All About Japan

คาบูกิ(Kabuki) ศิลปะการแสดงเก่าแก่ของญี่ปุ่น

ศิลปะ คาบูกิ คอนเสิร์ต
คาบูกิ(Kabuki) ศิลปะการแสดงเก่าแก่ของญี่ปุ่น

คาบูกิ (Kabuki) ศิลปะการแสดงของญี่ปุ่นที่สร้างความบันเทิงมายาวนานจนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวของการแสดงคาบูกิ ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ในหลายๆด้านของญี่ปุ่นที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องของประวัติศาสตร์ สังคม และวิถีชีวิตผ่านการแสดงละครคาบูกิ

ละครคาบูกิ (Kabuki) คืออะไร ?

คาบูกิ (Kabuki) เป็นศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเอโดะของญี่ปุ่นซึ่งมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมายาวนาน อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เมื่อปี ค.ศ.2008

ละครคาบูกิจะมีการแสดงออกและเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่มีความหมาย เช่นร้องไห้ เสียใจ ดีใจ โกรธ โดยมีเนื้อเรื่อง 2 ประเภทใหญ่ๆ คือเรื่องราวของสังคมซามูไรหรือตำนานวีรบุรุษซึ่งเค้าโครงเรื่องจะอ้างอิงจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ และอีกประเภทเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวเมืองทั่วไป เช่นเรื่องความรัก โศกนาฎกรรม เรื่องราวมักดัดแปลงจากวรรณกรรมที่มีชื่อเสียง นักแสดงจะเคลื่อนไหวบนเวทีอย่างกระฉับกระเฉงกับท่วงท่า ลีลา ทั้งการเต้นและการร้องที่มีชั้นเชิงเพื่อสื่อความรู้สึกให้เข้าถึงผู้ชมอย่างลึกซึ้ง โดยมีเครื่องแต่งกายที่ออกแบบอย่างประณีต การแต่งหน้าอย่างมีสีสันเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า คุมาโดริ เช่นผู้ร้ายหน้าสีน้ำเงิน พระเอกหน้าสีขาว รวมทั้งการใส่วิกผมที่ดูแปลกตาด้วย ทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของการแสดงละครคาบูกิ

เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของละครคาบูกิก็คือ การแสดงดนตรีสดที่ใช้ประกอบการแสดงบนเวทีโดยเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นจะเป็นเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมที่นำมาใช้เป็นเสียงธรรมชาติ เสียงวิ่ง เดิน โดยนักดนตรีผู้เชี่ยวชาญไม่แพ้นักแสดง นอกจากนี้ละครคาบูกิยังนิยมนำเหตุการณ์บ้านเมืองที่สำคัญมาดัดแปลงเป็นละครที่มีบทพูดในเชิงเสียดสี วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นปกครอง

บทละครคาบูกิชื่อดัง Chushingura ดัดแปลงมาจากเรื่องราวทางการเมืองในอดีตเกี่ยวกับซามูไรไร้นาย 47 คน (ซึ่งเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่อง 47 Ronin เป็นต้น) เป็นอีกหนึ่งเรื่องของคาบูกิที่มีชื่อเสียงที่สุดและได้รับความนิยมมากมาจนถึงปัจจุบัน

ประวัติความเป็นมาของละครคาบูกิ

คาบูกิ เริ่มมีขึ้นครั้งแรกในตอนต้นของศตวรรษที่ 17 ว่ากันว่ามีที่มาจากการแสดงของมิโกะ (Miko) หญิงสาวผู้ดูแลศาลเจ้าอิซุโมะที่ชื่อว่า อิซุโมะโน โอคุนิ (Izumono Okuni) เธอได้ดัดแปลงท่าทางการร่ายรำเพื่อถวายความเคารพแก่เทพเจ้าของศาสนาชินโต และนำมาแสดงอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำในเกียวโตจนได้รับความนิยม ทำให้การแสดงของเธอเป็นที่กล่าวขานกันอย่างแพร่หลายจนถึงกับมีโอกาสได้ไปแสดงต่อหน้าพระจักรพรรดิ

หลังจากนั้นมาก็เริ่มมีการก่อตั้งเป็นคณะละครโดยใช้นักแสดงเป็นผู้หญิงทั้งหมด แต่ต่อมาก็ได้มีข่าวฉาวว่านักแสดงหญิงในคณะละครไปพัวพันกับการขายบริการทางเพศหรือโสเภณีแอบแฝง ท้ายที่สุดจึงมีการสั่งให้เลิกการแสดงคาบูกิ และในปี ค.ศ. 1629 โชกุนในตระกูลโทคุกาวา (Tokugawa Shogunate) รัฐบาลสมัยนั้น ก็ได้ประกาศออกมาว่าห้ามให้สตรีแสดงละครคาบูกิโดยเด็ดขาด จุดประสงค์ก็เพื่อรักษาศีลธรรมของประชาชน ด้วยเหตุนี้ ละครคาบูกิจึงต้องใช้เฉพาะผู้ชายเป็นนักแสดงตั้งแต่นั้นมา และถ้านักแสดงชายต้องแสดงเป็นผู้หญิงก็จะมีชื่อเรียกว่า อนนะงะตะ (Onnagata)

ละครคาบูกิในปัจจุบัน

ปัจจุบันนี้ในญี่ปุ่นการแสดงละครคาบูกิสามารถหาชมได้ทั่วไป โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฟุกุโอกะ หรือหากเป็นเมืองเล็กๆตามชมบทก็จะมีให้ชมกันในท้องถิ่น รูปแบบการแสดงรวมทั้งเรื่องราวที่นำมาแสดงก็มักจะเป็นเรื่องราวที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วโดยมีช่องทางการจำหน่ายตั๋วที่สะดวกสบายมากขึ้นในรูปแบบออนไลน์ บางแห่งมีบริการหูฟังภาษาอังกฤษและแผ่นพับเรื่องย่อภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติด้วย

อีกองค์ประกอบหนึ่งที่น่าสนใจในการชมคาบูกิก็คือเวที ซึ่งถูกสร้างและออกแบบอย่างสวยงามเพื่อให้ฉากและการแสดงมีความตื่นเต้นเร้าใจ เช่น ฉากการต่อสู้แบบจัดเต็ม เวทีของละครคาบูกิสามารถเคลื่อนไหวได้ การปรับเปลี่ยนฉากได้แบบทันทีเป็นประโยชน์ต่อการแสดงมาก ทั้งในการปรากฏตัวและการออกจากเวทีของนักแสดง

นอกจากนี้ยังมีการใช้ทางเดินที่ทอดตัวสู่เวทีผ่านบริเวณที่นั่งด้านหลังของผู้ชมที่เรียกว่าฮานามิจิ (Hanamichi) มาเพิ่มความน่าสนใจในการเข้าและออกฉากของนักแสดงอีกด้วย (โดยรูปลักษณ์แล้วคล้ายๆกับแคมวอล์คนั่นเอง) เสียงรูดม่านแรงๆตรงทางเข้าออกของทางเดินนี้มักจะทำให้ผู้ชมต้องหันกลับไปดูว่าตัวละครตัวไหนจะออกมาบนฮานามิจิ และบางครั้งนักแสดงก็จะเดินออกมาพร้อมกับร่ายรำตั้งแต่ตรงนี้เลย เมื่อมาถึงเวทีใหญ่ก็จะหยุดเพื่อโพสท่าก่อนขึ้นเวทีไปทำการแสดง

การไปชมละคาคาบูกิในยุคนี้ ส่วนใหญ่ก็เหมือนกับการมาชมความสามารถของนักแสดง แฟนๆผู้ชื่นชอบละครคาบูกิมักจะเลือกดูเรื่องที่มีนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบ ทั้งบทบาทที่เรียกว่า ทาจิยาคุ บทตัวละครชายที่มีท่วงท่าการแสดงแข็งแรงขึงขัง หรือบทตัวละครหญิงกิริยาอ่อนช้อยงดงามที่แสดงโดยผู้ชายที่เรียกว่า อนนะงะตะ วิธีการแสดงคาบูกิจะไม่เน้นความเป็นธรรมชาติหรือความสมจริง แต่จะเน้นความโอเวอร์แอคติ้งแบบเหนือจริงทั้งหมด เช่นท่าสะบัดวิกผมและการมองด้วยสายตาดุดัน เป็นต้น

โรงละครคาบูกิ (Kabuki Theatre)

โรงละครคาบูกิ (Kabuki Theatre)

โรงละครคาบูกิในปัจจุบันในเมืองใหญ่ๆอย่างโตเกียว โอซาก้า เกียวโต อีกทั้งยังมีโรงละครเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งไม่ได้ใช้จัดการแสดงอย่างเป็นทางการ แต่เป็นโรงละครที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมเพื่อสัมผัสบรรยากาศของโรงละครคาบูกิแบบดั้งเดิม โดยจะไม่มีที่นั่งแบบโรงละครตะวันตก แต่จะจัดให้นั่งบนเบาะที่วางอยู่บนพื้นภายในห้องสี่เหลี่ยม จึงถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ เช่น โรงละครคานามารุสะ (Kanamaruza Theater) ในเมืองโคโตฮิระ จังหวัดคากาวะ

สำหรับโรงละครคาบูกิที่เปิดการแสดงทุกวันตลอดทั้งปีก็คือ โรงละครคาบูกิซะ (Kabukiza Theatre) ในย่านกินซ่าของโตเกียว โดยที่นี่เปิดบริการมานานกว่า 100 ปี มีบริการหูฟังภาษาอังกฤษและการจำหน่ายตั๋วแบบออนไลน์รวมถึงการซื้อตั๋วชมแบบเฉพาะองก์ละครที่ต้องการด้วย อีกแห่งหนึ่งก็คือโรงละครแห่งชาติ (National Theatre) ในโตเกียว ที่นี่ก็เปิดการแสดงละครคาบูกิทุกเดือนรวมทั้งการแสดงรูปแบบอื่นๆด้วย

know-before-you-go