All About Japan

10 ที่เที่ยวฟรีในฟุกุโอกะ

ประหยัด Fukuoka Kyushu

แนะนำ 10 ที่เที่ยวหลากหลายรูปแบบในเมืองฟุกุโอกะที่สามารถแวะไปสัมผัสความงามได้แบบไม่ต้องเสียค่าเข้าชม

ฟุกุโอกะ เมืองขนาดใหญ่ในภูมิภาคคิวชูเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เริ่มได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย ทั้งจากบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ สถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครันไม่แพ้โตเกียวหรือโอซาก้า และตั๋วไปกลับที่มักจะมีราคาถูกกว่าเมืองอื่นของญี่ปุ่น ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวม 10 ที่เที่ยวฟรีในฟุกุโอกะมาฝากกัน รับรองว่าจะช่วยประหยัดงบในการเที่ยวลงไปอีกเยอะ!

1. ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังงุ (Dazaifu Tenmangu Shrine)

1. ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังงุ  (Dazaifu Tenmangu Shrine)

https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Dazaifu_Tenmangu_07.jpg

เรียกได้ว่าเป็นศาลเจ้าสำคัญอันดับหนึ่งของฟุกุโอกะ มีประวัติยาวนานกว่าหนึ่งพันปีและยังเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวเมือง จนทำให้ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาธรรมดาหรือช่วงเวลาจัดเทศกาล ก็มักจะมีผู้คนเดินทางมากราบไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้อย่างแน่นขนัด ศาลเจ้าแห่งนี้บูชาเทพเจ้าที่มีต้นกำเนิดจากบุคคลจริงชื่อว่า "ซุกาวาระ โนะ มิจิซาเนะ" ซึ่งเป็นทั้งนักเขียน นักวิชาการ และนักปราชญ์ที่มีตัวตนอยู่จริงๆในช่วงปีค.ศ. 800-900 จึงทำให้มีชื่อเสียงในด้านการมาขอพรเรื่องการเรียนการศึกษาในหมู่เด็กมัธยมและมหาวิทยาลัยอย่างกว้างขวาง ตัวศาลเจ้าเองก็ยังมีช่วงเวลาที่เป็นไฮไลท์ที่ควรแวะมาเยือนคือช่วงเดือนมีนาคม หรือระหว่างที่ดอกบ๊วยบานนสะพรั่ง เนื่องศาลเจ้าแห่งนี้ได้ปลูกต้นบ๊วยเอาไว้ถึง 6,000 ต้น และมีสายพันธุ์ต่างๆ มากกว่า 200 สายพันธุ์

ตัวศาลเจ้าเองยังตั้งอยู่ในย่านดาไซฟุ (Dazaifu) ย่านท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองฟุกุโอกะซึ่งมีเสน่ห์ในด้านความเป็นเมืองเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ค.ศ. 700 ปัจจุบันยังมีวัดและศาลเจ้าเก่าแก่ ไปจนถึงร้านรวงต่างๆ โดยเฉพาะร้านขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมมากมายให้แวะชิมและซื้อไปเป็นของฝาก

การเดินทาง : สถานีดาไซฟุ (Dazaifu Station)
เวลาเปิดปิด : 06.00 - 19.00 น.

2. สวนสาธารณะริมทะเลโมโมจิ (Seaside Momochi)

2. สวนสาธารณะริมทะเลโมโมจิ (Seaside Momochi)

https://pixta.jp

ถือเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของชาวเมืองฟุกุโอกะ มีทั้งชายหาดความยาว 1 กิโลเมตร พื้นที่สีเขียวให้พักผ่อน ร้านอาหาร ตึกสวยๆ สไตล์ยุโรปให้ถ่ายรูปเป็นฉากหลัง และทั้งหมดนี้ยังตั้งอยู่ด้านหลังฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower) แลนด์มาร์คและสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของคนที่มาเยือนฟุกุโอกะ หลายคนจึงมักจะแวะเดินเล่นและถ่ายรูปที่สวนสาธารณะริมทะเลโมโมจิแห่งนี้ไปพร้อมๆ กัน และยังเป็นจุดที่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้กับเมืองฟุกุโอกะ ที่เป็นเมืองใหญ่ซึ่งมีชายหาดอยู่ในตัวเมือง ซึ่งให้บรรยากาศที่แตกต่างจากเมืองอื่นซึ่งมักจะมีอ่าวและกำแพงกันคลื่นเป็นหลัก

จุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อแวะมาที่สวนสาธารณะริมทะเลโมโมจิก็คือโซนที่มีชื่อว่ามาริซอน (Marizon) ซึ่งเป็นโซนที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อิตาลี และยื่นออกไปในทะเล ซึ่งโซนนี้มีมุมถ่ายรูปสวยๆ และยังมีร้านอาหาร คาเฟ่เล็กๆ ที่ให้นั่งรับลมทะเลได้อย่างใกล้ชิด

การเดินทาง : สถานีรถไฟใต้ดินนิชิจิน (Nishijin)
เวลาเปิดปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

3. คาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata)

3. คาแนลซิตี้ฮากาตะ (Canal City Hakata)

https://www.flickr.com/photos/dozodomo/8429881932/

คาแนลซิตี้ฮากาตะเป็นศูนย์การค้าสำคัญของเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งมีทั้งร้านขายสินค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่รวมกันกว่า 250 ร้าน และยังมีโรงแรมขนาดใหญ่คอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่อีกด้วย จุดเด่นของคาแนลซิตี้ฮากาตะคือการออกแบบตัวอาคารอย่างล้ำสมัยบวกกับการตัดลำคลองให้ไหลผ่านตัวห้าง ที่แม้ว่าในปัจจุบันเราจะพบศูนย์การค้าในลักษณะเดียวกันนี้ในหลายๆ ประเทศ แต่คาแนลซิตี้ฮากาตะนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1996 จึงเรียกได้ว่าเป็นศูนย์การค้าที่มาก่อนกาล และยังคงดูทันสมัย รวมถึงผู้คนเองก็ยังให้ความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

จุดเด่นของคาแนลซิตี้ฮากาตะสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือที่นี่มีราเมง สเตเดี้ยม (Ramen Stadium) ซึ่งเป็นศูนย์รวมร้านราเมงขึ้นชื่อมากมายทั่วประเทศญี่ปุ่นมาไว้ในบริเวณเดียวกัน โดยตั้งอยู่บริเวณชั้น 5 ของศูนย์การค้า นอกจากนี้บริเวณน้ำพุในตัวห้างก็ยังมีโชว์พิเศษทุกๆ 30 นาทีตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และพื้นที่ต่างๆ ของตัวห้างโดยเฉพาะบริเวณริมน้ำก็มักจะมีการจัดกิจกรรมสนุกๆ อยู่ตลอดเวลา

การเดินทาง : เดินประมาณ 10 นาทีจาก Hakata Station
เวลาเปิดปิด : 10.00 - 21.00 น.

4. วัดโชฟูคูจิ (Shofukuji Temple)

4. วัดโชฟูคูจิ (Shofukuji Temple)

https://pixta.jp

วัดโชฟูคูจิเป็นวัดสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ โดยได้รับการยกย่องให้เป็นวัดนิกายเซนแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น ตัววัดถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1195 โดยพระเออิไซได้ไปศึกษาพระธรรมที่ประเทศจีน และเป็นผู้ที่เชื่อกันว่าเป็นคนแรกที่ได้นำศาสนาพุทธนิกายเซนสาขารินไซจากประเทศจีนกลับเข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่น พร้อมๆกับนำชาเขียวเข้ามาในญี่ปุ่นด้วย โดยใช้วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ศาสนาจนในที่สุดนิกายเซนก็ได้รับการเคารพนับถือไปทั่วประเทศญี่ปุ่น

พื้นที่ของวัดโชฟูคูจิมีขนาดค่อนข้างใหญ่ บรรยากาศด้านในร่มรื่นและเงียบสงบ และมีจุดที่น่าสนใจคือประตูซันมอน หอระฆัง และอาคารของหลักที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมบริเวณด้านใน

การเดินทาง : สถานีกิออง (Gion Station)
เวลาเปิดปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโดมง

5. สวนโอโฮริ (Ohori Park)

5. สวนโอโฮริ (Ohori Park)

https://www.flickr.com/photos/xiquinho/30633903687/

สวนสาธารณะใจกลางเมืองฟุกุโอกะที่ชาวเมืองมักจะเดินทางมาพักผ่อนและออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังถือเป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่สระน้ำใหญ่มาก เนื่องจากในอดีตนั้นพื้นที่ของสวนแห่งนี้ถือเป็นสวนหนึ่งในการทำระบบผันน้ำของปราสาทฟุกุโอกะ (ปัจจุบันเหลือเพียงซากกำแพงบางส่วนในบริเวณที่อยู่ติดกัน) ในสระน้ำยังมีเกาะขนาดเล็กสามเกาะที่เชื่อมกันด้วยสะพาน และมีสวนญี่ปุ่นที่แยกออกไปเฉพาะและมีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรวมอยู่ด้วย

สวนโอโฮริถือเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของเมืองฟุกุโอกะ และยังสามารถสัมผัสกับความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้เช่นกัน สำหรับกิจกรรมในวันทั่วไปก็มีทัั้งการถีบเรือเป็ดในสระน้ำ แวะนั่งเล่นที่คาเฟ่ในสวน หรือแวะพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุกุโอกะ (Fukuoka Art Museum) ที่อยู่ติดกัน

การเดินทาง : สถานีรถไฟใต้ดินโอโฮริโคเอน (Ohori Koen Station)
เวลาเปิดปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

6. หอคอยท่าเรือฮากาตะ (Hakata Port Tower)

6. หอคอยท่าเรือฮากาตะ (Hakata Port Tower)

https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Baysideplace001.jpg#/media/File:Baysideplace001.jpg

หอคอยท่าเรือฮากาตะน่าจะเป็นหอคอยเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่สามารถขึ้นไปชมวิวได้ฟรีตลอดทั้งปี และยังถือเป็นแลนด์มาร์คดั้งเดิมของเมืองฟุกุโอกะ ก่อนที่จะมีการสร้างหอคอยฟุกุโอกะขึ้นมาภายหลัง ตัวหอคอยแห่งนี้มีความสูง 70 เมตร สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา มองเห็นทั่งฝั่งท่าเรือฮากาตะและตัวเมืองฟุกุโอกะ นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ของหอคอยก็ยังมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับท่าเรือฮากาตะและความเป็นมาของเมืองฟุกุโอกะอีกด้วย

หอคอยแห่งนี้ออกแบบโดยไนโต ทาชู (Naito Tachu) สถาปนิกคนเดียวกับที่ออกแบบโตเกียวทาวเวอร์และหอคอยซึเท็นคาคุที่โอซาก้า หน้าตาของหอคอยท่าเรือฮากาตะนั้นจึงคล้ายกับการผสมผสานรูปทรงและสีสันของหอคอยทั้งสองแห่งนี้เข้าด้วยกันอย่างเห็นได้ชัด

การเดินทาง : สถานีรถไฟใต้ดินเทนจิน (Tenjin Station)
เวลาเปิดปิด : 10.00 - 22.00 น.

7. โรงงานเบียร์อาซาฮี ฮะกาตะ (Asahi Beer Factory Hakata)

7. โรงงานเบียร์อาซาฮี ฮะกาตะ (Asahi Beer Factory Hakata)

https://www.flickr.com/photos/traveloriented/24131592108

หลายคนอาจคุ้นเคยการแนะนำให้ไปเที่ยวโรงงานผลิตเบียร์ในแถบซัปโปโรซึ่งมีอยู่มากมายหลายแห่ง แต่ในฟุกุโอกะเองก็ยังมีโรงงานผลิตเบียร์อยู่เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือโรงงานเบียร์อาซาฮี ฮะกาตะ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 โรงผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของอาซาฮีทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยเบียร์ที่ผลิตจากโรงงานนี้จะถูกนำไปจำหน่ายในภูมิภาคคิวชู ภูมิภาคชูโกคุ และส่งไปจำหน่ายในเกาหลีใต้ ซึ่งโปรแกรมทัวร์โรงงานนั้นใช้เวลาประมาณ 90 นาที ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมยังได้ชิมเบียร์ฟรีๆ อีกด้วย

ซึ่งโปรแกรมทัวร์นั้นเริ่มตั้งแต่การทำความรู้จักกับบริษัทอาซาฮี การทำความรู้จักและลองสัมผัสกับวัตถุดิบในการทำเบียร์ เช่นมอลต์ ฮอปส์ จากนั้นจึงติดตามกระบวนการตั้งแต่หมักเบียร์ไปจนถึงบรรจุใส่หีบห่อ และปิดท้ายด้วยการชิมเบียร์ได้ไม่เกินคนละสามแก้ว ซึ่งข้อจำกัดสำคัญที่ต้องทราบก็คือการเข้าร่วมทัวร์โรงงานเบียร์อาซาฮี ฮะกาตะนั้นต้องจองล่วงหน้าผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่บนหน้าเว็บของโรงงานเท่านั้น ซึ่งอาจโทรไปจองด้วยตัวเองเมื่อบินไปถึงประเทศญี่ปุ่น หรือจะให้ทางโรงแรมที่เราพักเป็นผู้จองให้ก็ได้

การเดินทาง : สถานีทาเคชิตะ (Takeshita Station)
เวลาที่เปิดให้เข้าชมโรงงาน : 09.00 - 15.00 น.

8. พิพิธภัณฑ์การออกแบบและงานฝีมือท้องถิ่นเมืองฮากาตะ (Hakata Traditional Craft and Design Museum)

8. พิพิธภัณฑ์การออกแบบและงานฝีมือท้องถิ่นเมืองฮากาตะ (Hakata Traditional Craft and Design Museum)

http://hakata-dentou-kougeikan.jp/about

แม้ว่าชื่อของพิพิธภัณฑ์การออกแบบและงานฝีมือท้องถิ่นเมืองฮากาตะ อาจไม่ฟังดูน่าดึงดูดเท่าไรนัก แต่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าหนึ่งในของดีเมืองฟุกุโอกะก็คือตุ๊กตาดินเผาที่เรียกว่า "ฮากาตะ นิงเงียว" (Hakata Ningyo, Hakata Doll) ซึ่งมีประวัติความเป็นมามากกว่า 400 ปี มีการปั้นและลงสีอย่างละเอียดบรรจงเป็นรูปหญิงสาว นักรบ และผู้คนหลากหลายรูปแบบตามประวัติศาสตร์ โดยในปัจจุบันมีจำหน่ายตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยเยนไปจนถึงหลักแสนเยน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นนิยมซื้อเป็นของฝากและนำไปประดับห้อง

ที่พิพิธภัณฑ์การออกแบบและงานฝีมือท้องถิ่นเมืองฮากาตะแห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมของตุ๊กตาที่ว่านี้ ซึ่งมีการจัดแสดงตุ๊กตาทั้งแบบเก่าแก่และถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตมากมาย หากโอกาสดีก็อาจมีการจัดเวิร์คช้อปให้ลองระบายสีตุ๊กตาด้วยตนเองอีกด้วย

การเดินทาง : สถานีรถไฟใต้ดินกิออง (Gion Station)
เวลาเปิดปิด : 10.00 - 18.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)

9. ศาลเจ้าคุชิดะ (Kushida Shrine)

9. ศาลเจ้าคุชิดะ (Kushida Shrine)

https://pixta.jp

อีกหนึ่งศาลเจ้าเก่าแก่ประจำเมืองฟุกุโอกะ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 757 โดยจักรพรรดิโคเค็น (Koken) เพื่อให้เป็นศาลเจ้าคู่กับศาลเจ้าคุชิดะ (Kushida Shrine) ที่จ. มิเอะ โดยศาลเจ้าห่งนี้เป็นที่ประทับของเทพโอคุชิดะซามะ ที่ในศาสนาชินโตเชื่อกันว่าเป็นผู้คุ้มครองให้สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และประสบความสำเร็จในชีวิต ชาวเมืองฟุกุโอกะและนักท่องเที่ยวจึงนิยมมากราบไหว้ขอพรให้มีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน

ในช่วงเทศกาลฮากาตะ กิออน (Hakata Gion Festival) เทศกาลฤดูร้อนสุดยิ่งใหญ่ของเมืองฟุกุโอกะ ศาลเจ้าคุชิดะแห่งนี้ก็ถือเป็นศาลเจ้าหลักที่ใช้จัดงานและทำพิธีต่างๆ ในเทศกาล และสำหรับใครที่กำลังหามุมถ่ายรูปสวยๆ ภายในศาลเจ้ายังมีอุโมงค์เสาโทริอิสั้นๆ ที่ใช้เป็นมุมถ่ายภาพได้อีกด้วย

การเดินทาง : สถานีรถไฟใต้ดินกิออน (Gion Station)
เวลาเปิดปิด : 04.00 - 22.00 น.

10. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City Science Museum)

10. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City Science Museum)

https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Fukuoka_City_Science_Museum_20171103-1.jpg

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองฟุกุโอกะ เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่แบ่งออกเป็น 4 ชั้น ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นแรกของพิพิธภัณฑ์นั้นมีห้องนิทรรศการภายใต้คอนเซปท์ “SCIENCE & CREATIVE FUKUOKA” ส่วนชั้นที่ 4 จะมี Science & Creative Studio และห้องแล็บ 3 ห้อง ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดเน้นไปที่การเปิดโอกาสให้ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ โดยจะเข้าฟรีได้เฉพาะชั้น 3-4 เท่านั้น

ส่วนชั้น 5 ของพิพิธภัณฑ์จะเป็นโซนนิทรรศการหลักที่ให้ความรู้ในทุกแง่มุมของวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่การกำเนิดจักรวาล การกำเนิดสิ่งมีชีวิต แรงโน้มถ่วง ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงโลกอนาคต ส่วนชั้น 6 จะเป็นพื้นที่ของท้องฟ้าจำลองขนาด 220 ที่นั่งซึ่งมีเครื่องฉายที่มีความละเอียดเทียบเท่าระดับ 8K

การเดินทาง : สถานีรถไฟใต้ดินรปปงมัตซึ (Ropponmatsu Station)
เวลาเปิดปิด : 09.30 - 21.30 น.

ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย

know-before-you-go