หนึ่งในปราสาทที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามทรงคุณค่าแบบญี่ปุ่น ตัวปราสาทมีสีขาวดูคล้ายนกกระยางสยายปีก จึงได้รับสมญานามว่า “ปราสาทนกกระยางขาว” และได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกยูเนสโกรวมทั้งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ที่สำคัญคือที่นี่เป็นหนึ่งในปราสาทที่รอดพ้นการโจมตีของข้าศึก ทั้งภัยธรรมชาติ รวมถึงสงครามโลก ตัวอาคารเป็นของแท้ตั้งแต่อดีต ไม่ได้สร้างขึ้นใหม่หลังสงครามเหมือนหลายๆปราสาทในญี่ปุ่น

เวลาทำการ : 9.00-17.00 น. (ปลายเดือนเมษายน - สิงหาคมเปิดทำการ 9.00 -18.00 น. ) และปิดช่วงเทศกาลปีใหม่ 29-30 ธันวาคม

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน , เด็ก 300 เยน

การเดินทาง : สามารถนั่งชินคันเซ็นไปลงสถานี Himeji จากสถานีเดินต่อประมาณ 15-20 นาที

1 ใน 3 ไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีกลิ่นอายแบบจีน ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “นานกิงมาชิ” ซึ่งหมายถึงที่อยู่อาศัยของชาวนานกิงซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของจีนในสมัยที่เริ่มติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่นในยุคแรกๆ ที่นี่จึงเป็นย่านที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบจีน และที่สำคัญคือมีร้านค้าร้านอาหารจีนอร่อยๆ ให้เลือกชิมเลือกช้อปกันเพลินๆเยอะมาก

เวลาทำการ : แล้วแต่ร้านค้า

ค่าเข้าชม : ไม่มี

การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Kobe Line ไปลงสถานี Motomachi แล้วเดินต่ออีก 5 นาที

หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สะพานไข่มุก” เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวถึง 3,911 เมตร ใช้เป็นเส้นทางคมนาคมระหว่างโกเบและเกาะอาวะจิ สำหรับนักท่องเที่ยวจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจ 2 ส่วนหลักๆคือจุดชมวิวและนิทรรศการ

จุดชมวิวที่ Maiko Marine Promenade พื้นที่ภายใต้โครงสร้างของสะพานตั้งอยู่ที่ความสูง 50 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในของสะพานและวิวของช่องแคบอากาชิกับอ่าวโอซาก้าได้

ศูนย์แสดงนิทรรศการสะพานอากาชิไคเคียว (Bridge Exhibition Center) เป็นศูนย์จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผน และการก่อสร้างสะพาน รวมไปถึงข้อมูลของสะพานแขวนจากที่อื่นๆทั่วโลกด้วย เหมาะสำหรับคนชอบสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่หรือวิศวกรรม

เวลาทำการ :
ศูนย์แสดงนิทรรศการฯ 09.30-17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
Maiko Marine Promenade 9.00-18.00 น. เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที (ปิดวันอังคารสัปดาห์ที่ 2 ของทุกเดือน)

ค่าเข้าชม :
ศูนย์แสดงนิทรรศการฯ 310 เยน
Maiko Marine Promenade 250 เยน (เสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ 300 เยน)

การเดินทาง :
นั่งรถไฟ JR สาย Kobe Line ไปลงสถานี Maiko แล้วเดินต่ออีก 5 นาที

เมืองออนเซ็นอันดับหนึ่งในแถบคันไซ ที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีดีมากกว่าแค่บ่อออนเซ็น เนื่องจากบรรยากาศของเมืองที่สวยงาม สงบเงียบ และมีบริการต่างๆในด้านออนเซ็นแบบครบทุกสิ่งอย่างสะดวกสบาย มีร้านค้า คาเฟ่ เรียวกัง ตั้งอยู่เรียงราย เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนสบายๆ โดยจะแวะมาแบบไปเช้าเย็นกลับหรือมาพักค้างคืนก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน

เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับแต่ละแห่ง

ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับการใช้บริการ

การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Sanin Main Line ไปลงสถานี Kinosaki Onsen แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที

หนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเรือนแบบยุคโบราณ โดยมีจุดเด่นของบ่อน้ำพุร้อนที่แตกต่างจากเมืองออนเซ็นอื่นๆ คือ บ่อน้ำพุร้อนสีทอง กับ บ่อน้ำพุร้อนสีเงิน นอกจากนี้ยังมีออนเซ็นแบบแช่เท้าที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับแต่ละแห่ง

ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับการใช้บริการ

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Shintetsu Arima Line ไปลงที่สถานี Arima Onsen แล้วเดินเข้าไปได้เลย