※ หมายเหตุ บทความนี้ได้ทำการเรียบเรียงใหม่ (Re-write) ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2022

เมืองยุซาวะ (Yuzawa) ตั้งอยู่ในจังหวัดนีงาตะ (Niigata) ซึ่งอยู่ใกล้โตเกียวพอควรแต่ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะเป็นเมืองที่มีหิมะปกคลุมหนาแน่นในฤดูหนาว แค่เดินเที่ยวชมในเมืองก็ได้เห็นหิมะแล้ว แต่ส่วนใหญ่คนมาเที่ยวมักหากิจกรรมเกี่ยวกับหิมะทำ ซึ่งที่นี่ก็มีมากมายเช่น การเล่นสกี การเล่นสโนว์บอร์ด การแช่ออนเซ็นชมวิวหิมะ เป็นต้น การเล่นสกีนับว่าเป็นกิจกรรมอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวเลยล่ะ ก็เมืองยุซาวะเป็นเมืองยอดนิยมที่คนอยากเล่นสกีจะแวะเวียนมานี่นา

ดังนั้นที่นี่จึงมีลานสกีพร้อมให้บริการ เช่น ลานกาล่า ยุซาวะ สกี รีสอร์ต (Gala Yuzawa Ski Resort) เป็นลานสกีที่ฮอตมาก เพราะเดินทางสะดวกสบาย เราสามารถนั่งชินกังเซ็นตรงมาลงที่สถานีกาล่า ยุซาวะ (Gala Yuzawa Station) ได้เลย ส่วนคนที่ไม่อยากเล่นสกีหรือเล่นสกีไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีกิจกรรมหิมะอื่นๆ ให้สนุกกัน อย่างเช่น ทัวร์เดินบนหิมะด้วยรองเท้าญี่ปุ่นโบราณ จะมีไกด์พาเดินลุยหิมะนุ่มๆ ไปจนถึงจุดชมวิวที่สวยสุดประทับใจมาก และกิจกรรมกระโดดหิมะ ว่ายหิมะเหมือนว่ายน้ำ ได้ออกกำลังบนปุยหิมะขาวๆ สนุกอย่าบอกใคร

เวลาทำการ
เปิดตลอด แต่หากช่วงฤดูหนาวต้องการมาเล่นสกีด้วยที่ยุซาวะ สกี รีสอร์ต ลานสกีเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2022 – 26 มีนาคม 2023 เวลา 08.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี แต่ถ้าเข้าพักสกีรีสอร์ตและเล่นสกีก็มีค่าบริการของแต่ละแห่ง
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟชิงคันเซ็น Joetsu Shinkansen ไปลงสถานี Echigo-Yuzawa

ปีศาจหิมะซาโอ หรืออสุรกายน้ำแข็งซาโอ แล้วแต่จะเรียกกันนั้นในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าจุเฮียว (Juhyo) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หิมะตกลงมาปกคลุมและจับตัวบนใบของต้นสนพันธุ์อาโอโมริ โทโดมัตสึ (Aomori-todomatsu) เป็นเกล็ดน้ำแข็งรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายกับมนุษย์หิมะ จนเกิดเป็นฉายาเรียกว่า Ice Monster หรือ Snow Monster นั่นเอง

ปรากฏการณ์ซาโอนี้เกิดขึ้นบนภูเขาซาโอ (Mount Zao) ที่อยู่คาบเกี่ยวในจังหวัดยามางาตะ (Yamagata) กับจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ถ้ามาเที่ยวก็แนะนำให้ขึ้นไปนั่งกระเช้าไฟฟ้าซะโอ (Zao Ropeway) ชมวิวทุ่งปีศาจ จะสามารถมองเห็นได้กว้างและรอบทิศทาง ถ่ายรูปได้เหมาะเจาะสวยงามมาก ตอนกลางคืนมีการเปิดไฟ Light Up ทำให้เห็นสีสันของปีศาจหิมะซาโอะที่สวยงามแปลกตา

เวลาทำการ
ชมปีศาจหิมะได้ตั้งแต่ 24 ธันวาคม 2022 – 27 กุมภาพันธ์ 2023
เวลาบริการกระเช้าไฟฟ้า 08.30 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ผู้ใหญ่ 5,500 เยน (แพ็คเกจรถบัสไป-กลับ และรวมค่ากระเช้า)
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟชิงคันเซ็น Yamagata Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปลงสถานี Yamagata จากนั้นต่อรถบัส Yamako Bus ไปลงสถานี Zao Sanroku แล้วขึ้นกระเช้าไปลงสถานี Jizo Sancho

กลางหุบเขาที่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนในจังหวัดนางาโนะ (Nagano) ซึ่งในฤดูหนาวจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เป็นที่ตั้งของสวนลิงจิโงกุดานิ ที่เที่ยวโด่งดังที่เวลาใครเอ่ยถึงลิงแช่ออนเซ็น เขาก็หมายถึงที่สวนลิงของนางาโนะนี้ล่ะ และน่าจะเป็นไม่กี่ที่ในโลกที่เราจะได้เห็นลิงญี่ปุ่น (Nihonzaru) มาลงแช่ออนเซ็นแบบนี้ด้วย

ที่นี่มีหิมะปกคลุมหนานานปีละหลายเดือน ก็เลยทำให้ฝูงลิงเหล่านี้ลงแช่ออนเซ็นเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายนั่นเอง ดังนั้นถ้าใครแพลนจะมาเที่ยวชมหิมะในฤดูหนาวก็อย่าลังเล เพราะนั่งชินกังเซ็นใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงจากโตเกียวมานี่ก็ได้สัมผัสหิมะแล้วจ้า

เวลาทำการ
เมษายน - ตุลาคม 08.30 - 17.00 น.
พฤศจิกายน - มีนาคม 09.00 - 16.00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ (18 ปีขึ้นไป) 800 เยน
เด็ก (6-17 ปี) 400 เยน
การเดินทาง
จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟชิงคันเซ็นไปลงสถานี Nagano จากนั้นต่อรถไฟสาย Nagano Dentetsu ไปลงสถานี Yudanaka แล้วขึ้นรถบัส Nagaden Bus ไปลงที่ Kanbayashi Onsen จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 35 นาที

นิกโก้ (Nikko) ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจาก UNESCO ด้วยนะ ถ้าอยากชมหิมะรับรองว่ามาเที่ยวที่นิกโก้ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะในฤดูหนาวหิมะตกเยอะ ทำให้เราสามารถสัมผัสหิมะได้ตั้งแต่ออกจากสถานีนิกโก้เลยล่ะ

ที่นี่เขามีแยกโซนเที่ยวเป็น 2 โซน คือโซนมรดกโลกกับโซนธรรมชาติ โดยขึ้นรถบัสที่เขาจัดไปลงแวะตามป้ายต่างๆ ถ้าจะมาชมหิมะกับวิวสวยๆ ไปโซนธรรมชาติก็จะดี เพราะจะได้ย่ำไปบนหิมะฟูนุ่ม และถ่ายรูปวิวน้ำตกเคะงน (Kegon Falls) ที่เมื่ออากาศหนาวจัดก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง เป็นประติมากรรมธรรมชาติที่งดงามมาก หรือจะชมทัศนียภาพฤดูหนาวของทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ก็สวยไม่แพ้กัน

เวลาทำการ
เปิดตลอดแต่สถานีเปิดขายพาสประมาณ 07.20 - 19.00 น.
เคเบิลคาร์ที่นั่งขึ้นไปชมวิวโซนธรรมชาติเปิดประมาณ 09.00 - 16.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟชิงคันเซ็นสาย JR Tohoku จากสถานี Ueno หรือ Tokyo ไปลงสถานี JR Utsunomiya จากนั้นต่อรถไฟสาย JR Nikko ไปลงสถานี JR Nikko แล้วต่อรถบัสไปเที่ยวตามจุดต่างๆ

กำแพงหิมะตั้งอยู่ที่ที่ราบสูงมุโรโดะ (Murodo) ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดชมวิวบนเส้นทาง ทาเตยามะ คุโรเบะ ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดโทยามะ (Toyama) กับจังหวัดนางาโนะ (Nagano) โดยเส้นทางนี้ตัดผ่านทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น

เส้นทางนี้ยาวกว่า 90 กิโลเมตร การจะไปชมกำแพงหิมะได้นั้นเราก็ต้องเดินทางไปบนเส้นทางทาเตยามะ คุโรเบะที่ว่านี้ล่ะ ระหว่างทางก็จะได้ชมหิมะหนาๆ หลายจุดเป็นลานหิมะให้ลงไปเดินเล่นชมวิวกันได้ ใครที่อยากฟินกับหิมะบอกเลยว่าคุ้มมากถ้ามาที่กำแพงหิมะของจังหวัดโทยามะ

เวลาทำการ
- ช่วงเวลาเปิดเส้นทางให้บริการทุกเส้นทาง (เด็นเท็ตสึ โทยามะ (Dentetsu Toyama) – นางาโนะ (Nagano) เปิดตั้งแต่ 15 เมษายน - 30 พฤศจิกายน 2023 และเส้นทางจะปิดให้บริการตั้งแต่ 1 ธันวาคม 14 เมษายน
ราคาตั๋ว
Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass แบบใช้ต่อเนื่องกัน 5 วัน
ผู้ใหญ่ราคา 19,600 เยน
เด็กราคา 9,800 เยน
การเดินทาง
จากสถานี Tokyo ขึ้นรรถไฟชิงคันเซ็นขบวน Kagayaki หรือ Hakutaka หรือ Asama มาลงสถานี Toyama จากตรงนี้สามารถเดินทางต่อไปได้ด้วยรถไฟท้องถิ่น Dentetsu Toyama

ที่เมืองตากอากาศคารุอิซาวะใกล้โตเกียว เป็นเมืองที่นิยมของชาวญี่ปุ่นในฤดูร้อน และก็เป็นอีกเมืองที่เราสามารถมาชมหิมะได้ง่ายๆในฤดูหนาว เพียงนั่งรถไฟชิงคันเซ็น แค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง เราจะได้เห็นหิมะกันตั้งแต่ในช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงมีนาคม ออกมาจากสถานีก็ได้เห็นวิวหิมะสวยๆ ต้อนรับกันเลย แต่นอกจากดูหิมะเฉยๆ แล้วที่นี่จะมีลานสกีหิมะขาวๆ ฟูๆ ให้เล่นมากมาย

นอกจากนี้บริเวณสถานียังมีที่ช้อปปิ้งที่ขึ้นชื่ออีกด้วย อย่างเช่น Karuizawa Prince Shopping Plaza เป็นเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ให้เดินช้อปกันเพลินๆ ถ้าใครไม่ตั้งใจจะมาเล่นสกีก็เดินเล่นที่ช้อปปิ้งพลาซ่า หามุมถ่ายรูปเล่นกับหิมะก็ได้ หิมะขาวๆอยู่รายล้อมไปหมด มีหลายจุดถ่ายรูปสวยๆ แน่นอน ส่วนใครจะเล่นสกีก็มีรถบัสรับส่งจากสถานีถึงรีสอร์ตให้ด้วย สะดวกมากๆ

เวลาทำการ
เล่นหิมะและสกีได้ราวเดือนธันวาคม - เมษายน
ค่าเข้าชม
ฟรี รีสอร์ทมีค่าใช้จ่ายแล้วแต่สถานที่
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟชิงคันเซ็นขบวน Asama หรือ Hakutaka จากสถานี Tokyo ไปลงที่สถานี Karuizawa ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า

ไปชมหิมะที่หนาและเยอะจนเอามาสร้างเป็นกระท่อมหิมะ คล้ายกระท่อมแบบเอสกิโมที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า คามาคุระ (Kamakura) ได้ที่เมืองโยโกเตะ (Yokote) จังหวัดอากิตะ (Akita) ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในจังหวัดที่หิมะตกเยอะที่สุดในญี่ปุ่น ช่วงฤดูหนาวของที่นี่เขาสร้างกระท่อมหิมะทั้งไซส์เล็กและไซส์ใหญ่ที่คนเข้าไปอยู่ได้ราว 3-4 คน กว่า 100 หลังกระจายอยู่ทั่วเมืองเลยทีเดียว โดยสร้างตั้งแต่สถานี JR Yokote ไปจนถึงปราสาทโยโกเตะ (Yokote Castle)

และประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีก็จะมีการจัดงานเทศกาลหิมะ Yokote Kamakura Snow Festival ที่มีไฮไลท์เป็นการจุดเทียนสว่างไสวภายในกระท่อมขนาดเล็กๆ โดยมีแท่นบูชาเซ่นไหว้เหล้าสาเกและขนมโมจิแด่เทพแห่งน้ำเพื่อขอพรให้มีน้ำใช้อุดมสมบูรณ์

เวลาทำการ
Yokote Kamakura Snow Festival จัดขึ้นวันที่ 15 - 16 กุมภาพันธ์ของทุกปี จุดเทียนไขในกระท่อมหิมะ 18.00 - 21.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
จากสถานี Tokyo รถไฟชิงคันเซ็นมาลงสถานี Omagari จากนั้นต่อรถไฟสาย JR Ou Main Line มาลงที่สถานี Yokote

รถไฟสายทาดามิ เป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่มีทัศนียภาพของภูเขาและทะเลสาบในฤดูหนาวงดงามมากที่สุดเส้นทางหนึ่งของญี่ปุ่น โดยรถไฟสายทาดามินี้จะเชื่อมต่อสถานีไอซึวากามัตสึ (Aizu-Wakamatsu) จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) กับสถานีโคอิเดะ (Koide) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) จุดชมวิวมีความสวยที่ต่างกันไปตามจุด

ซึ่งถ้าเราอยากได้ภาพนี้ ต้องไปตรงจุดพักรถและจุดชมวิวที่อยู่ไม่ไกลจากสถานี Aizumiyashita โดยจากจุดชมวิวจะสามารถมองตรงไปยังสะพานทาดามิกาวะ ไดอิจิเคียวเรียว (Tadamigawa Dai-ichi Kyouryou Bridge) ได้ รับรองว่ามาชมหิมะที่นี่คุ้มค่าแน่นอน

เวลาทำการ
รถไฟสายทาดามิให้บริการวันละ 6 เที่ยว จาก Aizu-Wakamatsu ไป Aizu-Kawaguchi
เที่ยว 06.01/ 07.37 / 09.15 /13.03 /15.57/19.39
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
จากสถานี Tokyo หรือสถานี Ueno ขึ้นรถไฟชิงคันเซ็นไปลงสถานี Koriyama จากสถานี Koriyama ขึ้นรถไฟสาย JR Ban-etsu-Saisen ไปลงสถานี Aizu-wakamatsu แล้วขึ้นรถไฟที่สถานี Aizu Wakamatsu มาลงสถานี Aizu Miyashita

จากนั้นต่อรถตู้ที่ให้บริการพาไปจุดพักรถ Michima machi Onuma-gun ซึ่งเป็นที่ตั้งใกล้กับจุดชมวิวสะพานทาดามิกาวะ ไดอิจิ เคียวเรียว หรือถ้าออกกำลังหน่อยก็จะมีทางเดินขึ้นบันไดไปจุดชมวิวหลายจุด (ให้บริการขาไปเที่ยวเดียว 07.35 น. ขากลับเขียนใบจองรถกับพนักงานที่จุดพักรถ ค่ารถผู้ใหญ่ 500 เยน)

※ ถ้าไม่ลงจุดชมวิวก็สามารถนั่งรถไฟชมวิวไปเรื่อยๆ จนถึง Aizu-Kawaguchi แล้วนั่งกลับได้

ทะเลสาบคาวากุจิโกะอยู่ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ช่วงฤดูหนาวเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์จะมีหิมะตกพอสมควร นอกจากยอดภูเขาไฟฟูจิมีหิมะปกคลุมขาวโพลนแล้วหากโชคดีบริเวณพื้นที่รอบทะเลสาบคาวางุจิโกะก็จะเต็มไปด้วยผืนหิมะสีขาวบริสุทธิ์ด้วย เรียกว่าเห็นหิมะตั้งแต่ออกจากสถานีคาวากุจิโกะกันเลยทีเดียว เป็นอีกจุดชมหิมะที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว

นอกจากได้เดินลุยหิมะแล้ว ความพิเศษของการมาสัมผัสหิมะที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะก็คือ จะได้ถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิในโทนฤดูหนาวแบบวิวสวยฟ้าใสสุดๆ อีกด้วย

เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
- ขึ้นรถบัส Highway Bus จากสถานี Shinjuku ไปถึง Kawaguchiko เลย ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ
- ขึ้นรถไฟสาย Azusa หรือ Kaiji ที่สถานี JR Shinjuku ไปลงสถานี JR Otsuki (ประมาณ 1 ชั่วโมง) จากสถานี Otsuki นั่งรถไฟสาย Fujikyu ไปลงปลายทางที่สถานี Kawaguchiko (ประมาณ 1 ชั่วโมง)

ที่ชมหิมะที่จะแนะนำแห่งที่ 10 นี้เอาใจคนชอบธรรมชาติที่วิวสวยและแปลกเป็นพิเศษ นาขั้นบันไดโฮะชิโทเงะ (Hoshitoge Rice Terraces) เป็นท้องนาขั้นบันไดที่เรียงรายกันกว่า 200 ขั้นบรรยากาศชนบทที่มีทัศนียภาพงดงามจนชวนตะลึง ตั้งอยู่ในเมืองโทกามาจิ (Tokamachi) จังหวัดนีงาตะ (Niigata) ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 หมู่บ้านชนบทที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงามของญี่ปุ่น

ฤดูหนาวที่หิมะตกหิมะก็จะหนาแบบท่วมๆ ให้คนที่อยากมาสัมผัสหิมะได้ชื่นใจกันเต็มที่ ใครชอบใช้เวลาเดินเล่นบนหิมะ ถ่ายรูปกับวิวสวยๆ โดยไม่ต้องเร่งรีบ เราขอแนะนำที่นี่เลย

เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟชิงคันเซ็น Toki จากสถานี Tokyo ไปลงที่สถานี Echigo-Yuzawa จากนั้นต่อด้วยรถไฟสาย Hokuhoku ไปลงสถานี Matsudai ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 90 นาที แล้วนั่งรถแท็กซี่ไปอีกประมาณ 20 นาที

ผู้เขียนและเรียบเรียงใหม่: hikawasa
หลังจากจบป.ตรีก็เริ่มงานในสายล่ามที่บริษัทญี่ปุ่นเช่น Satake Thailand, Hitachi Engineering & Services และรับงานล่ามให้นิตยสาร Custom Car ไปล่ามให้ตามงาน Motor Expo สักพักออกไปเรียนป.โทต่อที่ธรรมศาสตร์ ตอนทำวิทยานิพนธ์ ทาง Japan Foundation ให้ทุนนักศึกษาไปเก็บข้อมูลวิจัย ได้เห็นญี่ปุ่นในหลายมุม ปัจจุบันเป็นนักแปลฟรีแลนซ์ให้ Bongkoch Publishing, Siam Inter Multimedia Publishing, MEB Corporation ที่ทำสื่อดิจิทัลอีบุ๊คชั้นแนวหน้าของไทย และอีกมากมาย ได้โอกาสมาเป็นนักเขียนบทความท่องเที่ยวให้ AAJ ด้วย