สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วฤดูร้อนคือฤดูกาลแห่งความสนุกสนานรื่นเริง ช่วงที่ร้อนที่สุดอยู่ระหว่างเดือนกรกฏาคม-สิงหาคมสภาพอากาศจะร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 24-32องศาเซลเซียส ถึงแม้จะเป็นโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว แต่ก็มีข้อดีคือราคาที่ถูกโดยเฉพาะตั๋วเครื่องบินจากไทย และยังเป็นฤดูที่มีงานเทศกาลน่าสนใจมากมาย

เทศกาลดอกไม้ไฟ (Firework Festival) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อันดับหนึ่งของฤดูร้อนในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ส่วนใหญ่จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทั่วทั้งประเทศ โดยในบางพื้นที่ก็เป็นงานท้องถิ่นเล็กๆ รูปแบบคล้ายงานวัดบ้านเรา งานเล็กๆจะมีดอกไม้ไฟให้ชมประมาณ 1,000-5,000 ลูก แต่ถ้าเป็นงานเทศกาลมีชื่อเสียงที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ก็จะมีดอกไม้ไฟให้ชมหลักสองหมื่นลูกก็มี เช่น เทศกาลดอกไม้ไฟโอมางาริและงานประกวดดอกไม้ไฟระดับประเทศ จังหวัดอาคิตะ (Omagari National Fireworks Competition Akita) ที่จัดขึ้นในสัปดาห์ที่ 4 เดือนสิงหาคมของทุกปี หรือเทศกาลดอกไม้ไฟที่แม่น้ำสุมิดะในโตเกียว (Sumida River Fireworks Festival Tokyo) ที่จัดขึ้นปลายเดือนกรกฏาคมของทุกปี หรือว่าจะงานเทศกาลที่มีดอกไม้ไฟลูกใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Nagaoka Firework Festival ก็จัดช่วงหน้าร้อนเหมือนกัน

เทศกาลทานาบาตะ (Tanabata Matsuri) หรือเทศกาลแห่งดวงดาว เทศกาลเก่าแก่ตามความเชื่อที่มีมายาวนานของชาวญี่ปุ่น ซึ่งกิจกรรมยอดนิยมของเทศกาลนี้คือ การเขียนคำอธิษฐานขอพรไว้บนกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีสันต่างๆ เรียกว่า ทังซาคุ (Tanzaku) แล้วนำไปแขวนไว้บนกิ่งไผ่ที่ประดับประดาอย่างสวยงาม

สำหรับงานเทศกาลทานาบาตะที่มีชื่อเสียงมากก็ได้แก่ เทศกาลทานาบาตะเมืองเซนได จังหวัดมิยางิ โดยจะมีการจัดงานประดับตกแต่งด้วยไม้ไผ่ตลอดทางที่ถนนใจกลางเมืองเซนไดและมีกิจกรรมการแสดงต่างๆทั้งกลางวันและกลางคืน จัดขึ้นช่วงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี อีกงานหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากในแถบคันโตก็คืองานเทศกาลทานาบาตะโชนัน ฮิราสึกะ ในจังหวัดคานากาวา ซึ่งแต่ละปีก็มีผู้มาร่วนงานนับล้านคน ทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ จัดขึ้นช่วงต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี

กิจกรรมทางน้ำยอดนิยมที่ช่วยคลายร้อนได้ไม่น้อย และเหมาะมากๆที่จะทำในฤดูนี้ เพราะเป็นกิจกรรมใกล้น้ำที่ฤดูหนาวจะไม่มีใครเล่นกันแน่นอน ส่วนฤดูใบไม้ผลิหรือร่วงก็อาจลมเย็นเกินไปสำหรับคนไทยโดยเฉพาะหากพาญาติผู้ใหญ่ไปด้วย โดยสถานที่ที่มีบริการล่องเรือก็มีทั้งการล่องเรือคล้ายล่องแก่งไปตามแม่น้ำและหุบเขากับกระแสน้ำที่เย็นสบายรายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม รวมถึงการล่องเรือแบบสบายๆในทะเลสาบ หรือจะเป็นการได้ล่องเรือแบบช้าๆ ตามคูคลองที่อยู่ใจกลางเมืองมีอาคารบ้านเรือนเก่าแก่สลับกับต้นหลิวเป็นวิวที่สบายตามทั้งสองฟากฝั่ง

โดยสถานที่ล่องเรือที่จะแนะนำก็เช่น ล่องแก่งกลางธรรมชาติที่นากะโทโระจังหวัดไซตามะ (Nagatoro Line Kudari, Saitama) ล่องเรือชมแม่น้ำเท็นริวในจังหวัดนากาโนะ (Tenryu Fune Kudari, Nagano) ล่องเรือชมคูน้ำกลางเมือง (Canal Tour) ในเมืองแห่งสายน้ำยานากาวะ (Yanagawa) ในจังหวัดฟุกุโอกะเป็นต้น

กิจกรรมที่ต้องทำช่วงนี้จริงๆ เพราะฟูจิสามารถปีนได้แค่เฉพาะช่วงฤดูร้อนตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม –ต้นเดือนกันยายนเท่านั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการปีนเขา เพราะข้างบนภูเขาจะไม่มีหิมะตก อากาศปลอดโปร่ง เดินทางเข้าถึงได้ง่ายด้วยขนส่งสาธารณะ เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ที่อยากหาประสบการท้าทายในการปีนเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งทั้งชาวญี่ปุ่นและนักปีนเขาจากทั่วโลกก็นิยมไปปีนภูเขาไฟฟูจิกันเป็นจำนวนมากทุกปี ระหว่างทางจึงมีกระท่อมกลางภูเขาเปิดดำเนินการเพื่อการพักแรมด้วย

อย่างไรก็ตามถ้าต้องการไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ปีนภูเขาไฟฟูจิสักครั้ง ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมและศึกษาข้อมูลที่จำเป็นต่างๆอย่างละเอียด แม้ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์อยู่แล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นก็มีกฎ กติกาต่างๆที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจก่อนเดินไปสถานที่จริง นอกจากนี้ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ช่วงเทศกาลโอบ้งของญี่ปุ่น ราวๆ กลางเดือนสิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่ผู้คนเดินทางไปหนาแน่นมากที่สุด

ทุกฤดูกาลของญี่ปุ่นมีดอกไม้สีสันสดใสให้ได้ชมกันอยู่เสมอ สำหรับฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงต้นเดือนกันยายนก็มีทุ่งดอกไม้สวยๆให้ได้เลือกชมมากมาย เช่น ดอกอาจิไซหรือไฮเดรนเยียในช่วงเดือนมิถุนายนที่บานสะพรั่งหลายแห่งทั่วประเทศ และที่ได้ชื่อว่าเป็นไฮไลท์ของฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงมากก็คือทุ่งดอกลาเวนเดอร์และดอกไม้หลากสีในฮอกไกโด ซึ่งในช่วงกลางเดือนกรกฏาคมเป็นต้นไป จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกลาเวนเดอร์อย่างยิ่งใหญ่ทั้งทั้งภูมิภาค รวมทั้งดอกไม้อื่นๆที่มาเพิ่มสีสันด้วย อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ที่เข้ากับฤดูร้อนอย่างซอฟท์ดรีมรสลาเวนเดอร์ให้ได้ชิมกันด้วย โดยมาสถานที่แนะนำคือ ฟาร์มโทมิตะในเมืองฟุราโนะ หรือทุ่งลาเวนเดอร์โฮโรมิตาเกะในเมืองซัปโปโร เป็นต้น

นอกจากลาเวนเดอร์แล้วก็ยังมีทุ่งดอกทานตะวันบานให้ได้ชมอีกด้วย ซึ่งดอกทานตะวันในญี่ปุ่นจะบานในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมในหลายๆพื้นที่ทั่วประเทศโดยมีสถานที่แนะนำคือ ทุ่งดอกทานตะวันอาเกโนะ (Akeno Sunflower Field) เมืองโฮคุโตะ จังหวัดยามานาชิ พื้นที่นี้มีความพิเศษอีกอย่างคือในฤดูร้อนจะมีช่วงเวลากลางวันยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น มีดอกทานตะวันกว่านับแสนต้นให้ได้ชม รวมทั้งดอกคอสมอสด้วย

ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)