สู่อิวาเตะยุคใหม่ พร้อมชิมราเมงรสเลิศ
ความคิดแนวใหม่ต่อการสร้างเมืองป้องกันภัยพิบัติ
ตำบลทาโร่นั้นเป็นตำบลเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งซันริคุ ซึ่งได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองมิยาโกะในจังหวัดอิวาเตะผ่านการควบรวมหมู่บ้าน ตำบล และเมืองเมื่อปี 2005 ในเขตพื้นที่ทาโร่นั้นเคยมีเขื่อนกำแพงสูง 10 เมตรที่บ้างก็เรียกกันว่า “กำแพงหมื่นลี้” ตั้งอยู่เป็นรูปตัว X ซึ่งเขื่อนกำแพงนี้เองก็เคยเป็นที่จับตามองในระดับโลกเนื่องจากเคยต้านทานสึนามิจากเหตุแผ่นดินไหวชิลีในปี 1960 ได้ แต่เมื่อครั้งภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น ทาโร่ก็ได้จมลงสู่ก้นทะเลอีกครั้งด้วยสึนามิที่สาดซัดเข้ามาหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อคุณได้ดูรูปภาพที่มีสภาพย่ำแย่นี้ คุณจะจินตนาการออกได้หรือไม่สิ่งนี้แต่เดิมมันคืออะไร? มันคือซากจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวของ “โรงแรมท่องเที่ยวทาโร่” ซึ่งทางเมืองได้ใช้งบประมาณในการฟื้นฟูที่นี่เป็นแห่งแรกนั่นเอง ซึ่งเป้าหมายสูงสุดนั้นก็คือเพื่อให้เป็นฐานสำคัญในการเรียนรู้การป้องกันภัยพิบัติ และในเดือนเมษายนปี 2016 ก็ได้เปิดกว้างต่อสาธารณชน ปัจจุบันมีผู้คนมากกว่า 20,000 คนได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้แล้ว โดยคุณซาซากิผู้เป็นไกด์แนะนำ “การเรียนรู้ด้านการป้องกันภัยพิบัติ” แห่งสมาคมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการท่องเที่ยวมิยาโกะได้กล่าวไว้ว่า “แม้ว่าเราจะสร้างเขื่อนที่สูงขึ้น ก็อาจจะป้องกันภัยพิบัติอันไร้เมตตาไม่ได้ก็เป็นได้ แล้วก็อาจจะไม่สามารถคาดเดาว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติดังกล่าวนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็เป็นได้ ความเป็นกับความตายนั้นแตกต่างกันน้อยมากจนเหมือนมีแค่กระดาษแผ่นเดียวมากั้นไว้เท่านั้นจริง ๆ แต่เพราะอย่างนั้นเอง เราจึงอยากที่จะให้ทุกท่านได้มีความตระหนักถึงการป้องกันภัยพิบัติต่อไปเรื่อย ๆ”
การป้องกันภัยพิบัติที่เรียนรู้ได้
หน้าเว็บเพจสำหรับจองที่และติดต่อ|http://sanriku-trip.jp/trip/study/guide/manabu/
เจ้าของโรงแรมโฮไรคังที่มอบความหวังด้วยรอยยิ้มแม้ตนจะเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง
สำหรับแต่ละพื้นที่ในญี่ปุ่นที่เกิดสึนามิบ่อยครั้งนั้น ก็จะมีการถ่ายทอดวิธีรับมือกับสึนามิมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ซึ่งในบรรดาวิธีเหล่านั้นเอง “สึนามิเท็นเด็นโกะ” ก็เป็นแนวทางการศึกษาการป้องกันภัยพิบัติในชายฝั่งซันริคุ จังหวัดอิวาเตะมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งมีความหมายที่ว่า “ช่วยชีวิตของตนเองด้วยมือของตัวเราเอง” ซึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผู้คนจะตกอยู่ในความประหม่าและหวาดกลัวได้ง่าย แต่ถ้ามีจิตเชื่อมั่นเช่นเดียวกันแล้ว ก็คงจะสามารถลดทอนความเสียหายจากความกังวลและขาดความรู้ได้ ซึ่งที่คามาอิชิในเวลานั้น อาจจะเป็นเพราะได้ทำตามสโลแกนนี้อย่างเต็มที่ จึงไม่มีนักเรียนประถมและมัธยมต้นภายใต้ความดูแลของทางโรงเรียนตกเป็นเหยื่อเลย
โรงแรมโฮไรคังที่เคยได้รับผลกระทบจากสึนามินั้น เคยได้รับการกำหนดให้เป็นศูนย์อพยพผู้คนในช่วงเวลานั้น ซึ่งหญิงเจ้าของโรงแรมที่ชีวิตเกือบจะจบลงไปนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะมีจิตเชื่อมั่นที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็อยากจะมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ จึงสามารถอดทนจนรอดชีวิตมาได้ในที่สุด ซึ่งจิตเชื่อมั่นนั้นในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจของผู้ที่อาศัยในท้องถิ่น โดยการเปลี่ยนความรู้สึกโศกเศร้าให้กลายมาเป็นพลังด้านบวกนั้น ก็ได้เชื่อมโยงไปสู่หนทางของการฟื้นฟูนั่นเอง ด้วยการกระทำที่ก้าวข้ามสโลแกน และกิริยาท่าทางที่ยอมรับในโชคชะตาและชีวิตอย่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นนั้น ไม่ว่าจะอย่างใดต่างก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นอะไรที่ทำให้ชวนคิดจริง ๆ
ที่บริเวณหน้าโรงแรมโฮไรคังที่ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงก่อนเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น 3.11 นั้น เป็นชายทะเลสวยงามที่มีความกว้างถึง 200 เมตรและยาวถึง 2 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งฉากที่สวยงามของหาดทรายสีขาวและต้นสนสีเขียวนั้นเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างมาก โดยในฤดูร้อนก็เป็นสถานที่เล่นน้ำทะเลขึ้นชื่อที่คึกคักมาก แม้ว่าในตอนนี้ หาดทรายบางส่วนจะไม่มีอยู่แล้ว แต่ถ้าหากมีความรู้สึกที่อยากจะฟื้นฟูบ้านเกิด ก้อนหินดินทราย และต้นสนที่ยังคงเหลืออยู่ขึ้นมาอีกครั้งแล้วล่ะก็ ในอนาคตอันใกล้นี้ แม้แต่ทิวทัศน์ที่ในตอนนี้เห็นได้จากในภาพถ่ายเท่านั้น เราก็คงจะได้มีโอกาสเห็นจริง ๆ อีกครั้ง แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงจะมีเขื่อนกำแพงธรรมชาติแห่งใหม่เกิดขึ้นที่โรงแรมโฮไรคังเป็นแน่
โรงแรมอาหารแห่งชายหาด โฮไรคัง
ที่อยู่|93-18 เขตที่ 20 ตำบลอุซึโนะไม เมืองคามาอิชิ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|นั่งรถแท็กซี่จากสถานี Kamaishi เป็นเวลา 20 นาที (ประมาณ 3,500 เยน) หรือใช้บริการรับส่งฟรีจากสถานีถึงโรงแรม (ต้องจองล่วงหน้า)
โฮมเพจ|https://houraikan.jp/
ค่าใช้จ่าย|พัก 1 คืนพร้อมอาหาร 2 มื้อ ราคาตั้งแต่ 10,000 เยนขึ้นไป
เรียนรู้ความกล้าหาญและการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางประสบการณ์
เมื่อพูดถึงของฝากจากจังหวัดอิวาเตะแล้วล่ะก็ คงจะต้องนึกถึง “ไข่คาโมเมะ” ขนมที่ให้รสสัมผัสที่ชุ่ม นุ่มลื่น และละเอียดประณีต ซึ่งเราได้ยืมที่ว่างภายในโรงงานนากาอิของบริษัท “ไซโต้เซกะ” ที่เป็นผู้ผลิต “ไข่คาโมเมะ” ในการเปิด “พิพิธภัณฑ์สึนามิโอฟุนาโตะ” ขึ้นในปีถัดจากเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น 3.11 ด้วยจิตเชื่อมั่นที่ว่า “ที่ยังคงบอกเล่าสืบต่อไปยังอนาคตอยู่ก็เพราะ...เราต้องการให้คุณรอด” แน่นอนว่านอกจากเรื่องราวที่เกิดกับตัวผู้อำนวยการไซโต้เองแล้ว ที่พิพิธภัณฑ์สึนามิโอฟุนาโตะแห่งนี้ก็ยังเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนที่ได้รวบรวมสื่อการเรียนการสอนและประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การบอกเล่าต่อ แล้วนำมาถ่ายทอดผ่านภาพฉายและการจัดแสดงเพื่อที่จะลดความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติให้น้อยลง
ด้วยการใช้บันทึกภาพฉายเช่นนี้เป็นอุปกรณ์ที่จำลองเหตุการณ์ในเวลานั้นขึ้นมาอีกครั้ง และยังใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินใจในตอนค้นคว้าวิจัยกันว่าเมื่อประสบกับภัยพิบัติจะสามารถรอดไปได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ทำให้การใช้ชีวิตของพวกเราสะดวกสบาย แต่ในทางกลับกัน ความสามารถในการตอบสนองต่อธรรมชาติอย่างทันท่วงทีก็ลดถอยลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในจุดนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับการเรียนรู้ด้านภัยพิบัติในต่อจากนี้ไป ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2018 เป็นต้นไป “อาคารฐานการฟื้นฟู (ชื่อชั่วคราว)” ทางด้านหน้าสถานี JR โอฟุนาโตะก็จะเสร็จสมบูรณ์ และ “พิพิธภัณฑ์สึนามิโอฟุนาโตะ” ก็จะเปิดตัวขึ้นในรูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งด้วยสถานที่ตั้งมั่นใหม่นี้ ก็คงจะทำให้ความสามารถในการถ่ายทอดการเรียนรู้ด้านการป้องกันภัยพิบัติและอพยพหนีภัยนั้นเพิ่มมากยิ่งขึ้น แล้วพลังและจิตเชื่อมั่นที่มีต่อการเรียนการสอนชีวิตโดยเหล่าผู้ก่อตั้งก็คงจะเข้มแข็งขึ้นเป็นแน่
พิพิธภัณฑ์สึนามิโอฟุนาโตะ
ที่อยู่|นานาซาโตะฮอลล์ โรงงานนากาอิ บริษัทไซโต้เซกะ 5-1 มิยาโนะ ตำบลอากาซากิ เมืองโอฟุนาโตะ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|นั่งแท็กซี่ประมาณ 5 นาทีจาก BRT สาย Ofunato ถึงสถานี Sakari ของการรถไฟซันริคุ
ค่าใช้จ่าย|นักเรียนม.ปลายขึ้นไป 500 เยน, นักเรียนม.ต้น 300 เยน, นักเรียนประถม 100 เยน (ต้องจองล่วงหน้าก่อน 3 วัน)
หน้าเพจสำหรับจองที่|https://ofunato-tunami-denshokan.jimdo.com/
เวลา|10:00〜15:30 น., ทัศนศึกษา 10:00 น. ~, 15:30~ (วันพุธเป็นวันหยุดปกติ)
โฮมเพจ|https://www.ofunato-tsunami-museum.org/
ทัวร์ตามรอยการฟื้นฟูบ้านเกิด
ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นนั้น ได้สร้างความเสียหายแก่เขตพื้นที่บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของญี่ปุ่นอย่างร้ายแรง ซึ่งสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ หรือแม้แต่ภาพความทรงจำในอดีตของบ้านเกิดที่ได้ฟื้นคืนกลับมา ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่บันทึกธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งการที่จะลดการเกิดภัยพิบัติในต่อจากนี้ไปได้อย่างไรนี้เองที่ถือเป็นปัญหาที่มีความสำคัญที่สุด โดยที่เมืองริกุเซ็นทาคาตะในจังหวัดอิวาเตะนั้น เพื่อที่จะให้ผู้คนในพื้นที่อื่นได้มีความตระหนักถึงการป้องกันภัยพิบัติ อีกทั้ง เพื่อที่จะถ่ายทอดบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติ รวมถึงการเริ่มต้นฟื้นฟูบ้านเกิดจากศูนย์ จึงได้ดำเนินการจัด “ทัวร์แนวหน้าด้านการฟื้นฟู” ขึ้น
ด้วยการอธิบายผ่านสถาปัตยกรรมก่อสร้างใน “สถานีริมทางเก่า TAPIC” และสถานการณ์การเก็บรักษา “ต้นสนแห่งปาฏิหาริย์” จึงทำให้เราได้สัมผัสถึงสภาพในช่วงเวลาที่เกิดแผ่นดินไหวอย่างแท้จริง และสามารถทำให้เกิดความคิดเกี่ยวกับความสำคัญของการป้องกันภัยพิบัติได้ ซึ่งเนื่องจากในขณะนี้ ไกด์ในทำนองนี้ยังไม่มีบริการอธิบายเป็นภาษาต่างประเทศ ถ้าหากคุณอยากจะเข้าร่วมทัวร์ล่ะก็อาจจำเป็นต้องพาล่ามมาด้วย แล้วถ้าหากว่าคุณมีความคิดมุ่งมั่นต่อผืนแผ่นดินที่มีชื่อว่าญี่ปุ่นอย่างแรงกล้า การที่คุณจะมาเยือน “พิพิธภัณฑ์ข้อมูลการฟื้นฟูและสร้างเมือง ริกุเซ็นทาคาตะ” แล้วทำให้ความคิดนั้นโลดแล่นไปกับร่องรอยแห่งการฟื้นฟูก็คงจะดีไม่น้อย
ทัวร์แนวหน้าด้านการฟื้นฟู
หน้าเว็บเพจสำหรับจองที่และติดต่อ|http://marugoto-rikuzentakata.com/tour
ค่าใช้จ่าย|หนึ่งคน 1,500 เยน / 90 นาที (ไม่รวมภาษี)
ราเม็งโฮยะที่ตราตรึงอยู่ในใจ
โฮยะ (สับปะรดทะเล) ที่ผลิตในญี่ปุ่นนั้น โดยมากจะมาจากการเพาะเลี้ยง โดยกว่า 80% ในนั้นก็จะผลิตที่จังหวัดมิยากิในโทโฮคุ ซึ่งตำบลฮิโรโนะที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางเหนือสุดของจังหวัดอิวาเตะนั้น ทั้ง ๆ ที่อยู่ในแนวชายฝั่งซันริคุแต่กลับไม่มีอ่าว แล้วเนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศแบบพิเศษที่หันหน้าให้กับทะเลที่กว้างขวาง จึงไม่เหมาะกับการเพาะเลี้ยงพืชหรือสัตว์น้ำ แต่ในทางกลับกัน พวกโฮยะธรรมชาติ สาหร่ายวากาเมะ หอยเป๋าฮื้อและเม่นทะเลกลับสามารถจับมาได้มากมาย โดยที่ตำบลฮิโรโนะนั้น จะมีการประมงแบบดั้งเดิมโดย “นัมบุโมกุริ” (หมายถึงเทคนิคการดำน้ำใน “รูปแบบการสวมหมวกนิรภัย”) เป็นเวลามานานกว่า 100 ปี ซึ่งเทคนิค “นัมบุโมกุริ” นี้ เป็นเทคนิคที่ได้รับสืบทอดมาจากกรมพัฒนาน่านน้ำ โรงเรียนมัธยมปลายทาเนอิชิ ในเขตพื้นที่ทาเนอิชิภายในท้องถิ่น ซึ่งแม้แต่ตอนนี้เอง ก็ยังคอยทุ่มกำลังให้กับการฝึกอบรม “นักประดาน้ำนัมบุ” อยู่ นอกจากนี้ โฮยะที่ตกได้ในช่วง 30 – 40 เมตรถือว่าแปลกตามาก และเมื่อเทียบกับโฮยะที่เพาะเลี้ยงแล้ว ก็จะมีความฝาดและกระด้างน้อยกว่า ซึ่งดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่อร่อยที่สุดจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน – เดือนธันวาคมนะ
เราเองก็เคยทานโฮยะ (สับปะรดทะเล) ครั้งนึงที่ร้านเหล้า แล้วด้วยความที่รู้สึกแขยง ๆ จึงไม่คิดว่าจะต้องมาทานอาหารที่ทำจากโฮยะอีกเลย ร้านฮามานาซึเทที่ถูกสึนามิโหมกระหน่ำใส่จากเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น 311 นั้น ในปีถัดจากเหตุภัยพิบัติ ก็ได้กลับมาเปิดร้านใหม่ในสภาพบ้านคอนเทนเนอร์รูปแบบประกอบภายใต้ความช่วยเหลือขององค์กรบำรุงรักษา โดยราเม็งโฮยะที่ทางร้านฮามานาซึเททำขึ้นมานั้น ก็โด่งดังเป็นพลุแตก ด้วยอิทธิพลจากการนำเสนอข่าวของสื่อญี่ปุ่น ทำให้โฮยะธรรมชาติที่ผลิตที่ตำบลฮิโรโนะในจังหวัดอิวาเตะซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบในการทำนั้นเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แม้อันที่จริงแล้วจะกล่าวกันว่ามันเก็บรักษาได้ลำบากก็จริง แต่เมื่อได้ศึกษาค้นคว้าแล้วลองผิดลองถูกอยู่หลายต่อหลายครั้ง ก็ทำให้ในปัจจุบันนี้ เราสามารถลิ้มรสชาติที่สดใหม่ได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว พอเราได้ทานราเม็งโฮยะที่รู้สึกกลัวทั้งกายใจเข้าจริง ๆ แล้ว เราก็ตกใจมากเลยล่ะ! ด้วยซุปที่ทำจากกระดูกไก่และเกลือโฮยะ พอใส่เส้นราเม็งบาง ๆ ที่น้ำซุปสามารถเข้าเส้นได้ง่ายลงไป ราเม็งทะเลที่นุ่มละมุนแต่มีรสที่ลึกล้ำนี้ ก็ไม่เพียงแค่ทำให้เราได้สัมผัสรสชาติใหม่ แต่ยังคงตราตรึงใจเราเป็นอย่างมากเลยล่ะ
ราเม็งโฮยะ (ร้านฮามานาซึเท)
ที่อยู่|32-95-1 ทาเนอิชิ ตำบลฮิโรโนะ อำเภอคุโนเฮะ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|เดินเท้า 7 นาทีจากสถานี Taneichi บนรถไฟสาย JR Hachinohe Line
โฮมเพจ|http://www.uninosato-hamanasutei.com/
เวลาทำการ|11:00 ~ 15:00 น.(รับออเดอร์สุดท้ายเวลา 14:30 น.)วันหยุดปกติคือวันพุธ
โซบะทะเลที่เปี่ยมด้วยลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของทางเหนือ
เมืองคุจิในจังหวัดอิวาเตะที่ได้มาเป็นฉากแสดงในละครญี่ปุ่นเรื่อง “อามะจัง” นั้น คงจะมีคนที่เคยเดินทางมาเยือนบ้างแล้วอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ เมืองคุจิที่หันหน้าให้ทะเลและห้อมล้อมไปด้วยภูเขาโดยรอบนั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลผลิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัวญี่ปุ่นเขาสั้น โซบะ และเม่นทะเล เมื่อได้ออกจากสถานีคุจิไปหน่อย คุณก็จะสามารถลิ้มลองอาหารท้องถิ่นในหลายประเภทได้ ซึ่งในนั้นเอง ถ้านับร้านที่ให้บริการโซบะทะเลแล้ว ร้าน “ซาราชินะ” ถือว่ามีชื่อที่สุด สำหรับที่ญี่ปุ่นแล้วร้านโซบะที่มีชื่อร้าน “ซาราชินะ” ประดับอยู่นั้น เรียกได้ว่าไม่มีคำว่าพลาดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ที่นี่เป็นโรงอาหารที่เป็นเอกเทศซึ่งคุณคิโยมิสึผู้เป็นเจ้าของร้านใจดีเป็นผู้บริหารจัดการ มีที่นั่งซึ่งสามารถเข้าไปนั่งกันได้หลายคนเลย และยังตกแต่งภายในที่ง่าย ๆ และมีบรรยากาศสบาย ๆ นอกจากนี้ อาหารยังมีราคาถูก ปริมาณก็เหลือล้น อีกทั้ง การบริหารจัดการอันเปี่ยมมโนธรรมที่รักษาคุณภาพอาหารได้อย่างดีนั้น นอกจากจะสบายกระเป๋าของเหล่านักเดินทางแล้ว ยังเติมเต็มกระเพาะได้อย่างเต็มที่เลย
“โฮคุเก็นโนะอามะโซบะ (1,100 เยน)” ที่เต็มจานก้นตื้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 30 เซนติเมตรนั้น มีปริมาณเต็มเปี่ยมถึงขนาดที่ว่ากลบเส้นโซบะมิดไปเลย ด้วยของทะเลที่ต้มมาใหม่ ๆ กว่า 10 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นซาชิมิแนะนำในวันนั้น ๆ กุ้งสดใหม่ ปลาหมึก หอยโฮตาเตะ เม่นทะเล เป็นต้น ซึ่งในชั่วพริบตาที่เมนูนี้ปรากฏลงบนโต๊ะ ก็คงจะมีเสียงแห่งความตะลึงดังขึ้นเป็นแน่ แม้ว่าส่วนประกอบอาจจะเปลี่ยนแปลงตามการซื้อปลาที่ตกได้ในวันนั้น ๆ ไปบ้าง แต่นั่นก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังมากยิ่งขึ้นเวลาที่แวะไปแต่ละครั้ง ซึ่งพวกหอยโฮตาเตะที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ที่ตกได้จากคิตะซันริคุนั้น ทำให้ทานได้เต็มปากเต็มคำและยังเพิ่มความอร่อยขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัดพร้อม ๆ กับฤดูหนาวที่มาเยือน ถ้าคุณมีโอกาสล่ะก็ ขอให้ลองไปค่อย ๆ ลิ้มรสด้วยลิ้นของตัวคุณเองกันดูนะ
ซูชิ-โซบะสด ซาราชินะ
ที่อยู่|6-15 คาวาซากิ เมืองคุจิ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|เดินเท้า 3 นาทีจากสถานี Kuji
เวลาทำการ|11:00~14:30 น., 17:00~21:30 น. (ไม่กำหนดวันหยุดตายตัว)
ราเม็งวากาเมะที่ทำจากวัตถุดิบที่ผลิตในท้องถิ่นเพื่อบริโภคในท้องถิ่น
เนื่องจากตั้งอยู่บนเนินสูง สถานีริมทางยามาดะที่รอดจากความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิในภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นนั้น ในตอนที่เกิดภัยพิบัติเองก็ได้กลายมาเป็นสถานที่หลบภัยชั่วคราวเช่นกัน และได้มอบความกล้าหาญและพลังแก่ผู้คนในท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นที่จอดรถประจำทางมากมายหลายสาย จึงไม่เพียงมีแค่ของฝากในท้องถิ่น แต่ยังมีโรงอาหารเล็ก ๆ ที่ให้บริการอาหารเบา ๆ เปิดทำการด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ภายในสถานที่ยังมีสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวแบบง่าย ๆ ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งเราก็สามารถมารับข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นระหว่างการเดินทางได้ที่นี่
ร้านอาหารยามาดะแห่งนี้บริหารจัดการด้วยระบบจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ซึ่งเมนูยอดนิยมก็คือ “ราเม็งวากาเมะ” ที่ทำจากแป้งสาลีที่ผลิตในจังหวัดอิวาเตะ และสาหร่ายวากาเมะที่ผลิตในซันริคุนั่นเอง ซึ่งเส้นก๋วยเตี๋ยวจีนที่นวดด้วยผงวากาเมะที่ผลิตในซันริคุนั้น ทุกครั้งที่ได้นำเข้าปาก ก็จะมีรสชาติของสาหร่ายวากาเมะแผ่ไปทั่ว ทำให้สัมผัสได้ถึงความหยุ่นภายในรสสัมผัสที่นุ่มลื่น ซึ่งเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ใช้ก็ทำขึ้นที่ “คามาอาเกะยะ” ร้านอุด้งยอดนิยมในท้องถิ่น เส้นที่พิถีพิถันกับสิ่งผลิตในท้องถิ่นเพื่อบริโภคในท้องถิ่นนี้ จะไม่มีการใช้วัตถุกันเสียและเติมแต่งสี แล้วนอกจากซุปเกลือรสกุ้งที่ทำขึ้นแบบโฮมเมดแล้ว ราคาที่เปี่ยมมโนธรรมซึ่งสามารถลิ้มรสได้ด้วยเหรียญ ๆ เดียวก็ถือเป็นสาเหตุของความนิยม จึงควรที่จะค่อย ๆ ลิ้มรสไปเรื่อย ๆ อีกทั้ง สำหรับของหวานล้างปากก็ยังมีซอฟต์ครีมวากาเมะท้องถิ่นที่นำสาหร่ายวากาเมะมาใช้ทำด้วยซึ่งควรค่าแก่การลิ้มลองเป็นอย่างมาก!
สถานีริมทางยามาดะ มุมอาหารมื้อเบา
ที่อยู่|141 เขตที่ 6 ฟุนาโกชิ ตำบลยามาดะ อำเภอชิโมเฮ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|เดินเท้า 9 นาทีจาก “สถานีอิวาเตะฟุนาโกชิ” สาย JR ยามาดะ
โฮมเพจ|http://www.yamada-michinoeki.jp/restaurant/index.html
เวลาทำการ|9:30 ~ 16:30 น. (ไม่กำหนดวันหยุดตายตัว)
ซันมะอุเมะราเม็งที่มีความเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้ว่าที่โตเกียวก็สามารถทานราเม็งที่ใช้สารสกัดจากปลาซัมมะได้ก็จริง แต่ร้านที่ใส่ปลาซัมมะเป็นท็อปปิ้งจริง ๆ นั้นคิดว่าคงหาได้ยากมาก ซึ่งร้าน “บังไรโชกุโด” มีประวัติความเป็นมานาวนานถึงกว่า 40 ปี ซึ่งมีเจ้าของร้านสามีภรรยาคอยต้อนรับและเสิร์ฟชาอย่างไม่หยุดพักด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ เมนูของที่นี่ก็มีหลากหลาย ตั้งแต่อาหารชุด ข้าวผัด ข้าวหน้าต่าง ๆ ไปจนถึงราเม็งเลย เรียกได้ว่าเป็นแบบมาตรฐานรูปแบบหนึ่งของร้านอาหารสำหรับคนทั่วไปของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ที่นี่เป็นที่ชื่นชอบอย่างมากสำหรับเหล่านักชิมในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนู “ซันมะอุเม้เม็ง (700 เยน)” (ราเม็งปลาซัมมะแสนอร่อย) ที่ได้ออกสื่ออยู่บ่อย ๆ นั่นเอง
ถ้าจะให้ยกจุดเด่นเป็นพิเศษของราเม็งเมนูนี้ล่ะก็ คงจะต้องเป็นไอเดียของเจ้าของร้านนั่นล่ะ! ปลาซัมมะที่เคี่ยวมานานนับ 12 ชั่วโมงนั้น ผ่านไฟมาจนแทบจะทานเข้าไปได้ทั้งกระดูกเลย การลงมือลงแรงในการทำนั้นไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ และยังรู้จักดัดแปลงด้วยรูปแบบการใช้อังคาเคะ ทำให้แก้ปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ของปลาซัมมะได้ ซึ่งผลที่ได้ออกมาก็คือรสชาติที่ลงตัวแบบสุด ๆ ของความเค็มที่มาพร้อมกับความหวานอ่อน ๆ เป็นความอร่อยที่ชวนตกตะลึงโดยแท้ จากนั้นก็ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวจีนเส้นละเอียดที่มีความยืดหยุ่นลงไป แล้วใส่หน่อไม้ มะนาวชิ้น และบ๊วยเค็มโฮมเมดที่รสชาติเปลี่ยนไปได้หลายแนวลงไปอีก เมื่อดูเผิน ๆ อาจจะเป็นส่วนผสมที่ซับซ้อนชวนงง แต่เมื่อได้นำเข้าปากก็จะเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดรสชาติอันมีลักษณะเฉพาะที่ทานกี่ครั้งก็ไม่รู้เบื่อเลยล่ะ เรียกได้ว่าเป็นรสชาติที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องชื่นชอบอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! แล้วยังมีข้อแนะนำสำหรับนักเดินทางที่ทานได้มาก ก็คือวิธีทานโดยนำข้าวที่มาพร้อมเซ็ตใส่ลงไปในน้ำซุปที่เหลืออยู่ คุณจะสามารถดื่มด่ำไปกับอาหารเลี้ยงรับรองรสเลิศที่เกิดจากจิตวิญญาณอันเต็มเปี่ยมของเจ้าของร้านได้อย่างเต็มที่เลย
บังไรโชกุโด
ที่อยู่|9-2 มิยะโนะมาเอะ ตำบลโอฟุนาโตะ เมืองโอฟุนาโตะจังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|เดินเท้า 2 นาทีจาก “สถานีชิโมะฟุนาโตะ” JR
เวลาทำการ|10:00 ~ 19:00 น. (วันหยุดปกติได้แก่ วันที่ 10, 20 และ 30 ของทุกเดือน)
คามาอิชิราเม็งที่เรียบง่ายและทานได้ไม่รู้เบื่อ
เพราะว่าที่คามาอิชิในอิวาเตะที่อยู่ในภูมิภาคโทโฮคุนั้นมีท่าเรืออยู่ การประมงจึงเฟื่องฟู ปริมาณปลาที่จับได้ก็มากพอสมควร อาหารที่ทำมาตั้งแต่สมัยก่อนจึงเน้นไปที่ทำจากของทะเลเป็นหลัก พวกซุปที่เคี่ยวจากไก่หรือกระดูกหมูนั้น อาจจะเรียกได้ว่าค่อนข้างพิเศษก็เป็นได้ เมื่อเริ่มจากสถานีคามาอิชิมุ่งหน้าไปย่านช้อปปิ้งโอมาจิตามทางถนนใหญ่ ก็จะมี “ร้านชินคาเอ็นสาขาหลัก” ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนอันเป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวตั้งอยู่ เราได้ไปฟังเรื่องราวจากคุณไซโจผู้เป็นเจ้าของร้านรุ่นที่ 2 มา ซึ่งได้ความว่าคุณพ่อของคุณไซโจเกิดที่ไต้หวัน และเมื่อเกือบ 70 ปีที่ผ่านมาก็ได้เดินทางมาที่เซ็นไดในโทโฮคุ จนเมื่อ 40 ปีก่อนก็ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่คามาอิชินั่นเอง ซึ่งเมนูยอดนิยมอย่าง “คามาอิชิราเม็ง (550 เยน)” นั้น ก็เป็นเมนูที่เจ้าของร้านรุ่นแรกเป็นผู้คิดค้น แล้วกลายมาเป็นรูปลักษณ์ดังเช่นในปัจจุบันนี้เอง
สำหรับอุตสาหกรรมหลักของคามาอิชินั้น นอกจากการประมงแล้วก็ยังมีอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าที่เฟื่องฟู ซึ่งในช่วงเวลานั้น เพื่อที่จะให้สามารถทานอาหารกลางวันได้ในระหว่างช่วงพักเที่ยงสั้น ๆ จึงได้นำเส้นราเม็งบางละเอียดที่ทำขึ้นเป็นพิเศษที่เพียงนำมาอุ่นด้วยน้ำร้อนเป็นเวลา 10 วินาทีก็พร้อมทานได้มาใช้ ส่วนท็อปปิ้งอย่างอื่นนอกจากหมูชาชูและส่วนประกอบอื่นนั้น ก็จะเลือกสิ่งที่เคี้ยวได้ง่ายมาเป็นอันดับต้น ๆ อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งราเม็งที่ผ่านการคิดพิจารณามาอย่างละเอียดขนาดนี้ ก็ยังเหมาะสำหรับให้เด็ก ๆ ทานด้วย ส่วนน้ำซุปที่ปรุงรสในสไตล์ญี่ปุ่นก็ไม่มันเยิ้มทานแล้วสดชื่น หมูชาชูที่มีความสมดุลระหว่างเนื้อส่วนที่มันและไร้มันก็ให้รสสัมผัสที่กำลังดี การผสมผสานของทั้งสามสิ่งระหว่างน้ำซุป เส้นราเม็ง และท็อปปิ้ง อันเป็นหนึ่งเดียวและลงตัวที่สุดนั้น ให้รสชาติที่แม้จะทานทุกวันก็ไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว เพราะอย่างนี้เอง ในเวลาอาหารจึงมีผู้คนต่อแถวกันจนยาวเป็นงูอยู่เรื่อย ด้วยความอร่อยถึงระดับนี้เอง ในปี 2015 จึงได้มีราเม็งที่สามารถอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟมาวางจำหน่ายในรูปแบบบะหมี่ถ้วยโดยร่วมมือกันกับร้านสะดวกซื้อ มันช่างทำให้เราเข้าใจถึงระดับความนิยมได้จริง ๆ เลยนะ!
ร้านอาหารจีนชินคาเอ็น สาขาหลัก
ที่อยู่|2-1-20 โอมาจิ เมืองคามาอิชิ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|เดินเท้า 12 นาทีจากสถานีคามาอิชิ การรถไฟซันริคุ, JR
เวลาทำการ|11:00 ~ 20:00 น. (วันหยุดปกติคือวันอังคาร)
อิโซราเม็งที่เบาๆ ดีต่อสุขภาพ
สารสกัดอูมามิจากทะเลทั้งหมดทั้งมวลนั้น อัดแน่นอยู่ในราเม็งแสนอร่อยชามเดียวนี้ คุณไม่คิดบ้างหรือว่าถ้าคุณได้ลิ้มรสราเม็งนั้นอย่างใกล้ชิดแล้ว ก็คงจะไม่มีอะไรที่ยอดเยี่ยมไปกว่านี้แล้วล่ะ ซึ่งอันที่จริงแล้วอิโซราเม็ง (ราเม็งทะเล) นั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นเมนูอาหารที่เข้ากับแนวความคิดนั้นได้ดีที่สุด ซึ่งที่พื้นที่บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของโทโฮคุในญี่ปุ่นนั้น ก็มีร้านที่ให้บริการอิโซราเม็งอยู่มากมายหลายร้าน ซึ่งก็มีรสชาติที่แตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ไม่ว่าจะร้านไหนก็สามารถแสดงออกถึงรสชาติอันละเอียดอ่อน และความสดใหม่ของอาหารทะเลได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่นรสสัมผัสที่มีความกรุบ ของทะเลหลายต่อหลายชั้นที่มีความลึกล้ำ และวัตถุดิบสุดหรูอย่างพวกหอยโฮตาเตะและเม่นทะเล ซึ่งไม่ว่าจะอะไรก็เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่มีอิทธิพลต่อรสชาติของอิโซราเม็งเป็นอย่างมาก อีกทั้ง การที่เลือกเส้นบะหมี่จีนที่มีเส้นเรียวเล็กและซุปเข้าเส้นได้ดีนั้น ก็ถือเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของอิโซราเม็ง ซึ่งแน่นอนว่ารสชาติและสีสันที่สดใสก็สำคัญเช่นกัน
ที่ “ศูนย์จำหน่ายตรงคนโนะ” ซึ่งเพาะเลี้ยงหอยโฮตาเตะเองนั้น มีร้านอาหารอันเป็นที่ชื่นชอบของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเปิดให้บริการอยู่ ซึ่งอิโซราเม็ง (680 เยน) ที่เป็นเมนูยอดนิยมอันดับหนึ่งในนั้น ก็ใช้พวกสาหร่ายวากาเมะ ฟุโนริ สาหร่ายทะเลมัตสึโมะ รวมถึงสาหร่ายโนริทอดในการทำ และคุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติและรสสัมผัสของของทะเลทั้งสี่ชนิดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหอยโฮตาเตะสดใหม่ที่เด่นที่สุดในนั้น ก็มีคุณภาพเนื้อดี อวบอิ่ม และเปี่ยมด้วยความหวาน ส่วนเส้นบะหมี่จีนที่เรียวเล็กและรสเค็มอ่อน ๆ นั้น เมื่อได้นำมาผสมเข้าด้วยกันก็ให้รสอร่อยและรสสัมผัสของของทะเลเป็นอย่างดี รวมถึงสารสกัดรสหวานที่วัตถุดิบธรรมชาติสีเขียวขจีปล่อยออกมานั้น ไม่สร้างภาระให้กับร่างกายและไม่มันเยิ้ม แล้วทั้ง ๆ ที่ดีต่อสุขภาพแท้ ๆ แต่กลับเปี่ยมเสน่ห์ด้วยความอร่อย 100% ขนาดนี้ จึงทำให้เมนูนี้มีความโดดเด่นที่ไม่แพ้ใครเลยจริง ๆ
ศูนย์จำหน่ายตรงคนโนะ
ที่อยู่|75-1 มิจิโนะอุเอะ ตำบลโยเนซากิ เมืองริคุเซ็นทาคาตะ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|เดินเท้า 8 นาทีจาก “สถานีวากิโนะซาวะ” BRT สายโอฟุนาโตะ
เวลาทำการ|11:00 ~ 15:00 น. (วันหยุดปกติคือวันพุธ)
ราเม็งไก่แดงหวานอร่อยที่สุกได้ที่
ที่ฟาร์มฮิโรโนะในจังหวัดอิวาเตะนั้น ได้มีการเพาะเลี้ยง “ไก่แดง” ซึ่งเป็นไก่ญี่ปุ่นบริสุทธิ์อยู่ด้วย ซึ่งน้ำซุปที่เคี่ยวด้วยกระดูกของไก่แดงและผักสดใหม่ปริมาณมากเป็นเวลานานนั้น ให้รสชาติที่ไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูดได้เลย แล้วไม่เพียงแต่ซุปเท่านั้น เครื่องปรุงรสก็ยังยอดเยี่ยมมาก ๆ ด้วย ซึ่ง “ราเม็งไก่แดง (680 เยน)” ในซุปมิโซะนั้น มีรสชาติที่ทำให้พูดอะไรไม่ออกซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมกับชามไม้ ในชั่วพริบตาที่ได้นำเข้าปาก ความหวานอันแปลกใหม่ก็จะแผ่ไปทั่ว ทำให้สัมผัสถึงรสชาติที่ดีต่อสุขภาพได้อย่างเต็มที่ แม้แต่ตัวเครื่องเทศเองก็ยังพิถีพิถันในการเลือกมาจากผักในท้องถิ่นเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงแค่ผลที่เห็นได้ด้วยตาเท่านั้น แต่ในผลทางด้านรสชาติเอง ก็ยังทำให้ราเม็งชามนี้มีความยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าได้เติมชาชูไก่แดงสด ๆ ใหม่ ๆ หรือเนื้อไก่สับเป็นท็อปปิ้งไปด้วยล่ะก็ คงจะทำให้ได้พบกับรสชาติใหม่ ๆ เป็นแน่
ร้านอาหารโอโนะ โชกุโนะยากาตะ
ที่อยู่|โอโนะแคมปัส 58-12-30 โอโนะ ตำบลฮิโรโนะ อำเภอคุโนเฮะ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|นั่งรถประจำทางไป “หน้าโอโนะแคมปัส” จาก “สถานีคุจิ” JR ประมาณ 44 นาที
โฮมเพจ|http://www.ohnocampus.jp/taberu/syokunoyakata.html
เวลาทำการ|เดือนเมษายน ~ เดือนพฤศจิกายน เวลา 11:00 ~ 19:00 น. (รับออเดอร์สุดท้ายเวลา 18:30 น.), เดือนธันวาคม ~ เดือนมีนาคม เวลา 11:00 ~ 18:00 น. (รับออเดอร์สุดท้ายเวลา 17:30 น.) (วันหยุดปกติคือ ช่วงวันที่ 31 ธันวาคม ~ 1 มกราคม)
ราเม็งซุปหอยที่จะทำให้ตกตะลึงกับรสอร่อยอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่เราจะได้ลิ้มลองรสชาติของราเม็งระดับสุดยอดที่นี่ จนทำให้ไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าที่นี่เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นอย่างนั้นหรือนี่!! ที่ “KYASSEN โอฟุนาโตะ” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ได้แกรนด์โอเพนนิ่งไปเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2017 นั้น มีทั้งฟู้ดวิลเลจ และช้อปปิ้งเซ็นเตอร์อย่าง Mall & Patio รวมถึงศูนย์กิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ของผู้คนในท้องถิ่นอยู่ด้วย แม้ว่าโครงการฟื้นฟูของแต่ละพื้นที่ในโอฟุนาโตะจะยังอยู่ในช่วงดำเนินการก็ตาม แต่สำหรับผู้คนในท้องถิ่นแล้ว ศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญที่นำพาให้การใช้ชีวิตของผู้คนจำนวนมหาศาลกลับเข้าสู่วงโคจรที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าแม้แต่ผู้คนภายนอกที่พยายามเข้ามาช่วยจัดการเรื่องการท่องเที่ยวเชิงฟื้นฟูอย่างกระตือรือร้นเอง ก็ยังรู้สึกประทับใจกับสถานที่แห่งนี้เช่นกัน เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ทำหน้าที่เชื่อมโยงอดีตกับอนาคตได้เป็นอย่างดีเลย
ที่ร้าน “คุโรฟุเนะ SECOND” ก็ได้นำหอยจำนวนมากอย่างพวกหอยกาบ หอยขวาน และหอยสองฝา รวมถึงสารสกัดจากนัมบุโดริซึ่งเป็นไก่แบรนด์ชั้นนำของจังหวัดอิวาเตะมาทำเป็นน้ำซุป ซึ่งซุปที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ให้รสชาติดี แต่ยังให้ความสมดุลที่ลงตัวสุด ๆ ด้วย นอกจากนี้ เส้นราเม็งหนากลางที่เลือกสรรมาอย่างดีนั้น เป็นเส้นราเม็งโฮมเมดที่ทำจากสูตรเฉพาะด้วยการนำแป้งสาลีสองชนิดของจังหวัดอิวาเตะมาผสมเข้าไป รสสัมผัสอันนุ่มลื่นของมันกำลังดี ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป ในชั่วพริบตาที่ได้ทาน รสหวานของมันก็จะแผ่ไปทั่วปากในทันที ทำให้ได้ลิ้มรสที่นิ่มนวลและได้ที่กำลังดี ในส่วนของส่วนประกอบนั้น ก็มีทั้ง “หอยเป๋าฮื้อคิปปิน (KIPPIN ABALONE)” ที่ผลิตในซันริคุ ซอสตับจากหอยเป๋าฮื้อ และหมูชาชูที่ปรุงด้วยอุณหภูมิที่ต่ำจนละลายได้ในปาก ตอนที่นำมาทานนั้น ถ้าได้ค่อย ๆ ละลายซอสตับจากหอยเป๋าฮื้อลงในน้ำซุป คุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับความเปลี่ยนแปลงของรสชาติได้ แล้วแน่นอนว่าถ้าได้ใส่หัวหอมสับที่ทางร้านจะนำมาเสิร์ฟให้ในระหว่างที่ทานแล้วล่ะก็ รสชาติก็จะเปลี่ยนไปเป็นรสอ่อน ๆ ทำให้มีความรู้สึกที่สดชื่นจนทานเท่าไรก็ได้ไม่รู้เบื่อเลยล่ะ
ราเม็งซุปหอย คุโรฟุเนะ SECOND
ที่อยู่|ภายใน KYASSEN ฟู้ดวิลเลจ 3-2-2140 จิยายะมาเอะ ตำบลโอฟุนาโตะ เมืองโอฟุนาโตะ จังหวัดอิวาเตะ
การเดินทาง|เดินเท้า 4 นาทีจาก “สถานีฟุนาโตะ” BRT สายโอฟุนาโตะ
โฮมเพจ|http://www.m-side.net/~kurofune/
เวลาทำการ|17:00 ~ 23:30 น. (เวลารับออเดอร์สุดท้าย) (วันหยุดปกติคือวันอาทิตย์ และช่วงปลายปีจนถึงต้นปีใหม่)