เล่าปสกโบกรถเที่ยวญี่ปุ่น ฟุกุโอกะถึงฮิโรชิม่า
วันที่ 2
เที่ยวสวนสันติภาพ ลุยเกาะมิยาจิม่า
วันที่สองก็ตื่นกันตั้งแต่ 9 โมงเช้า มื้อเช้าแบบนี้เราก็ฝากท้องกับร้านสะดวกซื้อเลยค่ะ ง่ายๆสะดวกสบายแถมมีของน่าทานเยอะเลยค่ะ จากนั้นเราตั้งต้นกันว่าเราจะไปสวนสันติภาพ และจะนั่งเฟอร์รี่ต่อไปเกาะมิยาจิม่าเพื่อไปชมเสาแดงของศาลเจ้ากลางน้ำที่โด่งดังกันค่ะ โดยขอแนะนำ One Day Pass สำหรับคนที่คิดว่าจะนั่งรถรางเที่ยวในเมืองสักหน่อยแล้วค่อยนั่งเรือไปเที่ยวเกาะมิยาจิม่า ดังนี้ค่ะ
840 เยน (เด็ก 420) ได้ตั๋วรถรางทั่วเมืองมิยาจิม่า และเฟอร์รี่ไปกลับจากสถานี Miyajima-guchi
แต่ถ้าใครอยากจะนั่งรถรางเที่ยวชมเมืองอิโรชิม่าทั้งวันก็ขอแนะนำ
600 เยน (เด็ก 300) ได้ตั๋วรถราง ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ภายในหนึ่งวันค่ะ ขอบอกว่านั่งสัก 4-5 ครั้งก็คุ้มแล้วค่ะ
โดยพาสตัวนี้สามารถซื้อได้ที่สถานีฮิโรชิม่าได้เลยค่ะ
- www.hiroden.co.jp (อังกฤษ)
สวนสันติภาพ โดมปรมาณู และพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า
เดินเรื่อยๆเรียบแม่น้ำโอตะมาจนถึงสวนสันติภาพที่โดนระเบิดปรมาณูลงในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945 เวลา 8.15 ฮิโรชิม่าเป็นเมืองแรกของโลกที่ถูกทำลายด้วยระเบิดปรมาณู ระเบิดทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองและคร่าชีวิตของผู้คนจำนวนมากมาย โดมในภาพคือสิ่งที่หลงเหลือมาจากวันนั้น
เดินต่อไปอีกสักประมาณ 100 เมตรก็จะเจอกับ พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า ใครสนใจก็เข้าไปชมกันได้ค่ะ
- hpmmuseum.jp (อังกฤษ)
นิทรรศการสันติภาพ
ใครที่เข้ามาชมขอเตือนให้เตรียมทิชชู่มาด้วยเลยค่ะ เพราะภายในนั้นมีการจัดนิทรรศการ รายละเอียดของระเบิดปรมาณู รวมทั้งวิดิโอของผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ แม้แต่ผู้เขียนก็ยังแอบร้องไห้หมดน้ำตาไปหลายรอบเลยค่ะ แต่ถึงแม้จะเศร้าแต่ก็ได้ความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์มาเยอะเลย ในภาพนี้คือ ซาดาโกะ หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อว่า เด็กหญิงนกกะเรียน ซาดาโกะโดนรังสีจากระเบิดปรมาณูและเธอได้พยายามพับนกกะเรียนให้ครบพันตัวเพื่อที่จะอธิษฐานขอให้เกิดสันติภาพต่อโลกใบนี้ แต่เธอก็มาเสียชีวิตไปก่อนที่จะพับครบ เพื่อนๆจึงรวมกันพับให้ครบ ปัจจุบันนกกระเรียนพับจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสันติภาพสำหรับคนญีร่ปุ่นค่ะ และที่สวนนี้ก็มีอนุสรณ์สถานของเธอด้วย
นี่คือรถจักยานของเด็กชายไทจิ ที่กำลังขี่เล่นในเช้าที่ระเบิดปรมาณูลง โดยไทจิได้เสียชีวิตลงในคืนนั้น และพี่ชายของเขาก็ได้มอบจักรยานคันนี้ให้กับพิพิธภัณฑ์ค่ะ
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิม่า
เวลาทำการ
8.30-18.00 (มีนาคม-กรกฎาคม,กันยายน-พฤศจิกายน)
8.30-19.00 (สิงหาคม แต่ถึง 20.00 ในวันที่ 5,6 สิงหาคม)
8.30-17.00(ธันวาคม-กุมภาพันธุ์)
หยุดวันที่ 30-31 ธีนวาคม
ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 200 เยน นักเรียน ม.ปลาย 100 เยน นอกจากนั้นเข้าชมฟรี
วิธีการเดินทางด้วยรถราง ลงสถานี Atomic Bomb Dome จะใกล้บริเวณโดม สามารถเดินต่อไปยังพิพิธภัณท์และสวนได้
นั่งเรือสปีดโบ๊ทไปเกาะมิยาจิม่า
ออกมาจากพิพิธภัณฑ์แล้วก็มาเดินเล่นแถวๆสวนสันติภาพอีกสักแปป สายตาก็หันไปเห็นเรือสปีดโบ๊ทที่ออกจากสวนสันติภาพไปมิยาจิม่าเลย (ไม่ต้องไปขึ้นเฟอร์รี่ที่สถานีMiyajima-guchi) โดยหากไปขึ้นเฟอร์รี่นั้นเที่ยวละ 180 เยนเท่านั้น แต่ต้องนั่งรถไฟต่อไปจากกลางเมืองฮิโรชิม่าประมาณครึ่งชั่วโมง
แม้ราคาแพงกว่ากันเยอะ แต่เราก็สามารถชื่นชมกับวิวท้องทะเลได้เช่นกัน เราจึงตกลงกันว่าจะนั่งเฟอร์รี่ไปเกาะมิยาจิม่าจากตรงสวนสันติภาพกันเลยค่ะ ตกคนละ 2,000 เยน (เด็ก 1,000 เยน)
หยอดตู้จ่ายเงินแล้วก็จะได้รับบัตรคิวที่่มีรอบเวลาแบบนี้มาค่ะ
ประมาณ 30 นาทีเราก็เดินทางมาถึงเกาะมิยาจิม่ากันแล้วค่ะ รีบเดินไปยังศาลเจ้า Itsukushima เพื่อถ่ายรูปเสาโทริอิสีแดงนี้ โดยมีค่าเข้าศาลเจ้า 300 เยนค่ะ
ขอบกว่าบนเกาะมิยาจิม่ามีกวางเยอะมากค่ะ แต่กวางบางตัวก็อาจจะไม่เป็นมิตรมากนัก ทางที่ดีอย่าไปถือของกินต่อหน้าน้องกวางเด็ดขาดค่ะ แต่ก็สามารถเซลฟี่กับกวางได้นะคะ โดยกวางที่นี่มักจะอยู่ตามชายหาดค่ะ
เจดีย์แดง5ชั้นของศาลเจ้าโทโยคุนิ ที่อยู่ไม่ไกลจากเสาโทริอิมากนัก เป็นจุดถ่ายรูปที่นิยมอีกแห่งค่ะ
ขนมขึ้นชื่อ
ขนมขึ้นชื่อของเกาะมิยาจิม่านั่นก็คือ โมมิจิอะเกะ ขนมหวานที่ทอดเป็นรูปใบโมมิจิหรือใบเมเปิ้ล มีไส้ข้างในหลากหลายค่ะ
อาหารขึ้นชื่อ
แม้ว่าฮิโรชิม่าจะขึ้นชื่อเรื่อง โอโคโนมิยากิ แต่ที่เกาะมิยาจิม่านั่น หอยออยสเตอร์คือที่สุดของที่สุดค่ะ โดยเราจะเห็นร้านขายหอยออยสเตอร์แบบนี้แทบทุกที่บนเกาะมิยาจิม่า คู่ละประมาณ 450-600 เยนค่ะ
หอยนางรมฮิโรชิม่า
ของดีอีกอย่างก็คือหอยนางรมสด หอยตัวโตเต็มคำ บีบมะนาวนิดๆ หวานอร่อยมากๆค่ะ
เกาะมิยาจิม่านั้นเป็นเมืองเล็กๆที่สามารถเดินเที่ยวหมดได้ภายในเวลาหนึ่งวัน เพราะฉะนั้นสามารถไปกลับจากฮิโรชิม่าได้ค่ะ แต่ถ้าใครอยากจะมาค้างคืนก็มีโรงแรม เรียวกัง หลายแห่งให้เลือกอยู่ค่ะ
นั่งเฟอร์รี่กลับสบายๆ
ขากลับขอนั่งเฟอร์รี่กลับค่ะ โดยตกคนละ 180 เยนเท่านั้น ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็จะมาถึงเท่าเรือมิยาจิม่ากุจิ ซึ่งถ้าหากใครต้องนั่งรถไฟ รถรางกลับก็สามารถเดินไปขึ้นรถไฟ รถรางได้เลยค่ะ โดยไม่ห่างกันมากนักกับท่าเรือค่ะ
ค่าใช้จ่าย เที่ยวละ 180 เยน(ผู้ใหญ่) 90 เยน(เด็ก)
เว็บไซต์ http://jr-miyajimaferry.co.jp/en/ferry/ (ภาษาอังกฤษ)
เดินทางกลับฟุกุโอกะด้วยรถบัส
ตอนแรกวางแผนกันว่าจะเดินทางกลับด้วยไนท์บัส หรือรถบัสที่วิ่งช่วงกลางคืน (นอนบนรถ) เป็นวิธีเดินทางที่ช่วยประหยัดได้เยอะ น่าลองค่ะ แต่ปรากฏว่าเหลือว่างเพียงหนึ่งที่นั่ง มองหน้าบัดดี้ร่วมทริปแล้วก็ตกลงกันว่างั้นเรานอนฮิโรชิม่าอีกคืนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ
สรุปค่าใช้จ่าย วันที่สอง
ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ 200 เยน
ค่าเรือสปีดโบ๊ท 2,000 เยน
ค่าเฟอรืรี่ขากลับ 180 เยน
ค่าทีพัก 2,000 เยน
ค่าอาหาร 3,000 เยน
และค่ารถบัสกลับฟุกุโอกะ 2,500 เยน
ทริปโบกรถข้ามเกาะเที่ยวเมืองฮิโรชิม่าจากฟุกุโอกะก็จบลง ด้วยค่าใช้จ่าย 14,686 เยน ซึ่งน้อยกว่าที่ตั้งงบไว้ตอนแรกนิดนึงค่ะ เป็นทริปที่ได้พบเจอผู้คน ได้เจอกับอะไรใหม่ๆ เจอปัญหาที่ต้องแก้ไข ถ้าหากใครมีเวลาลองมาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยการโบกรถดูสิคะ แล้วคุณจะพบกับคนญี่ปุ่นในอีกแบบที่คุณอาจจะไม่เคยสัมผัสก็ได้ค่ะ (แต่ต้องมีการวางแผนนิดนึงนะ เช่นถ้าไม่มีคนรับจะทำยังไง)