รู้จักเครื่องปรุงที่พบบ่อยในร้านอาหารญี่ปุ่น
1.โชยุ
โชยุเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในอาหารญี่ปุ่น เหมือนอาหารไทยที่ขาดน้ำปลาไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น โชยุทำจากถั่วเหลือง ข้าวสาลี เกลือและน้ำ มีสีดำใส เป็นส่วนประกอบของอาหารญี่ปุ่นแทบจะทุกชนิด และใช้เพิ่มรสชาติในอาหารได้ดี เช่น ไว้จิ้มกับซูชิ ราดข้าวผัด หรือเพิ่มรสชาติเวลาทานกับข้าวทั่วไป โชยุกินกับอะไรก็เข้าจึงไม่แปลกใจว่าแทบทุกร้านมีโชยุบนโต๊ะทั้งนั้น
ถ้าร้านนั้นมีขวดน้ำซอสสีดำขวดเดียว มั่นใจได้เลยว่าเป็นโชยุ
2. ซอสทงคัตสึ
หลายคนมาญี่ปุ่นอาจสงสัยว่ามีซอสสีดำๆคล้ายโชยุวางบนโต๊ะเหมือนกัน ซอสนั้นคือซอสทงคัตสึนั่นเอง เนื่องจากซอสทงคัตสึมีรสชาติหวาน และเปรี้ยวเล็กๆ ตัดเลี่ยนได้ดี จึงมักทานคู่กับของทอดน้ำมันเยอะๆ อย่างหมูทอดทงคัตสึ หอยนางรมทอด กุ้งทอด ฯลฯ ซอสทงคัตสึนี้ยังสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารผัดที่เราคุ้นชินอย่างยากิโซบะ โอโคโนมิยากิ และพวกซอสในเมนูแฮมเบิร์ก เรียกได้ว่าเป็นซอสยอดนิยมอีกหนึ่งซอสของคนญี่ปุ่นจริงๆ
เป็นซอสที่หลายคนงงเวลาเข้าร้าน เพราะสับสนกับโชยุ แต่สามารถสังเกตุได้ง่ายๆตรงที่มีความข้นเหนียวกว่าโชยุและมีกลิ่นหวานๆ (โชยุจะใสๆ)
3. พริกป่นชิจิมิ
พริกชิจิมิหรือชิจิมิโทกะราชิ แปลตรงตัวได้ว่าพริก 7 รส ส่วนประกอบแตกต่างกันตามภูมิภาคแต่หลักๆคือพริกแดง พริกซันโช (พริกไทยญี่ปุ่น) สาหร่ายแห้ง ขิงและงา บางที่ใส่เปลือกส้มด้วย รสชาติเผ็ดร้อน (แต่ป้าว่าไม่เผ็ดมากสำหรับคนไทย) เนื้อละเอียดกว่าพริกป่นของไทยเรา พริกชิจิมินี้มักเจอตามร้านอาหารทั่วไป เช่น ร้านราเมน โซบะ ร้านข้าวหน้าต่างๆ และร้านอาหารสำหรับครอบครัว
หน้าตาสีสันส้มๆ คล้ายๆพริกป่นไทยแต่สีอ่อนกว่า
4. น้ำมันรายุ
น้ำมันรายุเป็นอีกอย่างที่ข้นๆและมีสีดำๆ จริงๆคือน้ำมันงาผสมพริก รสชาตินั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นน้ำพริกเผาของญี่ปุ่น (แต่ไม่ข้นเท่า และก็เผ็ดไม่เท่าของไทย) สีออกส้มอิฐ มีความใส มักอยู่ในร้านอาหารจีน และร้านราเมง ป้าเห็นบางคนก็เอาไปราดเต้าหู้ กินกับเกี๊ยวซ่า ราดอุด้งหรือสปาเก็ตตี้ ฯลฯ เอาเป็นว่าใครอยากเพิ่มความหอมและความเผ็ดนิดๆก็ลองทานกันดู
สังเกตุง่ายๆ เป็นเหมือนน้ำมัน สีส้มหรือน้ำตาล แตกต่างกับซอสดำขวดอื่นตรงที่สามารถเห็นการแยกชั้นของน้ำซอสกับน้ำมันได้
5. วาซาบิ
หนึ่งในของที่ขาดไม่ได้เวลาทานซูชินั่นคือวาซาบิที่มีรสชาติเผ็ดร้อน กินมากๆอาจเผ็ดขึ้นจมูกจนน้ำตาเล็ด แต่ผู้อ่านรู้ไหมคะว่าแท้จริงแล้ววาซาบิที่เราทานกันนั้นที่อยู่ในรูปซองเล็กๆพรือพวกวาซาบิผงไม่ได้เป็นวาซาบิแท้ 100% เพราะมักทำจากต้นฮอร์สแรดิชผสมกับมัสตาร์ด ไม่มีส่วนผสมของต้นวาซาบิเลย จากนั้นนำมาใส่สีให้เป็นสีเขียวคล้ายวาซาบิ (ป้าก็เพิ่งรู้ รู้สึกเหมือนโดนหลอกมาโดยตลอด ฮ่า)
เนื่องจากวาซาบิแท้ๆนั้นราคาค่อนข้างสูง ใครอยากชิมวาซาบิของแท้แนะนำให้ไปที่ร้านซูชิที่ระดับพรีเมียมนิดนึง เพราะที่ร้านพวกนี้จะมีต้นวาซาบิมาให้ทั้งต้นพร้อมที่ฝน ให้ลูกค้าขูดวาซาบิสดๆทานกันเอง วาซาบิสดจากต้นแท้ๆสีจะอ่อนกว่า เผ็ดกว่าและเนื้อสัมผัสจะหยาบกว่าที่วางขายทั่วไป
6. พริกไทยซันโช
พริกไทยซันโชคือพริกไทยญี่ปุ่น ที่แปลกตาตรงที่เป็นพริกไทยที่มีสีเขียว (บดแล้วก็ยังเขียว) รสชาติเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมฉุนเล็กน้อยอันเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นพริกไทยซันโชจึงเข้ากับอาหารปิ้งย่าง เช่นไว้โรยบนข้าวหน้าปลาไหลย่าง กินกับยากิโทริหรือไก่ย่างเสียบไม้เป็นต้น นอกจากนี้เนื่องจากเกลือและพริกไทยมักทานคู่กัน ตามร้านอาหารบางร้านก็มีเกลือและพริกไทยผสมกันในขวดเดียวหรือเรียกว่าชิโอะซันโช เททีเดียวได้สองรสชาติไปเลย~
ไม่นิยมเท่าพริกป่นชิจิมิ แต่ถ้าร้านไหนมีวางไว้สังเกตุได้ง่ายๆจากสีเขียว ซึ่งต่างจากชิจิมิสีส้มอย่างสิ้นเชิง ไม่สับสนแน่นอน
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเครื่องปรุงญี่ปุ่นทั้ง 6 ชนิดที่มักอยู่บนโต๊ะในร้านอาหารญี่ปุ่น สำหรับป้าแล้วพริกญี่ปุ่นชิจิมิไม่มีความเผ็ดเอาซะเลยเมื่อเทียบกับพริกป่นไทย (แต่คนญี่ปุ่นนั่งน้ำตาเล็ด) เอาเป็นว่าลองชิมหรือค่อยๆปรุงกันก่อน อาจจะถูกปากหรือไม่ถูกปากก็ได้ หากเลือกทานไม่ถูกก็ลองถามพนักงานหรือแอบดูโต๊ะข้างๆว่าทานยังไง (อันนี้ป้าทำประจำ ฮ่า) มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีอย่าลืมมาลองชิมกันดูนะคะ
รัก
ป้าเมโกะ
ผู้เขียน: ป้าเมโกะ
ป้าเมโกะ ผู้ที่ไม่ได้มีคำว่า`ญี่ปุ่น`ในหัวเลย แต่ต้องมาใช้ชีวิตติดเกาะ
ด้วยไลฟ์สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์คนรอบข้างให้ตำแหน่ง`ป้า` มาตั้งแต่จำความได้