All About Japan

รวม 10 ที่เที่ยวฟรีไม่มีค่าเข้า (ฉบับคันไซ)

วิทยาศาสตร์ สวนสัตว์ สวน สวนสาธารณะ ภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ หอคอยชมวิว ท่าเรือ สะพาน รถไฟ รถบัส แผนการการเดินทาง ทัวร์ ซากุระ ดอกไม้ ข้อมูล ประหยัด วัด และ ศาลเจ้า 100 เยน วิวยามค่ำคืน Kobe Osaka Kyoto Hyogo Kansai

6. สวน Meriken เมืองโกเบ จ.เฮียวโกะ

6. สวน Meriken เมืองโกเบ จ.เฮียวโกะ

ถ้าที่ฝั่งคันโตจะมีลานกว้าง Minatomirai ที่โยโกฮาม่า เป็นสัญลักษณ์ของสถานที่เดทสุดโรแมนติก ฝั่งคันไซเองก็มี สวน Meriken แห่งนี้มาสู้เช่นกัน เพราะที่นี่มีดีทั้งกลางวันและกลางคืน

ในช่วงกลางวันนั้น ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ติดอ่าวโกเบ มีสนามหญ้า, สนามเด็กเล่น, น้ำพุ, รูปปั้นต่างๆ รวมถึงอนุสรณ์สถานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 1995 เป็นต้น ที่นี่ยังเต็มไปด้วยแลนด์มาร์กสำคัญๆของเมืองโกเบ อย่าง Port Tower หรือหอคอยโกเบ และพิพิธภัณฑ์เรือเดินทะเล Kobe Maritime Museum กับพิพิธภัณฑ์รถคาวาซากิที่ใกล้ขนาดเดินถึง รวมถึงที่นี่ยังเป็นลานที่มักจะมีการออกร้านขายของ งานแสดงศิลปะ และดนตรีต่างๆด้วย

ส่วนตอนค่ำก็เหมาะมากกับการไปชมวิวหรือพาคนรักไปเดท เพราะเค้าจะมีการเปิดไฟ ตามตึกและอาคารต่างๆริมฝั่งน้ำ แหมม..ช่างโรแมนติคสุดๆ แบบไม่ต้องพึ่งสตางค์

ค่าเข้าชม: บริเวณสวนฟรี (แต่ละอาคารมีค่าเข้าที่แตกต่างกันไป)
วันหยุด: ไม่มี
เวลาทำการ : 24 ชม.
การเดินทาง: ลงสถานีรถไฟ Motomachi แล้วเดินอีก 15 นาที หรือนั่งรถบัสสีเขียว Kobe City Loop Bus มาลงตรงที่สถานี Motomachi

7.ศูนย์วิทยาศาสตร์ Nadahama Science Square จ.เฮียวโกะ

7.ศูนย์วิทยาศาสตร์ Nadahama Science Square จ.เฮียวโกะ

http://www.kobelco.co.jp/nadahama/science/exhibition/index.html

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการมาเที่ยวที่ญี่ปุ่นก็คือการไปเที่ยวศูนย์นิทรรศการต่างๆ เพราะนอกจากส่วนใหญ่มักจะค่าเข้าถูกมากๆหรือว่าฟรีแล้ว ไอเดียการนำเสนอที่แม้เนื้อหาจะออกแนววิชาการแต่ก็ยังทำได้สนุกน่าสนใจ ไม่เบื่อ เรียกว่าน้องๆสวนสนุกเลยทีเดียว

อย่างที่ศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งนี้ก็เช่นกัน เค้าจะมีการแบ่งโซนเพื่อให้ผู้เข้าชมได้ลองสัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเอง โดยแบ่งออกเป็นหลายๆโซน

เช่นโซนการผลิตเหล็ก เราจะได้เรียนรู้วิธีการผลิตเหล็กพร้อมได้ทดลองยกเหล็ก 1 ตันและลองไปสัมผัสแรงดูดจากแม่เหล็กยักษ์ได้

ในโซนการผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงาน นอกจากจะมีการอธิบายถึงกำเนิดกระแสไฟ ไปดูหอพลังงาน แล้วก็จะมีจุดที่ให้เราได้ทดสอบพลังว่า เราสามารถสร้างพลังงานได้มากแค่ไหน

โซนสิ่งแวดล้อม เราก็จะได้ออกไปยังสวนภายนอก ไปสังเกตพฤติกรรมและเรียนรู้วงจรของสัตว์ที่มีผลต่อระบบนิเวศน์ต่างๆ มีลานนิทรรศการที่อธิบายถึงพลังงานแสงอาทิตย์ที่สวนกลางแจ้ง หรือใครจะเข้าไปนั่งชมการทดลองวิทยาศาสตร์สนุกๆในห้องก็ได้ เพราะมีกิจกรรมให้เลือกได้หลากหลายที่เด็กสนุกได้และผู้ใหญ่ก็ฟิน และที่สำคัญทุกโซนที่ว่านั้นเข้าร่วมได้ฟรีแน่นอน

ค่าเข้าชม: ฟรี
วันหยุด: ทุกวันจันทร์
เวลาทำการ : 9:30 - 16:30 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Hanshin ลงสถานี Oishi แล้วเดินอีก 12 นาที

8.โรงงานมายองเนสคิวพี ที่จ.เฮียวโกะ

8.โรงงานมายองเนสคิวพี  ที่จ.เฮียวโกะ

https://www.kewpie.co.jp/know/openkitchen/kobe_01.html

ไม่ว่าคนชาติไหนๆก็ต้องตกใจเมื่อได้มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และเห็นว่าคนที่นี่เค้าใช้มายองเนสไปเป็นส่วนประกอบในอาหารหลากเมนู เช่นพิซซ่าญี่ปุ่น, ทาโกะยากิ, ข้าวปั้นไส้ทูน่าเป็นต้น และยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือคิวพีนั่นเอง

เพื่อไปพิสูจน์ความอร่อยก็ต้องไม่พลาดที่จะไปชมถึงโรงงานว่าเค้าผลิตกันอย่างไร ชมนิทรรศการผักและไข่ที่เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของมายองเนสและผลิตภัณฑ์หลายๆตัวของคิวพี และที่ดีที่สุดคือเราจะได้ชิมผลิตภัณฑ์ของคิวพีอย่างน้ำสลัดหรือซอสอีกหลายๆชนิดที่จะราดหรือประกอบในอาหารแสนอร่อยฟรีๆด้วยค่ะ และถ้าโชคดีก็อาจได้เจอตอนที่เค้าจัดอีเว้นท์พิเศษสอนทำอาหารด้วยนะ

ค่าเข้าชม: ฟรี
วันหยุด: ตามปฏิทินของโรงงานและบางครั้งหยุดวันเสาร์
เวลาทำการ : 9:30-16:00 น.
วิธีเดินทาง: ขึ้นรถไฟ JR สาย Kobe Line ลงสถานี Konan-yamate หรือนั่งรถไฟสาย Hanshin Main Line ลงสถานี Fukae จากทั้งสองสถานีให้นั่งรถบัสสาย 30 ต่อไปลงที่ป้าย Fukaehama-nishi

9.ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกหรือศาลเจ้าแดง ฟุชิมิอินาริ จ.เกียวโต

9.ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกหรือศาลเจ้าแดง ฟุชิมิอินาริ จ.เกียวโต

ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริหรือศาลเจ้าจิ้งจอก เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต เพราะที่นี่มีประตูโทริอิ (ซุ้มประตูสีแดง) เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าเป็นจำนวนนับพันต้น จนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ

เสาโทริอินี้นอกจากจะถ่ายรูปสวยแล้วมันก็ยังมีความหมายอีกอย่างก็คือ เสาเหล่านี้ได้มาจากการบริจาค ทั้งจากบุคคลทั่วไป บริษัท และองค์กร นำมาปักไว้ เราสามารถสังเกตเห็นได้จากตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนเสา โดยราคาเริ่มจากไม่กี่เยนสำหรับเสาต้นเล็กๆ ไปจนถึงหลายล้านเยนสำหรับเสาต้นใหญ่ๆ

นอกจากนี้คนที่นี่ยังนับถือเทพอินาริที่เป็นเทพประจำศาลเจ้าแห่งนี้มาก เพราะเทพอินาริเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย เพราะฉะนั้นเราจึงจะได้เห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายภายในบริเวณด้วย ส่วนใครที่เดินรอบเขาเหนื่อยแล้วก็ยังมีร้านอาหารท้องถิ่นและร้านขนมต่างๆที่มาในธีมจิ้งจอกอย่าง ซูชิจิ้งจอกหรืออูด้งจิ้งจอกให้ทานกัน หรือใครจะไปทำซึ้งเล่นมิวสิคที่พร้อมชมวิวเมืองเกียวโตงามๆที่จุดชมวิวก็ได้ไม่มีปัญหา เรียกว่าให้เวลากับการเที่ยวที่นี่อย่างน้อยต้องครึ่งวันค่ะ

ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน ตลอดเวลา
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟสาย JR Nara Line ลงสถานี Inari ศาลเจ้าจิ้งจอกแดงจะตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีเลย หรือจะเดินเล็กน้อยจากสถานี Fushimi Inari ของสาย Keihan Main Line ก็ได้

10.สวนกวาง จ.นารา

10.สวนกวาง จ.นารา

แม้ที่นี่จะไม่มีไก่ย่าง แต่ที่นี่ก็มีกวางให้ชม แถมมีชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนาราเลยค่ะ

ที่สวนแห่งนี้จะมีกวางเยอะมาก แถมไม่ดุกับนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ (ถ้ามันไม่หงุดหงิด) ใครมาที่นี่ก็ต้องมาถ่ายรูปป้อนขนมเซมเบ้ให้เจ้ากวางน้อยแทบทุกคน เพราะเราสามารถเข้าไปเล่นหรือป้อนอาหารกวางได้ในระยะประชิดโดยไม่ต้องเสียค่าเข้าค่าชมแต่อย่างใด ใครจะเซลฟี่ก็เต็มที่ได้เลย ขออย่าไปเบียดเบียนกวางน้อยจนเกินงามก็พอ

ด้วยความที่เจ้ากวางเลิฟขนมเซมเบ้มาก เราก็จะได้เห็นร้านขายขนมเซมเบ้เต็มไปหมด กวางกินดี คนก็กินได้ค่ะ พอเล่นกับกวางเสร็จแล้ว เราก็สามารถเดินเล่นต่อบริเวณรอบๆหรือจะเดินไปใกล้ๆแถวนี้ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น วัด Todaiji ศาลเจ้าKasuga และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมืองนารา แต่อาจต้องมีการเสียค่าเข้าเล็กน้อย ขอสรุปเลยว่า การมาเที่ยวที่นี่มันคุ้มค่าและครบเครื่องสุดๆ

ค่าเข้าชม: สวนสาธารณะเข้าออกฟรี วัดต่างๆมีค่าเข้าชม
วันหยุด: ไม่มี
เวลาทำการ: 24 ชั่วโมง
วิธีการเดินทาง: นั่งรถไฟ Kintetsu Nara Line ลงที่สถานี Kintetsu Nara แล้วเดินไป 10 นาที หรือนั่งรถไฟ JR ลงที่สถานี JR Nara เดิน 15 นาที

  • 1
  • 2
  • 1
  • 2
  • 1
  • 2
know-before-you-go