสะในจังหวัดนางาโนะ เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในฐานะหมู่บ้านโบราณที่ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนเก่าแก่อายุหลายร้อยปีในยุคเอโดะเอาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในการเป็นจุดแวะพักสำคัญของเหล่านักเดินทางในอดีต ที่ใครจะเดินทางระหว่างเอโดะ (โตเกียว) และเกียวโตจะต้องผ่านมาทางนี้ ปัจจุบันบ้านเก่าแก่บางแห่งถูกปรับให้เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านขายของ ไปจนถึงที่พัก
โดยนอกจากบรรยากาศที่เหมือนกับได้ย้อนไปอยู่ในยุคญี่ปุ่นโบราณแล้ว หมู่บ้านคิโสะยังตั้งอยู่บนพื้นที่สูง และห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ ซึ่งมีเส้นทางเดินชมธรมชาติหลากหลายรูปแบบที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินไปสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติได้อย่างง่ายได้ โดยหนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจก็คือเส้นทางมาโงเมะ-สึมาโกะ (Magome-Tsumago Trail) ซึ่งในอดีตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางค้าขายสำคัญที่มีคนสัญจรไปมาจริงๆ จึงได้สัมผัสทั้งร่องรอยของวัฒนธรรมและธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน
5. หมู่บ้านนาคาโนโจ จ.กุนมะ (Nakanojo Kuni, Gunma)
หมู่บ้านนาคาโนโจ เป็นหมู่บ้านในจังหวัดกุนมะที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบซึ่งห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติที่เงียบสงบ และจุดเด่นคือเนินเขาชิบุโทเกะ (Shibu-toge) จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่มีเอกลักษณ์ มองจากมุมสูงในยามพระอาทิตย์ตกดินจะเห็นต้นไม้ทอดเงายาวเป็นภาพที่แปลกตา และเป็นสถานที่ที่นักเขียนและกวีญี่ปุ่นชื่นชอบเนื่องจากมีทัศนียภาพที่งดงามและสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนผลงาน
ที่เมืองเป็นแหล่งปลูกโซบะ จึงมีของกินขึ้นชื่อคือ จูวาริโซบะ (Juwari Soba) โซบะแบบเข้มข้นซึ่งใช้แป้งจากต้นโซบะร้อยเปอร์เซ็นต์ (ปกติจะผสมแป้งสาลี) ทำให้เส้นมีสีและรสเข้มกว่าเส้นโซบะปกติ และมีแหล่งออนเซ็นชื่อดังหลายแห่งเช่น ชิมะออนเซ็น (Shima Onsen) และคุนิ โนะ ซาโตะ ออนเซ็น (Kuni no Sato Onsen)
6. หมู่บ้านฮายาคาวะ จ.ยามานาชิ (Hayakawa, Yamanashi)
หมู่บ้านฮายาคาวะ เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่โอบล้อมไปด้วยแนวภูเขาสูงใหญ่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดยามานาชิ และมีประชากรเหลืออยู่ในปัจจุบันเพียงหนึ่งพันคนโดยประมาณ ถือเป็นหมู่บ้านที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดของประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน บรรยากาศของหมู่บ้านแห่งนี้จึงมีทั้งความเงียบสงบ และอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง วิวที่สวยงามนั้นมีอยู่ทั่วบริเวณ แต่ที่โดดเด่นก็อย่างเช่นวิวของ ทะเลสาบนาราตะ (Lake Narata) สีเขียวมรกต
บ้านบางหลังในหมู่บ้านนั้นเปิดเป็นที่พักสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสกับธรรมชาติที่เงียบสงบ และสิ่งที่เป็นไฮไลท์สำคัญของหมู่บ้านแห่งนี้คือโรงแรมนิชิยามา ออนเซ็น เคอุนคัง (Nishiyama Onsen Keiunkan) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเปิดทำการมาต่อเนื่องตั้งแต่ ค.ศ. 705 และสืบทอดกิจการในตระกูลกันมากว่า 52 รุ่นจนถึงปัจจุบัน รวมถึงยังได้รับการบันทึกจาก Guinness Book ว่าเป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย
7. หมู่บ้านโทสุคาวะ จ.นารา (Totsukawa, Nara)
หมู่บ้านโทสุคาวะ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนารา เป็นหนึ่งในหมู่บ้านออนเซ็นที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติซึ่งมีทั้งบ่อออนเซ็นสาธารณะ บ่อออนเซ็นกลางแจ้ง เรียวกังเก่าแก่ ไปจนถึงร้านขายอาหารและของที่ระลึกที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว
นอกจากการเดินทางมาแช่อนเซ็นในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ภายในบริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่นแม่น้ำโทสุคาวะที่เป็นที่มาของชื่อเมือง ซึ่งมีหน้าผาอันสวยงามและสะพานทานิเซะ (Tanize Bridge) สะพานแขวนสำหรับชมวิวที่ทอดยาวเหนือหุบเขา หรือน้ำตกซาซาโนะทากิ (Sasanotaki) ที่มีความสูงถึง 32 เมตร น้ำที่ไหลลงมาจะมีลักษณะเป็นเส้นเรียว สูงยาว เหมือนกับต้นไผ่ จนเป็นที่มาของฉายาที่เรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า “น้ำตกต้นไผ่”
8. หมู่บ้านโยชิโนะ จ.นารา (Yoshino, Nara)
หนึ่งในหมู่บ้านซึ่งน่าจะเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับนักท่องเที่ยว จากชื่อเสียงของการเป็นหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาโยชินะที่สามารถมองเห็นต้นซากุระหลายหมื่นต้นในหุบเขาผลิบานพร้อมกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น แต่นอกจากซากุระแล้ว พื้นที่โดยรอบหมู่บ้านยังเต็มไปด้วยวัดเก่าแก่มากมาย ซึ่งบางแห่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติและมรดกโลก เช่น วัดคิมปุเซ็นจิ (Kinpusenji Temple) หรือหากมีโอกาสเดินทางมาพักค้างคืนในเรียวกังหรือที่พักต่างๆ ในหมู่บ้านในช่วงเวลาอื่น ก็ยังคงได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติ และความเงียบสงบจากสถานที่ตั้งซึ่งอยู่ห่างไกลจากสิ่งรบกวนทุกรูปแบบ
9. หมู่บ้านอิเนะ จ.เกียวโต (Ine, Kyoto)
หมู่บ้านอิเนะเป็นหมู่บ้านชาวประมงริมชายฝั่งทะเล และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโตนั้นเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยว Unseen ซึ่งเริ่มมีการแนะนำให้ไปท่องเที่ยวกันเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเสน่ห์ของบ้านไม้โบราณสไตล์ “ฟุนายะ” กว่า 230 หลังที่ปลูกเรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเล
ซึ่งบ้านแบบฟุนายะเหล่านี้จะสร้างเป็นแบบ 2 ชั้น โดยชั้นบนจะมีไว้สำหรับพักอาศัย และชั้นล่างซึ่งอยู่เหนือน้ำจะมีไว้สำหรับจอดเรือ เพื่อให้สะดวกสบายสำหรับการออกเรือไปหาปลาในแต่ละวัน ซึ่งบ้านบางหลังในหมู่บ้านก็เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนได้ และสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ ก็ยังมีเรือท่องเที่ยวที่พาไปชมความสวยงามของหมู่บ้านและอ่าวอิเนะ และสามารถสนุกไปกับการให้อาหารนกนางนวลระหว่างการล่องเรืออีกด้วย
10. หมู่บ้านมินามิโอกุนิ จ.คุมาโมโตะ (Minamioguni, Kumamoto)
หมู่บ้านมินามิโอกุนิ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาอะโสะ (Mount Aso) หนึ่งในภูเขาสำคัญของภูมิภาคคิวชู ถือเป็นหนึ่งในหมู่บ้านชนบทที่มีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดด้วยการทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดพักค้างคืนสำหรับคนที่อยากใกล้ชิดกับธรรมชาติ และยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้กลายเป็นของฝากที่น่าสนใจ เช่น สาเก และขนมหวานหลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมได้เช่นการแช่สปา เวิร์กช็อปทำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น หรือเดินชมธรรมชาติผ่านเส้นทางต่างๆ รอบหมู่บ้าน
ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย