All About Japan

รวมกิจกรรมห้ามพลาดเมื่อคุณได้ไปญี่ปุ่นอีกครั้ง

ซากุระ หิมะ ครั้งแรกในญี่ปุ่น
รวมกิจกรรมห้ามพลาดเมื่อคุณได้ไปญี่ปุ่นอีกครั้ง

ใครอยากไปญี่ปุ่นแล้วยกมือขึ้น มีไอเดียแล้วใช่มั้ยว่าจะไปทำอะไร ถ้ายังไม่มี เราขอแนะนำสิบกิจกรรมเบสิคที่คนไปญี่ปุ่นต้องลอง ให้คนที่คิดถึงญี่ปุ่นแต่ยังนึกไม่ออกว่าไปแล้วจะทำอะไร ให้ดูไว้เป็นไอเดียกัน

※หมายเหตุ บทความนี้เริ่มเผยแพร่ในช่วงวิกฤติโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ุใหม่ (COVID-19) ในปี 2020 ไม่ว่าจะอ่านบทความนี้เมื่อไหร่ก็ตาม ผู้ที่ต้องการไปเที่ยวควรพิจารณาด้วยตัวเองว่าสถานการณ์กลับสู่สถานะปกติหรือยัง※

1. ชมความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิ

1. ชมความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิ

https://pixta.jp/

ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) เปรียบเหมือนสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ถ้าไม่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิก็เหมือนไปไม่ถึงญี่ปุ่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟูจิเป็นที่เที่ยวที่สะดวกสำหรับคนที่เลือกมาเที่ยวโตเกียว (โซนคันโต) คนที่ไปโอซาก้า ฮอกไกโด คิวชู โอกินาวะ อาจจะไม่เหมาะนัก ถ้าไม่อยากเสียเวลาเดินทางข้ามภูมิภาค เก็บไว้ทริปหน้าก็ได้ะ

สำหรับการเดินทางไปเที่ยวชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากโตเกียวถือว่ามีความสะดวกสบายมากเพราะมีทั้งรถไฟและรถบัสแบบต่อเดียวถึงจากชินจูกุไปยังทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko) 1 ในทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิทั้ง 5 ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้ใกล้ชิดที่สุด และที่นี่ก็มีกิจกรรมน่าสนใจหลายอย่าง โดยสามารถใช้บริการรถเรโทรบัสไปลงตามป้ายซึ่งมีสถานที่สำคัญเช่น พิพิธภัณฑ์คาวากูจิโกะ มิวสิค ฟอเรสต์ (Kawaguchiko Music Forest Museum) มิวเซียมที่มีบรรยากาศแบบยุโรปโบราณโดยมีวิวฟูจิเป็นฉากหลัง หรือไปขึ้นกระเช้าโรปเวย์ชมวิวฟูจิอีกมุมที่ Mt. Fuji Panoramic Ropeway อีกทั้งในแต่ละฤดูจะมีงานเทศกาลด้วย อาทิเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่อุโมงค์ใบไม้แดง (Maple Corridor Kawaguchiko) เป็นต้น

2. ชมความงามของดอกซากุระ

2. ชมความงามของดอกซากุระ

https://pixta.jp/

ซากุระ (Sakura) คือสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิในญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายน ยกเว้นบางสายพันธุ์และบางภูมิภาคที่ดอกซากุระบางส่วนบานเร็วกับบางส่วนที่บานช้า สำหรับการชมความงามของดอกซากุระแบบชาวญี่ปุ่นถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง เรียกกันว่า ฮานามิ (Hanami) ที่แปลว่าการดูดอกไม้ จะดูดอกไม้ประเภทอื่นก็ได้ แต่แน่นอนว่าหากพูดคำว่าฮานามิ ดอกไม้ยอดนิยมอันดับหนึ่งก็คือซากุระ

โดยการไปชมซากุระจะเริ่มจากการนำเสื่อไปปูใต้ต้นซากุระ เช่นตามสวนสาธารณะต่างๆ พร้อมทั้งนำอาหารไปรับประทานกับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว ดังนั้นจะเห็นว่าสถานที่ชมซากุระยอดนิยมตามเมืองใหญ่ก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระ มีบรรยากาศของการออกร้านขายของ ขายอาหาร เครื่องดื่ม หรือบางแห่งก็จะมีการจัดงานประดับไฟเพื่อชมดอกซากุระยามค่ำคืนด้วย เช่น งานเทศกาลชมดอกซากุระบานที่นากะเมกุโระ (Naka-Meguro) ในโตเกียว หรือที่ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) จังหวัดอาโอโมริ เป็นต้น

ดอกซากุระสิบประเภทของญี่ปุ่น
จุดชมซากุระใน 8 จังหวัดดังทั่วญี่ปุ่น

3. นั่งรถไฟชินกังเซ็น

3. นั่งรถไฟชินกังเซ็น

อีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนที่ไปญี่ปุ่นจะสนุกได้โดยไม่จำเป็นต้องไปเที่ยว เพราะถึงแม้จะไปทำงาน ไปเรียน ไปธุระ ไปประชุม ก็มีโอกาสที่เราจะได้ทดลองนั่งรถไฟชินกังเซ็น (Shinkansen) รถไฟความเร็วสูงที่ใช้เดินทางระหว่างเมืองใหญ่ได้อย่างสะดวกสบายและเป็นประสบการณ์ที่คนไทยเห็นตรงกันว่าลองแล้วชอบมากๆ

สำหรับนักท่องเที่ยว สามารถใช้บริการรถไฟความเร็วสูงอันทันสมัยได้หลายวิธี เช่นการใช้ JR Pass ในการเดินทาง โดยมีทั้งเส้นทางระหว่างเมืองและระหว่างภูมิภาค ซึ่งไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสประสบการณ์นั่งรถไฟความเร็วสูงเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจขณะเดินทางอีกหลายอย่าง เช่น ซื้อข้าวกล่องเอคิเบน (Ekiben) ไปรับประทานบนรถไฟ นอกจากนี้บางเส้นทางก็จะมีขบวนรถไฟขนาดใหญ่ที่มีถึงสองชั้น ตัวอย่างเช่นเส้นทางสายโจเอ็ทสึ ชินกังเซ็น (Joetsu Shinkansen) ที่วิ่งจากโตเกียวไปสกีรีสอร์ท กาล่า-ยูซาวะ (Gala-Yuzawa) หากไปช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมของทุกปีที่สกีรีสอร์ทเริ่มเปิดให้บริการ แนะนำว่าให้จองที่นั่งริมหน้าต่างชั้น 2 ของรถไฟชินกังเซ็นสายนี้ เพื่อจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางที่มีหิมะปกคลุมในฤดูนี้ด้วย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การเดินทางที่ไม่ทำให้รู้สึกน่าเบื่ออย่างแน่นอน

4. เรียนพิธีชงชาแบบญี่ปุ่น

4. เรียนพิธีชงชาแบบญี่ปุ่น

กิจกรรมเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มักพบเจอตามแหล่งท่องเที่ยวบ่อยๆ อย่างหนึ่งก็คือ เวิร์คช้อปพิธีชงชาญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า ซะโด (Sado) ซึ่งแปลว่าวิถีแห่งชา ถือเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยมีขั้นตอนและพิธีที่ค่อนข้างเป็นทางการ ทุกอย่างมีความหมายในตัวเองอย่างลึกซึ้งโดยเฉพาะความหมายในเชิงปรัชญา ซึ่งหากใครได้ลองสัมผัสกับวิถีแห่งชาแบบญี่ปุ่นเชื่อว่าจะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน อีกทั้งยังได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องชาแบบญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นในหลายๆ แง่มุมด้วย เช่น อุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้องใช้ในพิธีชงชา ลำดับขั้นตอนการชงชา เครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชงชา มารยาทต่างๆ ที่ควรทำและไม่ควรทำระหว่างพิธีชงชา วัสดุอุปกรณ์ประกอบการชงชารวมถึงขนมที่รับประทานกับน้ำชาด้วย ในส่วนของสถานที่เรียนพิธีชงชาสำหรับนักท่องเที่ยวก็มีบริการตามเมืองท่องเที่ยว เช่น ย่านอาซาคุสะ (Asakusa) ในโตเกียว, เมืองทาคายามะ (Takayama) จังหวัดกิฟุ (Gifu) เป็นต้น

ใครที่อยากรู้จักชาอันหลากหลายของญี่ปุ่นอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่รู้จักชาหลากชนิดของญี่ปุ่น

5. ไปเที่ยวแหล่งช้อปปิ้งย่านดัง

5. ไปเที่ยวแหล่งช้อปปิ้งย่านดัง

https://pixta.jp/

ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นเมืองแฟชั่นและช้อปปิ้ง ตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ก็มีแหล่งช้อปปิ้งที่หลากหลาย ทั้งย่านการค้าแบบช้อปปิ้งสตรีท ห้างสรรพสินค้า รวมถึงเอาท์เลต ต่างก็มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อเลือกชมเลือกช้อปกันอย่างจุใจ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนจะมีช่วงที่สินค้าลดราคาแบบที่เรียกว่าลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ มีสินค้าทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้าต่างๆ สินค้าการ์ตูน เทคโนโลยี ของกิน ขนม ยา ของใช้ทั่วไป ไม่ว่าอะไรญี่ปุ่นก็มีให้คุณช้อปกัน

ย่านชินจูกุหรือฮาราจูกุ (Shinjuku, Harajuku) ในโตเกียว ย่านชินไซบาชิ-นัมบะ (Shinsaibashi-Namba) ในโอซาก้า เมืองฮากาตะ (Hakata) ในฟุกุโอกะ สิ่งที่น่าสนใจของย่านช้อปปิ้งเหล่านี้นอกจากสินค้ามากมายหลายประเภทแล้ว ถ้าเป็นช่วงกลางคืนก็จะได้พบกับบรรยากาศของแสงสีที่คึกคักและผู้คนที่ออกมาเดินเล่น ช้อปปิ้ง อีกทั้งยังมีย่านร้านอาหารการกินต่างๆ ที่ขึ้นชื่อของแหล่งช้อปปิ้งนั้นๆ ด้วย เช่น ย่านช้อปปิ้งในโอซาก้าก็จะมีร้านอาหารหลายร้านที่ขายของกินขึ้นชื่อของเมืองอย่างเมนูทาโกะยากิ (Takoyaki) หรือเกี๊ยวซ่า (Gyoza) เป็นต้น

6. ไปอธิษฐานขอพรที่ศาลเจ้า

6.  ไปอธิษฐานขอพรที่ศาลเจ้า

https://pixta.jp/

ญี่ปุ่นมีวัดและศาลเจ้าจำนวนมากทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ และหลายแห่งก็มีจุดเด่นคือ เป็นจุดเสริมพลังชีวิต (Power Spot) ในด้านต่างๆ ซึ่งชาวญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาสักการะและอธิษฐานขอพรให้กับตัวเอง

เช่นศาลเจ้าดาไซฟุเทมมังกู (Dazaifu-Tenmangu Shrine) ในจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) ที่เชื่อกันว่ามีเทพเจ้าที่ให้โชคในเรื่องการเรียน การสอบ ทำให้นักเรียนนักศึกษาในญี่ปุ่นมักจะเดินทางมาขอพรจำนวนมาก
ศาลเจ้าเอโนะชิมะ (Enoshima Shrine) ที่เกาะเอโนะชิมะ จังหวัดคานากาวะ (Kanagawa) กับความเชื่อเรื่องการเสริมดวงและให้โชคเกี่ยวกับความรักที่สมหวัง เป็นต้น

นอกจากนี้บรรยากาศของศาลเจ้าในญี่ปุ่น ก็ยังมีความน่าสนใจในด้านสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะเสาโทริอิ (Torii) สีแดงอันโดดเด่นของแต่ละแห่ง เช่น ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) หรือศาลเจ้าเสาแดงในเกียวโต (Kyoto) ที่มีเสาโทริอินับพันต้น หรือศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu Shrine) กับเสาโทริอิขนาดใหญ่และบรรยากาศร่มรื่นเขียวขจีกลางกรุงโตเกียว

7. ลุยหิมะในฤดูหนาว

7. ลุยหิมะในฤดูหนาว

https://pixta.jp/

เป้าหมายการไปเที่ยวญี่ปุ่นอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมมาตลอดก็คือหิมะ และกิจกรรมฤดูหนาวต่างๆ ซึ่งสามารถทำได้เฉพาะช่วงที่มีหิมะเท่านั้น

โดยหิมะจะเริ่มตกจากทางเหนือสุดลงมา นั่นคือจากฮอกไกโด (Hokkaido) ตั้งแต่เดือนธันวาคม-ภุมภาพันธ์ ลานสกีและสกีรีสอร์ททั่วประเทศจะเริ่มเปิดให้บริการ ถึงแม้ว่าจะเป็นมือใหม่หัดเที่ยวหรือยังไม่เคยเล่นสกีมาก่อน ก็จะมีอุปกรณ์ให้เช่าพร้อมทั้งคอร์สเรียนสำหรับมือใหม่ เพื่อหัดเล่นกิจกรรมบนลานสกีด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ ท่ามกลางทิวทัศน์รอบตัวที่เป็นสีขาวสุดลูกหูลูกตา สำหรับสกีรีสอร์ทที่สามารถไปเที่ยวเพื่อเล่นสกีหิมะหรือจะพักแรมด้วย ก็มีที่น่าสนใจเช่น ในเมืองนิเซโกะ (Niseko) กับฟุราโนะ (Furano) จังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido) หรือถ้าเป็นสกีรีสอร์ทใกล้โตเกียว ก็คือกาล่า-ยูซาวะ (Gala-Yuzawa) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) และอีกหลายแห่งในจังหวัดนากาโนะ (Nagano) เช่นลานสกี ฮาคุบะ (Hakuba Ski Resort) เป็นต้น

สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยากออกกำลังหรือเล่นสกี กิจกรรมเกี่ยวกับหิมะที่สบายๆ ก็มี นั่นคือการไปชมวิวนั่นเอง เช่นเดียวกับการชมวิวดอกไม้หรือใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่นนั้นมีวิวหิมะสวยๆ ให้ชมมากมาย เช่นวิวต้นไม้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนดูเหมือนปีศาจที่เรียกว่า Snow Monster เป็นต้น

8. แช่อนเซ็นและนอนเรียวกัง

8. แช่อนเซ็นและนอนเรียวกัง

https://pixta.jp/

อนเซ็น (Onsen) หรือบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ สามารถพบเจอได้แทบจะทุกพื้นที่ในญี่ปุ่น หลายคนเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องแช่อนเซ็นด้วย สำหรับแหล่งอนเซ็นแต่ละแห่งที่มีให้บริการทั่วประเทศ ก็จะมีบรรยากาศและความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป เช่น บางแห่งเป็นเมืองอนเซ็นที่รายล้อมด้วยบ้านเรือนยุคโบราณ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต เหมาะกับการสวมชุดยูกาตะมาเดินเล่น ชมทิวทัศน์ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ เช่น เกโระอนเซ็น (Gero Onsen) ในกิฟุ (Gifu) หรือถ้าชอบอนเซ็นกลางแจ้งที่รายล้อมด้วยวิวธรรมชาติอย่างใบไม้แดงในฤดูใบใม้ร่วง หรือถ้าอยากไปแช่อนเซ็นกลางหิมะในฤดูหนาวก็มีหลายแห่งที่แนะนำ เช่นทาคาระกาวะอนเซ็น (Takaragawa Onsen) จังหวัดกุมมะ (Gunma) หมู่บ้านนิวโตะอนเซ็น (Nyuto Onsen-kyo) จังหวัดอาคิตะ (Akita) ที่สำคัญอีกอย่างที่จะพลาดไปไม่ได้คือการพักแรมในเรียวกังของเมืองอนเซ็นแต่ละแห่ง ซึ่งนอกจากจะได้พักผ่อนแช่อนเซ็นได้ตามต้องการแล้ว อาหารการกินในสไตล์ที่พักเรียวกังก็น่าประทับใจมากเช่นกัน

9. ชมใบไม้เปลี่ยนสี

9. ชมใบไม้เปลี่ยนสี

https://pixta.jp/

อีกหนึ่งช่วงเวลาที่มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าฤดูกาลอื่นๆ เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คือฤดูใบไม้ร่วงและใบไม้เปลี่ยนสี โดยจะเริ่มฤดูกาลจากเหนือลงมาทางใต้ราวๆ กลางเดือนกันยายน-ต้นเดือนธันวาคม ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศของแต่ละปี ตามภูเขาสูงต่างๆ รวมถึงแหล่ชมวิวธรรมชาติอย่างแม่น้ำ ลำธาร ใบไม้ที่เคยเป็นสีเขียวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม แดง สร้างสีสันที่สวยงามทั่วทุกพื้นที่ รวมถึงจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกหลายแห่งตามสถานที่ท่องเที่ยวดังอาทิวัด ศาลเจ้า สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ ช่วงฤดูกาลนี้จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีหลายๆ แห่งจะมีการจัดงานเทศกาลพร้อมทั้งกิจกรรมน่าสนใจ เช่นขึ้นกระเช้าโรปเวย์ชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่ชินโฮตากะ (Shin-Hotaka Ropeway) นอกจากนี้ยังมีทิวทัศน์ใบแปะก๊วยสีเหลืองอร่าม ที่สวยงามไม่น้อยกว่าใบไม้แดงหลายๆ แห่งในโตเกียวช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคมด้วย เช่นที่ถนนสายต้นแปะก๊วยในมหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo)

10. เดินชมงานประดับไฟยามค่ำคืน

10. เดินชมงานประดับไฟยามค่ำคืน

https://pixta.jp/

งานประดับไฟ (illumination) ในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเริ่มจัดขึ้นราวๆ เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงช่วงปีใหม่ เรียกว่าเป็นช่วงเวลาแห่งสีสันของแสงสีและอากาศเย็นสบายเหมาะกับการเดินเล่นชมแสงไฟเพลินๆ และหลายแห่งตามเมืองใหญ่ก็เป็นจุดชมงานประดับไฟที่มีชื่อเสียงมายาวนานหากใครได้ไปญี่ปุ่นช่วงเวลานี้ แนะนำว่าควรหาโอกาสออกมาเดินสัมผัสบรรยากาศน่าประทับใจนี้และเก็บภาพสวยๆ ไว้เป็นที่ระลึก โดยมีสถานที่แนะนำ เช่นงานประดับไฟที่โตเกียวมิดทาวน์ (Tokyo Midtown) ย่านรปปงงิ (Roppongi) ในธีมที่แตกต่างกันไปทุกปี งานประดับไฟเมืองโกเบ (Kobe illumination) จังหวัดเฮียวโกะ (Hyoko) ที่มีจุดเด่นคือการตกแต่งแสงไฟบนสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่เรียกว่า ประติมากรรมของแสงไฟ นอกจากนี้ ถ้าเป็นช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ตามจุดที่มีการประดับไฟทั่วประเทศ ก็มักจะมีการจัดงานเคาท์ดาวน์ มีการแสดงดอกไม้ไฟสุดตระการตาท่ามกลางบรรยากาศคึกคักสนุกสนานด้วย

ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)

know-before-you-go