All About Japan

ตะลุยจุดถ่ายภาพธรรมชาติอันงดงามที่ "โทโฮคุ"

ถ่ายภาพ สวนสาธารณะ ภูเขา ที่ราบสูง ชายฝั่ง ชายทะเล เกาะ หอคอยชมวิว แผนการการเดินทาง ชายฝั่ั่ง Sanriku ข้อมูล ชนบทญี่ปุ่น PR ตะลุยฤดูร้อนญี่ปุ่นที่ "โทโฮคุ" Fukushima Iwate Miyagi โทโฮคุ โทโฮคุฝั่งแปซิฟิค

หมู่เกาะมัตสึชิมะ จังหวัดมิยางิ

หมู่เกาะมัตสึชิมะ จังหวัดมิยางิ

มัตสึชิมะ (松島) สถานที่ๆคนญี่ปุ่นตั้งแต่โบราณยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น (日本三景) อีกสองที่คืออามาโนะฮาชิดาเตะ ในเกียวโต และมิยาจิมะ ในฮิโรชิม่า

มัตสึชิมะเป็นหมู่เกาะที่มีเกาะเล็กใหญ่ปนกันมากกว่า 260 เกาะ โดยแต่ละเกาะจะมีต้นสนญี่ปุ่น หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าต้นมัตสึ ส่วนเกาะภาษาญี่ปุ่นว่าชิมะ ทำให้ได้ชื่อว่ามัตสึชิมะหรือที่แปลว่าเกาะต้นสนครับ

ในภาพจะเห็นสะพานฟุคุอุระบาชิ ที่เชื่ิอมชายฝั่งเข้ากับเกาะที่อยู่ใกล้ชายฝั่งที่สุด คือเกาะฟุคุอุระจิมะ สามารถเดินข้ามไปชมบรรยากาศบนเกาะได้ครับ

หากนั่งเรือเฟอรี่ในบริเวณอ่าว จะสามารถชมเกาะเล็กๆทีละเกาะได้ครับ อย่างเกาะนี้มีชื่อว่า คาเนะจิมะ จุดสังเกตุก็คือเป็นเกาะที่มีรูเล็กๆสี่รูในหน้าผาครับ

บรรยากาศการนั่งเรือ แน่นอนว่าเย็นสบายด้วยลมทะเลแม้จะเป็นกลางฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูที่เราแนะนำมากที่สุด เพราะถ้าหากมาในวันที่มีเมฆมาก ฝนตก หรือมืดครึ้ม บรรยากาศอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร

ส่วนอันนี้เป็นหินรูปทรงแปลกๆ ที่นับเป็นหนึ่งเกาะเหมือนกัน มีชื่อว่า นิโอจิมะ แต่มันกลายเป็นรูปร่างแบบนี้ได้ยังไงเราคงทำได้แค่จินตนาการ

อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญที่เห็นได้บริเวณริมชายฝั่งก็คือ วิหารโกะไดโด เป็นอาคารเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆครับ ขนาดประมาณบ้านเล็กๆหนึ่งหลังเท่านั้น บนเกาะมีกล่องใส่เงินทำบุญเหมือนๆกับวัดและศาลเจ้าญี่ปุ่นทั่วๆไปครับ

เมื่อลองปีนขึ้นไปด้วยตัวเองพบว่า ระยะห่างจากชายฝั่งแค่นิดเดียวเท่านั้น เหมือนไม่ใช่เกาะแต่เค้าก็นับเป็นเกาะครับ

วัดซุยกังจิ จังหวัดมิยางิ

วัดซุยกังจิ จังหวัดมิยางิ

วัดซุยกังจิ วัดดังใกล้บริเวณมัตสึชิมะ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกินกว่าพันปี โดยตามบันทึกประวัติศาสตร์พบว่าวัดนี้ก่อตั้งเมื่อปี 828 หรือประมาณ1200ปีมาแล้ว อาคารหลักที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นอาคารที่สร้างเมื่อปี 1609 มีอายุมากกว่าสี่ร้อยปีเลยทีเดียว

นอกจากวัดโบราณนี้ จะขึ้นชื่อเรื่องการอนุรักษ์ที่ทำได้ดีมาก และสถาปัตยกรรมภายในที่คงสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็ยังมีบริเวณภายในวัดที่เขียวชอุ่ม สวยงามและเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติมากๆครับ

ภายในตัววัดนั้นไม่ค่อยต่างกับวัดหรือศาลเจ้าทั่วๆไป มีกล่องบริจาค มีจุดสำหรับแขวนป้ายขอพร แต่รวมๆแล้วบรรยากาศเย็นสบายและชุ่มชื้นมากๆแม้ในหน้าร้อนครับ

หากมองไปรอบๆจะพบว่า ภายในบริเวณวัดมีต้นไม้ใหญ่และมอสสีเขียว ปูเป็นพรมตลอดบริเวณ ร่มรื่นและเย็นสบายเหมาะกับการทำสมาธิครับ ซึ่งบรรยากาศแบบนี้จะมีไม่ได้ถ้าอากาศไม่ชุ่มชื้นตลอดปี (ต้นมอสที่ปกคลุมดินเหล่านี้ต้องการความชื้นพอสมควร)

อากาศภายในวัดเย็นสบายและร่มรื่นมากๆ และในวันที่นักท่องเที่ยวน้อยก็จะเงียบสงบอีกด้วย เชื่อว่าพระในอดีตก่อนที่วัดนี้จะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็คงจะนั่งทำสมาธิกันภายในสวนนี่แหละ แต่ปัจจุบันเท่าที่ดูไม่มีพระฝึกตนให้เห็นครับ

หากเข้าไปภายในตัวอาคารหลักของวัด ก็ยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามให้ดูด้วยครับ

จริงๆแล้ว ภายในอาคารหลักของวัดนั้นห้ามถ่ายรูปนะครับ อันนี้ทางเราได้รับอนุญาติมาเป็นพิเศษ แต่ในบริเวณสวนภายนอกสามารถถ่ายได้หมดครับ

แม้ว่าจะถ่ายรูปไม่ได้ก็ตาม ผมก็ยังแนะนำให้ทุกท่านลองไปสัมผัสด้วยตัวเองครับ เพราะอาคารที่เก่าและคงสภาพได้ดีแบบนี้นั้นมีไม่เยอะ

ปราสาทอาโอบะ จังหวัดมิยางิ

ปราสาทอาโอบะ จังหวัดมิยางิ

ปราสาทอาโอบะ นอกจากจะเป็นสถานที่ๆมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในตัวของมันเองแล้ว ก็ยังตั้งอยู่บนภูเขาใจกลางเมืองเซ็นได เป็นจุดชมวิวของเมืองที่มีอะไรหลายอย่างให้ทำ เป็นที่ๆผู้ไปเซนไดน่าแวะไปเยี่ยมชมซักครั้งครับ

ปราสาทอาโอบะก่อตั้งเมื่อปี 1601 มีอายุมากกว่าสี่ร้อยปีแล้ว ก่อตั้งโดย ดาเตะ มาซามุเนะ ยอดขุนพลฉายามังกรตาเดียว และยังเป็นเจ้าเมืองเซนไดคนแรกอีกด้วย ในภาพคือรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ดาเตะ มาซามุเนะ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางปราสาทอาโอบะในปัจจุบัน

ในภาพคือศาลเจ้าโกโคคุ ตั้งอยู่ภายในบริเวณปราสาทเซนได และผู้นำเที่ยวที่แต่งคอสเพลย์เป็นดาเตะ ชิเกะซาเนะ ลูกพี่ลูกน้องของดาเตะ มาซามุเนะ และยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามยอดขุนพลแห่งดาเตะ อีกด้วย ปราสาทนี้จริงๆมีทีมผู้แนะนำปราสาทที่แต่งกายเลียนแบบบุคคลสำคัญอยู่อีกหลายคน แน่นอนรวมถึงเจ้าเมืองคนแรกหรือดาเตะ มาซามุเนะ ด้วย แต่วันที่ผมไปมีแค่พี่ชายคนนี้ละครับ

ปัจจุบันแม้กำแพงปราสาทส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพดี แต่ตัวอาคารหลักของปราสาทอาโอบะนั้นไม่มีเหลืออยู่แล้ว พื้นที่ภายในปราสาทนั้นปัจจุบันเป็นกึ่งๆระหว่างสวนสาธารณะและศูนย์การเรียนรู้ของชาวเมืองครับ

หากอยากเห็นปราสาทในอดีตว่าหน้าตาเป็นยังไง ภายในพื้นที่ของปราสาทมีอาคารนิทรรศการที่มีการจำลองปราสาทอาโอบะในสมัยโบราณให้ดู คาดกันว่าเมื่อก่อนปราสาทมีรูปร่างและขนาดที่ใหญ่ขนาดกินพื้่นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของที่ราบบนยอดเขาเลยครับ ที่เห็นในภาพนี้คือภาพจำลองโฮโลแกรมของปราสาทในสมัยก่อนที่เราสามารถชมได้ภายในอาคารนิทรรศการ จะเห็นได้ว่าตัวอาคารทั้งหมดรวมๆแล้ว กินพื้นที่ภายในกำแพงไปครึ่งนึงจริงๆด้วย

จากบริเวณปราสาท ใกล้ๆกับรูปปั้นดาเตะ มาซามุเนะบนหลังม้า จะมีจุดชมวิว ซึ่งเราสามารถชมเมืองเซนไดจากมุมสูงได้ครับ

ในภาพนี้จะเห็นได้ว่า แม้จะเป็นใจกลางเมือง แต่เซนไดก็ยังมีป่าที่เขียวชอุ่มและหน้าผาที่สวยงามให้ชมได้ครับ

know-before-you-go