จังหวัดฟุคุชิมะ เป็นจังหวัดที่หลายๆคนได้ยินชื่อแล้วมักจะนึกถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวและซีนามิเมื่อปี 2011 มากกว่าเรื่องท่องเที่ยว แท้จริงแล้วเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีดีมาตั้งแต่อดีตแล้ว การฟื้นฟูก็ดำเนินการไปได้ด้วยดี และสถานที่สำคัญๆสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆนั้น ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ส่วนเรื่องความปลอดภัยผมเองก็กล้ายืนยันว่าไปได้ไม่มีปัญหา เพราะนับตั้งแต่ต้นปีมาผมเองก็แวะไปสามถึงสี่ครั้งแล้ว

ฟุคุชิมะเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของญี่ปุ่น รองจากฮอกไกโดและอิวาเตะ ทำให้ที่เที่ยวดังๆนั้นไม่น้อยเลย เริ่มจากเมืองไอซึวากามัตสึ เมืองแห่งซามูไรและที่ตั้งของปราสาทสวยซึรุกะโจ ที่มีฉายาว่าปราสาทนกกระเรียน หรือจะแวะชมจุดพักของนักเดินทางในสมัยโบราณอย่างโออุจิจุกุ ที่เป็นหมู่บ้านที่รวมบ้านฟางแบบดั้งเดิม และถูกอนุรักษ์ไว้ไม่ให้หน้าตาเปลี่ยนไปจากอดีตเลยแม้แต่น้อย เหมาะอย่างมากกับการถ่ายรูปในทุกฤดู แต่จะสวยเป็นพิเศษช่วงใบไม้ร่วง

หรือหากชอบธรรมชาติที่งดงาม ที่นี่ก็มีบึงห้าสีโกะชิกินุมะ ที่น้ำจะมีสีต่างๆกันไปในแต่ละบึง หรือเทือกเขาบันได ที่ตั้งของภูเขาที่สวยงามแบบไม่เฟคของญี่ปุ่น ที่กว้างใหญ่และมีวิวที่ไม่เหมือนญี่ปุ่นที่อธิบายยากมากๆ จนอยากให้ไปดูกันเอง

จังหวัดฟุคุชิมะทำผลงานเติบโตได้ดีเป็นอันดับสาม โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มจากปีที่แล้วถึง 39% เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงถึงความสำเร็จในการฟื้นตัวจากภัยธรรมชาติ และความปลอดภัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายวางใจมาเที่ยวครับ

ปราสาทซึรุกะโจในช่วงฤดูของซากุระ

บรรยากาศของโออุจิจุกุในหน้าหนาว บ้านทรงญี่ปุ่นแบบโบราณเรียงรายเต็มสองข้างทางเดิน

จังหวัดโอกายาม่า เป็นจังหวัดใหญ่ที่มีความสำคัญในฐานะประตูสู่ภูมิภาคชิโกกุ เป็นทางผ่านของรางรถไฟสายเดียวในญี่ปุ่นที่เชื่อมแผ่นดินใหญ่เข้ากับเกาะชิโกกุ และยังเป็นสถานีชินกังเซ็นขนาดใหญ่อีกด้วย แต่น่าน้อยใจที่หลายๆคนใช้เป็นแค่ทางผ่าน แถมอยู่ใกล้ๆกับเมืองอื่นๆที่ดังกว่าเยอะอย่างฮิโรชิม่าและโกเบ ทำให้โดยรวมๆแล้วไม่ได้มีนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ปีล่าสุดทำผลงานได้น่าประทับใจ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นถึง 65% เมื่อเทียบกับปีก่อน!

โอกายาม่ามีสถานที่เที่ยวเด็ดๆอยู่หลายที่ แต่อันดับต้นๆคงหนีไม่พ้นปราสาทโอกายาม่า ปราสาทขนาดใหญ่ประจำเมืองที่มีสีดำสนิท จนได้ฉายาว่าปราสาทอีกาดำ และอีกที่ก็คือสวนโคราคุเอ็น สวนแบบญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามสวนที่งดงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่นก็ตั้งอยู่ที่นี่

หากมีโอกาสจะเดินทางไปเที่ยวเกาะชิโกกุ หรือจะเดินทางด้วยรถไฟชินกังเซนจากเหนือลงใต้ จากโตเกียวโอซาก้าสู่ฟุกุโอกะ หรือแม้ว่าจะกลับทิศก็ตาม ก็ลองหาโอกาสมาค้างคืนและเดินชมเมืองโอกายาม่าซักคืนก็ดีนะ

โคราคุเอน สวนสวยที่เปิดทำการมาแล้วมากกว่า 330 ปี ตั้งแต่ปี 1687 และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสามสุดยอดสวนสวยของญี่ปุ่น ที่คนญี่ปุ่นเชื่อถือกันมา

นอกจากการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆแล้ว ก็ยังมีต้นไม้ดอกไม้หลากชนิดที่จัดอย่างเป็นแบบแผน ทำให้สวยงามทุกฤดู

รูปของปราสาทโอกายาม่าในฤดูใบไม้แดงที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมซักครั้ง

จังหวัดคากาว่า เป็นจังหวัดที่มีดีมากๆในเรื่องอุด้ง หรือเส้นหมี่แบบญี่ปุ่น ที่ผลิตได้เองเป็นจำนวนมากในจังหวัด โดยว่ากันว่าอุด้งที่นี่มีเส้นเหนียวอร่อย และสามารถรู้สึกได้เลยว่าแตกต่างจากเส้นอุด้งที่ผลิตที่อื่นๆของญี่ปุ่น แต่จุดแข็งตรงนี้แข็งมากๆ จนแม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็มักจะลืมว่าคากาว่ามีอะไรดีนอกจากอุด้ง

จังหวัดคากาว่าเป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในญี่ปุ่น แต่เดิมมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว และหลายๆครั้งมักถูกใช้เป็นทางผ่านไปเที่ยวเมืองอื่นๆบนเกาะชิโกกุ เช่นจังหวัดเอฮิเมะที่อยู่ใกล้เคียง แต่คราวนี้คากาว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่าในปีก่อนถึง 70% เลยทีเดียว ถือว่าเป็นจังหวัดที่เติบโตได้ดีที่สุดของญี่ปุ่นในปีนี้

ถ้าถามว่ามีอะไรดีละก็ ที่จังหวัดคากาว่าเป็นที่ตั้งของสวนริตสึริน สวนสไตล์ญี่ปุ่นอีกสวนที่คนญี่ปุ่นถือว่าสวยเป็นลำดับต้นๆของประเทศ มาตั้งแต่โบราณ นอกจากนี้ก็ยังมีปราสาทมารุกาเมะ ปราสาทที่ตั้งอย่างโดดเด่นอยู่บนยอดเขาเรียบๆ มองดูแล้วน่าเกรงขามมากๆ อย่างกับเป็นปราสาทในนิยายเลยทีเดียว และที่สำคัญตัวปราสาทยังเป็นของแท้ที่ไม่เคยโดนทำลาย ไม่ใช่ของที่สร้างเลียนแบบอีกด้วย (ปราสาทในญี่ปุ่นที่เป็นของแท้ ตั้งอยู่มาแต่อดีตนั้น จริงๆแล้วมีแค่ 12 หลังเท่านั้น)

หรือสำหรับคนที่ชอบศิลปะสมัยใหม่ ที่นี่ก็ยังมีเกาะนาโอชิมะ เกาะแห่งศิลปะสมัยใหม่ที่มีงานศิลปะ รูปปั้น รูปแกะสลัก งานจัดแสดงถาวรทั้งกลางแจ้งและในร่มกระจายอยู่เต็มเกาะ และหนึ่งในนั้นก็คือฟักทองลายจุด ผลงานชื่อดังของคุณป้าคุซามะ ยาโยอิ ศิลปินป๊อปอาร์ทของญี่ปุ่นที่มักจะปรากฏตัวในชุดลายโพลคาดอทนั่นเอง

ผลงานศิลปะของคุซามะ ยาโยอิ หนึ่งในงานจัดแสดงหลักของเกาะนาโอชิมะ

ปราสาทมารุกาเมะ หนึ่งในปราสาทที่มีอาคารหลักแท้ๆหลงเหลือมาจากอดีต โดยหลังที่เห็นในภาพนั่้นก่อสร้างตั้งแต่ปี 1660 หากมองจากข้างล่าง ก็จะดูน่าเกรงขามราวกับเป็นผู้ปกป้องเมือง แต่หากขึ้นไปด้านบนแล้วมองลงมา ก็จะสามารถมองเห็นเมืองมารุกาเมะได้ทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียว