เพียง 600 บาท นั่งรถไฟจากโตเกียวไปอาโอโมริ!
Seishun 18 ตั๋วครอบจักรวาลของ JR
สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งกับรีวิวการท่องเที่ยวของ PolkaNeko
ผู้เขียนเที่ยวญี่ปุ่นเป็นประจำอยู่แล้วค่ะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ แต่ครั้งนี้พิเศษนิดหน่อย เพราะเป้าหมายคือเมืองที่อยู่ห่างไกลถึงเหนือสุดของเกาะฮอนชูอย่าง อาโอโมริ (Aomori) แต่ชินกังเซนก็แพงเหลือเกิน ทีแรกผู้เขียนเลยคิดว่าจะไปจากโตเกียวด้วยรถบัสค่ะ แต่เนื่องจากเป็นช่วงหยุดหน้าร้อนของญี่ปุ่น ค่าโดยสารรถบัสจึงพุ่งทะยานฟ้าจนเกือบแพงเท่าชินกังเซน แถมเมื่อเทียบๆเวลาที่เสียไปแล้วยังไม่คุ้มอีก ค้นไปค้นมาเกิดคิดได้ว่า “แล้วถ้าเราไปด้วย Seishun 18 ล่ะ?"
(ตั๋ว Seishun 18 คือตั๋วสุดประหยัดที่ทำให้เราขึ้นรถไฟ JR ได้ไม่อั้นเหมือนๆกับ JR Pass แต่ราคาถูกกว่ามากๆ อยู่ที่วันละประมาณ 600 บาท (2,370เยน) เท่านั้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)
ก็เลยลองกดเว็บไซต์ตารางรถไฟยอดนิยมอย่าง Hyperdia ดู ในใจก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอกระยะทางตั้งขนาดนั้น กะอยู่ว่าถ้าไม่ไหวก็คงต้องยอมให้กับชินกังเซน แต่ปรากฏว่า…
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b7c26b5b4b8a_5b7c1b760705c_1392547689.jpg)
อะ..อ้าว มันไปได้แฮะคะท่านผู้ชม! แถมยังมีให้เลือกตั้ง 2 เส้นทาง!
- www.hyperdia.com (อังกฤษ)
แต่เป็นที่แน่นอนว่าถ้าเลือกเดินทางด้วยวิธีนี้ ก็จะเสียเวลาทั้งวันไปกับการนั่งรถไฟเลยวันนึง (แต่เมื่อเทียบแล้ว รถบัสเองก็ใช้เวลาเดินทางต่างกันไม่มากและแพงเกือบเท่าชินกังเซน)
แถมวิธีนี้ยัง “ถูกกว่านั่งชินกังเซนตั้ง 7 เท่า!!!” คือตั๋ว Seishun 18 แค่หนึ่งวันมูลค่าแค่ 2,370 เยน เท่านั้น ก็นั่งไปถึงที่หมายปลายทางได้ แถมยังได้ชมวิวริมทางอีกด้วย ในขณะที่ชินกังเซนไปอาโอโมริราคาตั๋วช่วงนั้นอยู่ที่ 17,550 เยน โดยประมาณ
สุดท้ายผู้เขียนซึ่งมีงบน้อยแต่มีเวลามาก จึงตัดสินใจไปอาโอโมริด้วยวิธีสุดประหยัดนี้ค่ะ
ตัดฉากมาที่วันเดินทาง ผู้เขียนเดินทาง 2 คนกับเพื่อนร่วมทางที่ลากมาเที่ยวด้วยครั้งนี้ เลือกใช้เส้นทาง Route 2 ที่ต้องออกเช้ากว่า ส่วนที่ว่าทำไมเลือกเส้นทางนี้ สาเหตุที่แท้จริงอยู่ที่ สถานีที่รถไฟทั้งสองเส้นทางวิ่งผ่านค่ะ
จริงๆแล้วทั้งสองเส้นทางเริ่มต้นที่นั่งรถไฟไปที่อุเอโนะซึ่งเป็นชุมทางสำหรับขึ้นภาคเหนือเหมือนๆกัน และจบลงที่นั่งรถไฟเที่ยวเดียวกันจากโอดาเตะ(Odate)ไปยังสถานีปลายทางเหมือนๆกัน แต่มันต่างกันที่ “วิวระหว่างทาง” ค่ะ
เส้นทางแรกออกสายกว่า ใช้เวลาเดินทางน้อยก็จริง แต่รถไฟวิ่งขึ้นเหนือจากโตเกียวผ่าน Saitama, Tochigi, Fukushima, Sendai(Miyagi), Morioka(Iwate) แล้วค่อยตัดเข้า Odate เส้นทางผ่ากลางเกาะขึ้นไปตรงๆและผ่านหัวเมืองสำคัญอย่าง ฟุคุชิม่า และเซนไดครบถ้วน
เส้นทางที่สองออกเช้ากว่า รถไฟวิ่งถึง Saitama แล้วเบนออกซ้ายไปทางตะวันตกเฉียงเหนือผ่าน Gunma, Niigata, Yamagata, Akita แล้วค่อยตัดเข้า Odate เส้นทางวิ่งเลียบทะเลฝั่งตะวันตกหรือ Sea of Japan ขึ้นไปค่ะ
ข้อดีของการเที่ยวด้วยรถไฟหวานเย็น
![ข้อดีของการเที่ยวด้วยรถไฟหวานเย็น](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b7c26b737ac1_5b7c1fb9b88f9_735542966.jpg)
สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟทั้งวันแบบนี้ ที่ทำได้ระหว่างทางนอกจากอ่านหนังสือ เล่นมือถือ ฟังเพลง เล่นกับเพื่อนเพื่อฆ่าเวลาแล้ว ยังมีการชมวิวอีกด้วย และผู้เขียนกับเพื่อนสนใจทิวทัศน์ของจังหวัดในเส้นทางที่ 2 มากกว่าเพราะจะได้เห็นทั้งภูเขาและทะเลค่ะ (แน่นอนว่าเราเชื่อว่าเส้นทางแรกก็มีทิวทัศน์สวยๆของตัวเองเช่นเดียวกัน แต่หลังปรึกษากันแล้ว ครั้งนี้เดินทางหน้าร้อน ครึ่งบ่ายขอชมวิวทะเลให้ชื่นใจจะดีกว่าค่ะ ^ ^)
เริ่มทริปกันเวลาตีสี่กว่าๆเดินออกจากบ้านฟ้ายังสลัวๆอยู่เลยค่ะ นั่งรถไฟไปสถานีอุเอโนะ..
คนญี่ปุ่นเพียบเชียวค่ะ ท่าทางว่าวันหยุดหน้าร้อนแบบนี้จะมีหลายคนที่ตัดสินใจออกท่องเที่ยวเหมือนๆกันกับผู้เขียน
นั่งรถไฟสาย Takasaki วิ่งไปกุนมะ
ทิวทัศน์ระหว่างทางช่วงที่เข้าเขตจังหวัด Saitama ยังเป็นบ้านคนเสียมากค่ะ ทั้งอาคารอพาร์ตเมนต์และเมืองยังคงยุบยั่บ ถึงจะไม่มีตึกระฟ้ามากมายแบบโตเกียว แต่ก็ยังเป็นทิวทัศน์ของเมืองอยู่ค่ะ
หลังถึงปลายทาง ก็นั่งรถไฟสาย Joetsu ต่อด้วย Shinetsu เพื่อข้ามจากกุนมะไปนีงาตะ
ในรถไฟคนยังเยอะอยู่ค่ะ แต่ผู้เขียนเองก็คุยกับเพื่อนว่าหลังเข้านีงาตะคงจะน้อยลงแล้ว เพราะว่าก็ครึ่งบ่ายแล้วค่ะ ช่วงนี้ทิวทัศน์ชนบทก็เริ่มเข้ามายึดครองรอบๆ แลเห็นไร่นาและภูเขา บ้านเรือนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจะได้ดูอะไรที่มันธรรมชาติมาขึ้นแล้ว(ฮา)
พอถึงนีงาตะ ย้ายมานั่งรถไฟสาย Uetsu เท่านั้นละค่ะ คนหายไปเกินครึ่งทันที เป็นไปตามที่คาด นีงาตะเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมช่วงหน้าร้อนจริงๆ อนาคตคงจะต้องหาโอกาสมาเที่ยวแบบจริงจังไม่ใช่ทางผ่านกันสักครั้งค่ะ แต่ครั้งนี้เราจะขึ้นเหนือไปก่อน
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b7c26ba4cb4f_5b7c23667ae7a_737342297.jpg)
รถไฟพาไปจอดที่สถานีชื่อ Murakami ตรงนี้ต้องรอเปลี่ยนรถ คันต่อไปต้องรอเกือบหนึ่งชั่วโมงผู้เขียนจึงถือโอกาสหยุดพักหาข้าวทานค่ะ
Murakami เป็นสถานีเล็กๆ มีร้านอุด้งร้านหนึ่ง คาเฟ่ที่ขายข้าวห่อไข่ที่ผู้เขียนเลือกทาน และร้านอาหารญี่ปุ่นท้องถิ่นอีกหนึ่งร้านซึ่งทีแรกก็อยากทานค่ะแต่คิวยาวเหลือเกิน รวมทั้งด้วยเวลาที่มีอยู่แค่ 50 นาที จึงเลือกร้านข้าวห่อไข่ที่รวดเร็วกว่าไปในที่สุด
จากนั้นพอกลับมาขึ้นรถไฟ คราวนี้ก็ได้เห็นทะเลแล้วค่ะ รถไฟค่อยๆเข้าสู่จังหวัดยามากาตะช้าๆ เปลี่ยนผู้โดยสารร่วมทางออกไปบ้าง เข้ามาบ้าง
พอรถใกล้จะถึงสถานีอากิตะตะวันก็เริ่มจะตกดิน ได้เห็นพระอาทิตย์ค่อยๆหย่อนตัวลงไปใน Sea of Japan เป็นภาพที่สวยมากค่ะ น่าเสียดายที่ไม่ได้ดูจนถึงพระอาทิตย์ลับหายไปก็ถึงสถานีอากิตะ ต้องเปลี่ยนรถเป็นสาย Ou กันเสียแล้ว (ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกในแต่ละฤดูจะไม่เท่ากัน อย่าลืมเช็คนะคะ ถ้าใช้ Seishun 18 ช่วงหน้าหนาวรับประกันได้เลยว่าพระอาทิตย์ทั้งดวงจมทะเลก่อนถึงอากิตะแน่นอน ทิวทัศน์ข้างทางก็จะเป็นหิมะขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา ไม่ใช่ทุ่งนาเขียวชอุ่มแล้วค่ะ)
แล้วรถไฟสาย Ou ก็พาเราไปหยุดที่สถานี Odate ...แต่ว่าไม่มีข้าวเย็นให้ทานค่ะ(ฮา) ร้านรวงปิดกันไปหมดแล้ว งานนี้เลยต้องพึ่งร้านสะดวกซื้อกันไป แต่ก็มื้อสุดท้ายของวันแล้วละค่ะ ดูเหมือนจะมาถึงในช่วงที่จัดงานเทศกาลด้วย บนภูเขามีการจุดไฟเป็นอักษรรูปตัว 大 แล้วก็ยังมีจุดพลุด้วย นั่งทานไอศกรีมจากร้านสะดวกซื้อแล้วดูพลุจากที่ไกลๆระหว่างรอเปลี่ยนรถก็ถือว่ายังพอแก้ขัดที่ไม่มีข้าวเย็นได้อยู่
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b7d167290aa1_5b7d16459061b_418583950.jpg)
หลังจากเปลี่ยนรถครั้งสุดท้าย รถไฟก็พาผู้เขียนและสหายร่วมทางเข้าสู่จังหวัดอาโอโมริค่ะ ถึงสถานีอาโอโมริตรงเวลาเป๊ะตามตาราง 22:52 แล้วเดินเข้าโรงแรมที่จองไว้ เป็นอันสิ้นสุดภารกิจการเดินทางในวันนี้
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b7c26bd4abb2_5b7c2640063c0_1078857604.jpg)
ถ้าจะพูดถึงความรู้สึกหลังการเดินทาง อืม… ก็เป็นอะไรที่ท้าทายเล็กน้อยประเภทครั้งหนึ่งในชีวิตคล้ายๆกับการปีนภูเขาไฟฟูจิอะไรอย่างนี้ค่ะ พอสำเร็จตามเป้าหมายแล้วก็รู้สึกดีมากทีเดียว ส่วนถ้าถามว่ายังจะใช้ตั๋ว Seishun 18 ทำอะไรอย่างนี้อีกไหม?...
ก็ไม่แน่นะคะว่าจะใช้กับเส้นทางเดิม แต่ตั๋วน่ะใช้อีกแน่นอน คุ้มค่าสุดๆ~
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b7c26be02f50_5b7c26a7ed25c_44014864.jpg)
ทริปถัดไปน่าจะเป็นการใช้ตั๋วใบเดิม1วันสุดท้ายที่เหลือ (หลังไปถึงอาโอโมริเราก็ใช้ไปอีก 3 วันค่ะ เที่ยวอากิตะ ยามากาตะ เซนไดหนำใจแล้วค่อยกลับ) ครั้งนี้จะต้องไปแบบเช้าไปเย็นกลับ จะต้องเลือกสถานที่เที่ยวที่ไม่ไกลมากอย่างครั้งนี้แล้วค่ะ แต่รับรองว่าจะพยายามใช้ตั๋วให้คุ้มมูลค่า (อันที่จริง แค่นั่งไปอาโอโมริก็คุ้มค่าตั๋วแล้วไม่ใช่เหรอ! ค่ารถไฟของจริงถ้าไม่ใช้ Seishun 18 น่ะ 10,800 เยนเลยนะ!)
แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ หวังว่าทุกท่านจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยจากบทความนี้นะคะ