โยโกฮาม่า เที่ยวครบครันทุกสไตล์ใน 1 วัน
โยโกฮาม่า เมืองที่เที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
โยโกฮาม่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของคนทุกวัยในครอบครัวได้ ไม่ว่าจะเป็นสายกิน, สายช้อป, สายหาความรู้ก็ชื่นชอบที่นี่กันทั้งนั้น! แถมยังเดินทางง่าย ราคาก็ไม่แพง มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ!
ออกจากที่พัก 9:30 น. เดินทางไปโยโกฮาม่า
สำหรับคนที่อยากใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆให้คุ้มค่า สำหรับ 1 day trip ครั้งนี้เราแนะนำให้ออกจากที่พักตอนประมาณ 9-10 โมงค่ะ เพราะถ้าหากไปเช้าเกินไปร้านจะยังไม่เปิด (เราสนับสนุนให้ทุกคนเที่ยวเเบบชิล ๆ ไม่เร่งรีบนะจ้ะ) แล้วขึ้นรถไฟจากสถานีที่ใกล้โรงเเรมที่สุดค่ะ เซฟพลังงานเอาไว้มากที่สุดเพราะว่าวันนี้เราต้องเดิน และอยู่ยันมืด! เเนะนำให้ใส่รองเท้าที่เดินง่ายอย่างผ้าใบนะคะ ปวดเท้ามาจะหาว่าไม่เตือนนะจ้ะ
การเดินทางไปโยโกฮาม่านั้นก็ง่ายแสนง่ายค่ะ เพราะสามารถนั่งไปได้หลายสาย เช่น Tokyu Toyoko Line, JR Keihin-Tohoku Line ใช้เวลาประมาณ30-50 นาที ขึ้นอยู่กับต้นสถานีที่เราขึ้นค่ะ แถมค่าเดินทางก็ไม่แพงด้วย (ไปกลับไม่เกิน 1500 เยน ขึ้นกับสถานีที่เราขึ้นและลงค่ะ) ใครที่ไม่มั่นใจก็ลองเปิดกูเกิ้ลเเมปดูก็ได้นะคะ รถไฟมาถี่มาก ไม่ต้องกลัวว่าจะไปสายเลย
ซึ่งสำหรับจุดหมายเเรกที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนเริ่มต้นคือ "ไชน่าทาวน์" หลายๆคนอาจจะสงสัยว่ามาญี่ปุ่นแล้วจะไปไชน่าทาวน์ทำไม เราอยากจะบอกว่าใครไม่มาถือว่าพลาด! เพราะของกินอร่อยมว๊ากกกกก!!! ใครที่เป็นสายกินทั้งหลายให้มาลงที่สถานี Motomachi chūkamachi ก่อนค่ะ
ซึ่งสถานีนี้จะเป็นสถานีสุดท้ายหากนั่ง Tokyu Toyoko คันที่เชื่อมกับสาย Minatomirai ทุกคนสามารถนั่ง นอน หลับ เม้ามอยได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกลัวเลยป้ายเลยค่ะ!
ตะลุยกินใน China Town Yokohama 10:30
เมื่อมาถึงไชน่าทาวน์ สิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยคือการเดินกินค่ะ! ของกินอร่อยๆต่างๆนาๆ ส่วนใหญ่จะราคา100~800เยน มีตั้งแต่ขนมจีบ ซาลาเปา เสี่ยวหลงเปา ไปยันของกินต่างๆที่หากินได้ยากและไม่มีขายในไทย
หลายๆคนอาจสงสัยว่าจะเดินกินได้หรอ? ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะคะ เพราะญี่ปุ่นก็มีวัฒนธรรมเดินกิน (tabe-aruki) ทำให้เราไม่ต้องกังวลสายตาคนญี่ปุ่นว่าจะมองเราแบบดุๆ แต่ถึงจะเรียกนั้น ทุกคนก็ไม่ได้เดินกินแบบบ้านเราค่ะ ส่วนใหญ่จะซื้อแบบtake out แล้วมายืนกินหน้าร้านกันซะมากกว่า เราแนะนำให้ทำแบบนั้นนะคะเพราะว่า ส่วนใหญ่ถังขยะอยู่อยู่หน้าร้าน กินเสร็จแล้วจะได้ทิ้งได้เลย แถมไม่หกเลอะเทอะด้วย (ระหว่างรอก็เหล่หนุ่มๆสาวๆข้างๆได้ อิ่มท้องและอิ่มใจ อิ้อิ้)
ส่วนสิ่งที่คนญี่ปุ่นเดินกินจริงๆก็คือชานมไข่มุกค่ะ (คนญี่ปุ่นเรียกว่า ทาปิโอกะ) บอกเลยว่ามีให้เลือกหลายร้าน ละลานตามว๊ากกกก แถมแต่ละร้านก็มีคนต่อแถวแบบมหาศาล แต่ราคาจะแพงกว่าไข่มุกบ้านเราค่ะ จะเริ่มที่ราคา 400เยน~ (150บาท~)
เดินกินไม่อิ่มท้อง จัดบุฟเฟ่ต์กันด้วย!
นอกจากอาหารทานเล่นต่างๆแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องบุฟเฟ่ต์อาหารจีนด้วยค่ะ! เพราะราคาถูกแสนถูก แถมมีเมนูให้เลือกมากมาย เริ่มต้นที่1500เยน~ เท่านั้นเอง (แล้วแต่คอร์ส ถ้าอยากกินเมนูหรูๆก็เพิ่มเงินไปจ้า) ส่วนใหญ่จะไม่จำกัดเวลาทาน อยากกินเยอะแค่ไหน นานแค่ไหนก็จัดไปเลยค่ะ มีหลากหลายร้านให้เลือกมากมาย ชอบบรรยากาศร้านไหนก็เข้าร้านนั้นไปเล้ย
กิจกรรมต่อไปที่เราอยากแนะนำหลังจากทานเสร็จ ใครที่เป็นสายมูอาจจะถูกใจ เพราะคือการดูดวงค่ะ เราว่าร้านชานมไข่มุกเยอะแล้ว แต่ร้านดูดวงก็มีเยอะมากเช่นกัน! แถมคนต่อแถวเยอะมากด้วย! ราคาจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ออปชั่นค่ะ แต่ที่ถูกที่สุดคือดูลายนิ้วมือ 500เยน (160~บาท) ใครที่อยากลองก็ลองหาร้านที่แม่หมอพูดภาษาอังกฤษได้ดูนะคะ แม่นไม่แม่นแล้วแต่ความเชื่อแต่ละบุคคลนะจ้ะ
ไปลองทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีอันเดียวในโลก ที่ Cup Ramen Museum 13:00 (พร้อมแนะนำวิธีจอง)
หลังจากที่ตะลุยกินที่ไชน่าทาวน์จนอิ่มหนำสำราญแล้ว ได้เวลากลับมาที่สถานี Minato Mirai ค่ะ! สถานีนี้จะรวมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก ห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่ขอให้ทุกคนเริ่มจากการไปที่ Cup Ramen Museum ก่อน เพราะเราจะไปทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีอันเดียวบนโลกกัน!
เริ่มจากการซื้อตั๋วค่ะ ประกอบไปด้วยสองตั๋วที่เราจำเป็นต้องซื้อ ได้แก่ตั๋วค่าเข้า (500เยน) และตั๋วทำบะหมี่ (300เยน) ซึ่งตั๋วทำบะหมี่เนี่ย sold out ไวมว้าก แนะนำให้รีบไปรับบัตรคิวก่อนเลยค่ะ เพราะเค้าจะเรียกเป็นรอบๆไป (เช่นเวลา 12:10-12:30) สำหรับใครที่อยากเที่ยวแบบสบายๆ เราแนะนำให้จองผ่านเว็บ
เว็บซื้อตั๋วล่วงหน้า (ภาษาญี่ปุ่น)
คลิกเลือกวันที่ต้องการ เลือกเวลาแล้วกดจอง แล้วดูวิธีการจ่ายเงินที่มากับอีเมล์ แล้วจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อในราคา 800เยน ซื้อไปก่อนเลยค่ะจะได้ไม่ต้องลุ้นว่าตั๋วจะหมด! (ใครที่ไม่ได้ภาษาอังกฤษ แนะนำให้กด google translate ระหว่างจองนะคะ ช่วยได้เยอะเลย) เพียงแค่นึ้ก็ได้ทั้งตั๋วเข้าและตั๋วทำบะหมี่มาครอบครอง โดยไม่ต้องรีบไปแย่งชิงบัตรกับใคร แถมเที่ยวสบายๆได้อีกด้วย
ลองกินบะหมี่จากทั่วโลก
หลังจากที่ทำบะหมี่ของตัวเองกันไปแล้ว เรามาลองกินบะหมี่จากประเทศอื่นกันบ้างดีกว่า! หากขึ้นมาที่ชั้น3 เราจะเจอกับโซนสำหรับเด็กที่ให้เด็กๆเข้าไปเล่นได้ (แต่เสียเงินครั้งละ 300 เยน นะจ้ะ) ซึ่งข้างในจะเป็นตาข่ายให้เด็ก ๆ ปีนป่ายเล่น มีโซนบ้านบอลและสไลด์เดอร์ให้เด็กๆเล่นอย่างสนุกสนาน ส่วนด้านข้างโซนสำหรับเด็กจะเป็นซุ้มร้านที่มีคนต่อแถวอยู่เยอะๆ และมีรถตุ๊กๆประดับอยู่ข้างหน้า! ให้เข้าไปในนั้นเลยค่ะ เราจะเจอกับร้านค้าที่มีบรรยากาศคล้ายกับอาหารแผงลอยบ้านเรา แต่เขาขายบะหมี่จากประเทศต่างๆไม่ว่สจะเป็น อินโด ไทย เกาหลี จีน ฯลฯ ซึ่งทุกเมนูราคาเพียง 300เยน! (ประมาณ100บาท) เเต่ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก จึงไม่ต้องกังวลว่าจะอิ่มจนเกินไปเลยค่ะ
เมื่อเราทานเสร็จเเล้วก็ถึงเวลาย้ายไปเที่ยวที่อื่น เเต่ก่อนออกแนะนำให้ทุกคนไปเดินช้อปปิ้งที่ร้านขายของฝากดูค่ะ เพราะที่ร้านขายของฝากนั้นมีของที่ระลึกเกี่ยวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเเบบเเปลกๆและน่ารักๆ เต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นแม่เหล็กติดตู้เย็น ยางลบลวดลายบะหมี่ โพสอิทรูปบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฯลฯ ใครที่หาของฝากให้คนที่บ้านหรือคนที่ทำงานก็เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ผ่อนคลายความเครียดที่สวนสนุก Yokohama Cosmo World 15:00
หลังจากที่กินจนอิ่มเเละได้ลองทำบะหมี่กันไปแล้ว คราวนี้เรามาเล่นเครื่องเล่นที่น่าสนใจกันบ้าง เดินมาจากพิพิธภัณฑ์ประมาณ 3 นาทีก็จะเจอกับสวนสนุก Cosmo World ที่มีทั้งชิงช้าสวรรค์ รถไฟเหาะ บ้านผีสิง เครื่องเล่นVR และเครื่องเล่นที่น่าสนใจต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นระดับเบบี๋ไปจนถึงเครื่องเล่นเเบบหวาดเสียวระดับเทพ ที่นี่มีหมดเลยค่ะ! เเต่ที่เราขอเเนะนำคือบ้านผีสิง (ราคา500เยน) เพราะน่ากลัวกว่าที่คิด เเถมตอนสุดท้ายยังมีคะเเนนวัดอีกด้วยว่า เต็ม 100 คะแนนคุณเป็นคนกลัวผีขนาดไหน (ผู้เขียนได้ไปตั้ง 90 คะเเนนค่ะ กรี้ดตลอดทาง) เนื่องจากว่ามีขนาดเล็ก เเนะนำให้เข้าไปเเค่สองหรือสามคนเพื่อความน่ากลัวยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเกมเซนเตอร์ที่ทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือโตก็สามารถสนุกไปด้วยกันได้ เเถมราคาก็ไม่ได้เเพงเพียงครั้งล่ะ100-300เยน เครื่องเล่นเเต่ละเครื่องในเกมเซนเตอร์จะมีกำหนดคะเเนนขั้นต่ำ หากเราทำคะเเนนได้ตามเป้าก็จะได้ของรางวัลค่ะ รางวัลก็ไม่ได้ไก่กา เเต่เป็นของรางวัลอย่างดี ตัวอย่างเช่นตุ๊กตาคาเเรกเตอร์ต่างๆ กระติกน้ำ หมอนโปเกบอลจากเรื่องโปเกม่อนเป็นต้นค่ะ
เดินเล่นช็อปปิ้งที่ Red Brick Wearhouse 17:00
เมื่อกินและเล่นเครื่องเล่นกันจนหนำใจเเล้ว เราขอเเนะนำให้ไปเดินเล่นดูของ ช้อปปิ้ง หรือนั่งคาเฟ่พักเหนื่อยที่ห้างแถวๆนั้นค่ะ เพราะว่ามีหลากหลายห้างให้ช้อปเลย เเต่ที่เเตกต่างไปจากที่อื่นๆก็คือ Aka-Renga Soko หรือ Red Brick Wearhouse ซึ่งเป็นห้างที่มีสไตล์การออกเเบบเเบบยุโรป ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือร้านค้าต่างๆก็มีให้เลือกครบครัน เเถมบรรยากาศโรเเมนติกติดชายน้ำ สามารถนั่งชิวๆในร้านอาหารรับลมทะเลได้ คาเฟ่ก็ตกแต่งอย่างสวยงามเหมาะสำหรับนั่งพักนั่งชิว แถมยังเหมาะกับการเดินเล่นและถ่ายรูปลงเฟสบุค อิสตาเเกรมเป็นอย่างยิ่ง
แต่สำหรับคนที่ยังไม่เหนื่อยแล้วอยากเที่ยวต่อ ไม่อยากนั่งที่คาเฟ่หรือชมวิวก็สามารถมาที่นี่แล้วเอนจอยได้เช่นกันค่ะ เพราะนอกจากร้านค้าและร้านอาหารต่างๆแล้ว ที่ชั้นหนึ่งยังมีกิจกรรมอื่นๆเพิ่มเติมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลองใส่ชุดยูกาตะ กิโมโนที่ร้าน Haikara Kimonokan (ราคาแล้วเเต่ชุดค่ะ) การทำเทียนและตกแต่งด้วยตัวเองที่ร้าน Yokohama Glass (ราคา1,940เยน) หรือจะลองทำอาหารปลอมอย่างพวกเทมปุระที่เราเอากลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกได้ ที่ร้าน ganso-sample ก็มีค่ะ (2,500เยน) แต่ขอบอกก่อนว่าหากจะลองทำก็ต้องเผื่อเวลาสักนิดนะคะ เพราะว่าเเต่ละอย่างใช้เวลาประมาณ40นาที-1ชม.ทั้งนั้นเลย
ปิดท้ายด้วยการขึ้นชิงช้าสวรรค์ชมวิว 19:00
หลังจากที่กิน เดิน เล่นกันมาทั้งวันแล้วหลายๆคนก็อาจจะเหนื่อย เราจึงจะขอแนะนำสถานที่ที่ ทุกคนสามารถนั่งพักและผ่อนคลายใจได้ นั่นก็คือชิงช้าสรรค์นั่นเองค่ะ! ชิงช้าสวรรค์ที่โยโกฮาม่านั้นมีความสูง 112.5 เมตร ภายใน15นาทีเราจะสามารถมองเห็นวิวได้รอบๆและขอบอกเลยค่ะว่าไฟสวยมาก! คนญี่ปุ่นมักจะมาเดทกันที่นี่อยู่บ่อยๆ ถือเป็นโรแมนติกสปอตอีกที่นึงที่หากใครมากับแฟนก็เหมาะที่จะขึ้นกระเช้าไปสร้างโมเม้นดีๆกัน แต่หากคนที่มากับเพื่อนหรือครอบครัวก็ไม่ต้องหวั่นใจไปค่ะ ขึ้นไปชมวิวสวยๆได้เหมือนกันจ้า อยากจะขึ้นไปชมวิวตอนเช้าหรือตอนกลางคืนก็ได้ทั้งนั้น เพราะเค้าเปิดตั้งเเต่เช้า 11 โมงถึง 3 ทุ่มเลย (คนละ800เยน)
หลังจากทำทุกอย่างที่กล่าวไปก็ถือว่าใช้หนึ่งวันในโยโกฮาม่าได้คุ้มเเล้วค่ะ ได้ทั้งกิน เที่ยว เล่น ช้อปปิ้ง ถ่ายรูป แถมยังเอนจอยได้ทั้งครอบครัว ทุกเพศทุกวัยขนาดนี้ มาบ่อยๆได้อย่างไม่เบื่อเลยล่ะค่ะ จริงๆแล้วโยโกฮาม่ายังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งเเนวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม และยังมีร้านอร่อยๆอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ไปตะลุยกัน ใครที่มีเวลาว่างอาจจะใช้เวลาในโยโกฮาม่ามากกว่าหนึ่งวัน ตะลุยเก็บให้ครบ หรือเปลี่ยนเเนวเที่ยวเป็นเเบบสบายๆจองโรงเเรมเเถวๆชายทะเลโยโกฮาม่าก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกันค่ะ เมืองที่ครบครัน มีหลากหลายวัฒนธรรมและกิจกรรมให้ทำเช่นนี้ ผู้อ่านทุกคนต้องลองมาสักครั้งนะคะ!