All About Japan

คาเฟ่แมวในญี่ปุ่น ทาสแมวต้องรู้จักไว้

อาหาร & เครื่องดื่ม ร้านอาหาร คาเฟ่ สวนสัตว์ สัตว์เลี้ยง สัตว์
คาเฟ่แมวในญี่ปุ่น ทาสแมวต้องรู้จักไว้

อยากคลายเครียด อยากกอดแมว ต้องลองคาเฟ่แมวของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นทาสแมวหรือคนธรรมดาก็สนุกได้ทั้งนั้น

คาเฟ่แมวคืออะไร

คาเฟ่แมวคืออะไร

https://ja.wikipedia.org/wiki/%E3%83%95%E3%82%A1%E3%82%A4%E3%83%AB:%E3%81%AD%E3%81%93%E9%8D%8B(neko_nabe)_(3353959040).jpg

สำหรับเหล่าบรรดาทาสแมวตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักคาเฟ่แมวแน่ๆ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักคาเฟ่แมวที่ประเทศญี่ปุ่นกันแบบละเอียดให้รู้ลึกรู้จริงเรื่องคาเฟ่แมวกันไปเลย

คาเฟ่แมวแต่เดิมนั้นเปิดขึ้นที่ประเทศไต้หวันเป็นที่แรกของโลกในปี 1999 หลังจากนั้นในปี 2004 คาเฟ่แมวแห่งแรกในญี่ปุ่นได้เปิดตัวขึ้นมาที่โอซาก้าเป็นที่แรก โดยมีชื่อร้านว่าช่วงเวลาของน้องแมว (猫の時間) คอนเซปของร้านคาเฟ่แมวแห่งแรกนี้ คือ "เราต้องการสร้างสถานที่ที่ทุกคนสามารถมาอยู่เล่นกับน้องแมวได้" โดยคิดค่าบริการเข้ามาเล่นกับแมวเป็นรายชั่วโมง

แต่ถึงจะอย่างนั้นกว่าคาเฟ่แมวที่ญี่ปุ่นจะกลายมาฮิตเป็นชื่อเสียงไปทั่วโลกได้นั้นก็ใช้เวลานานถึง 3 ปี จากที่แต่ละปีมีร้านคาเฟ่แมวเปิดตัวเพียงปีละ 4-7 ร้าน กลายเป็นว่าหลังจากปีนั้นมีมากถึงปีละ 40 ร้านเลยทีเดียว จน ณ ตอนนี้มีร้านคาเฟ่แมวทั่วญี่ปุ่นอยู่มากกว่า 300 ร้าน (ข้อมูล ณ ปี 2016) เรียกว่าเดินไปที่ไหนก็หาร้านคาเฟ่แมวได้ไม่ยากเลย

โดยปกติแล้วร้านคาเฟ่แมว คือ ร้านคาเฟ่ที่คุณสามารถเล่นกับน้องแมวได้ คาเฟ่แมวที่ญี่ปุ่นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน มีทั้งแบบให้คุณเข้าไปเข้าไปเล่นด้วยเฉยๆ จนไปถึงรูปแบบที่คุณสามารถติดต่อขอซื้อพนักงานน้องแมวเหล่านี้กลับบ้านไปฟัดต่อได้ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบผสม คือ มีสัตว์เล็กๆ น่ารักประเภทอื่นๆ ผสมกันอยู่ในร้านนั่นเอง

คาเฟ่แมวมีอะไรดี

เป้าหมายของลูกค้าของคาเฟ่แมวนั้นก็มีมากมายหลายประเภท ทั้งคนที่รักแมวแต่ที่บ้านไม่สามารถเลี้ยงได้ พนักงานที่ทำงานเหนื่อยและต้องการมาผ่อนคลายความเครียดกับน้องแมว
หรือแม้แต่คนที่รักสัตว์ทั่วไป

นอกจากนี้แล้วอาจจะมีหลายคนที่กำลังลังเลใจว่าอยากเลี้ยงแมว แต่ไม่รู้ว่าจะไปรอดหรือเปล่า ก็สามารถมาลองมาเรียนรู้การปรับตัวให้เข้ากับน้องแมวได้ แถมถูกใจตัวไหน ก็สามารถซื้อกลับไปได้ด้วย (เฉพาะบางร้าน)

ไม่ใช่แค่คนเหงา แต่หนุ่มสาวญี่ปุ่นก็นิยมไปเดทกันที่ร้านคาเฟ่แมว เพราะเขาบอกว่าน้องแมวจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้ทั้งคู่สนิทกันเร็วขึ้น เรียกว่ามีน้องแมวเป็นคิวปิดให้นั่นเอง

เตรียมตัวก่อนไปคาเฟ่แมว

เตรียมตัวก่อนไปคาเฟ่แมว

เมื่อปีที่ผ่านมาทางญี่ปุ่นได้มีการแก้ไขข้อกฎหมายบางส่วนเกี่ยวกับการคุ้มครองและจัดการสัตว์เลี้ยง ทำให้คาเฟ่แมวต่างก็ต้องปรับตัวใหม่เกี่ยวกับการจัดแสดงสัตว์นั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะไปร้านคาเฟ่แมวที่ไหน เราจำเป็นต้องเรียนรู้กฎข้อปฎิบัติของร้านนั้นๆ เอาไว้ด้วย

โดยปกติแล้วร้านคาเฟ่แมวทั่วไปจะมีกฎระเบียบข้อพื้นฐานคล้ายๆ กัน เช่น...
- ไม่นำสัตว์เลี้ยงของตนเองเข้าไปด้วย
- ไม่ให้อาหารน้องแมวนอกจากจะได้รับอนุญาตจากทางร้าน
- ไม่กอดรัดฟัดเหวี่ยงน้องแมว
- ในขณะที่ตนเองกำลังทานอาหารไม่ควรสัมผัสน้องแมว
- ไม่ใช้แฟลชในการถ่ายรูป
- ก่อนจับน้องแมวควรล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อให้สะอาด
- ไม่ปลุกน้องแมวที่กำลังหลับ
- ไม่ส่งเสียงดังภายในร้าน
เป็นต้น

มีร้านคาเฟ่แมวไม่น้อยที่จำกัดอายุผู้เข้าใช้ หากใครเดินทางไปกับเด็กๆ ควรสอบถามกับทางร้านให้แน่ใจก่อน และแน่นอนว่าหากเกิดอุบัติเหตุ ขึ้นแล้ว ทางร้านจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นค่อยๆ จับ ค่อยๆ ลูบน้องพนักงานแมวทุกตัวด้วยความรักและความเอ็นดูกันนะ

คาเฟ่แมว Mocha

คาเฟ่แมว Mocha

http://catmocha.jp/

ร้านคาเฟ่แมวที่มีสาขาอยู่มากถึง 8 สาขาทั้งในโตเกียว โอซาก้า และนาโงย่า และกำลังทยอยเปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

"ช่วงเวลาที่อยู่กับน้องแมว คือ ช่วงเวลาที่ได้ผ่อนคลาย" คอนเซปที่ทางร้านตั้งขึ้นเพื่อให้คนทุกคนที่มาที่ร้านได้ใช้ช่วงเวลาดีๆ กับน้องแมว ไม่ว่าคุณจะมาคนเดียว มากับแฟน หรือมากับเพื่อน เพียงแค่มีน้องแมวอยู่ด้วยบรรยากาศปกติก็จะรู้สึกพิเศษขึ้นมาทันที

"มาผ่อนคลาย ใช้เวลาเรื่อยเปื่อยเหมือนกับน้องแมวกันดีกว่า" เป็นคำเชิญชวนที่ใครเห็นต่างก็อยากจะลองเข้าไปสัมผัสบรรยากาศนั้นดูสักครั้ง

ไม่ว่าจะสาขาไหน บรรยากาศภายในร้านคาเฟ่แมว Mocha ก็จะคล้ายๆกัน คือตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น เน้นไม้เป็นหลัก ให้บรรยากาศปลอดโปร่ง ทำให้น้องแมวไม่รู้สึกอึดอัดและเครียดจนเกินไป แต่ละสาขาจะมีเวลามื้ออาหารของน้องแมวต่างกันไป ก่อนไปก็ลองเช็คเวลาดูให้ชัวร์ก่อน
(สาขาในโตเกียวจะแบ่งเป็นรอบ 10โมงครึ่ง กับ 1ทุ่มครึ่ง ส่วนสาขาโอซาก้ากับนาโงย่า คือ 10โมงกับ 1ทุ่ม)

ค่าบริการของทุกที่จะเท่ากัน คือ 10นาที 200เยน (ราคานี้ยังไม่รวมภาษี) และหากสั่งคอร์สดื่มไม่อั้นต้องจ่ายเพิ่มอีก 350เยน

คาเฟ่แมว Calico

คาเฟ่แมว Calico

https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/b/ba/Calico_cat_-_Phoebe.jpg

เมื่อปีพ.ศ. 2550 ร้านคาเฟ่แมว Calico เปิดขึ้นแห่งแรกที่โตเกียว สถานี Kichijoji (吉祥寺) โดยปกติแล้วย่านนี้เป็นย่านชิคๆ ที่มักใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำรายการต่างๆเหมือนสยามบ้านเรา การมีคาเฟ่แมวมาเปิดที่นี่ ทำให้ได้รับความนิยมจากสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ นิตยสาร จนคาเฟ่แมวกลายที่เป็นสถานที่ยอดฮิตที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยชื่อร้าน Calico นั้นมาจากคำภาษาอังกฤษที่หมายถึงแมวสามสีแบบในภาพนั่นเอง

ใช่แล้ว ร้านคาเฟ่แมว Calico นี่เองที่เป็นร้านต้นกำเนิดให้คนญี่ปุ่นหลายคนรู้จักคาเฟ่แมวในวงกว้างกลายเป็นกระแสฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง รวมถึงในต่างประเทศด้วย ปัจจุบันร้านคาเฟ่แมว Calico มีอยู่ด้วยกัน 3สาขา คือ ที่คิจิโจจิ 2สาขาและที่ชินจูกุอีก 1สาขา ทั้ง 3สาขาจะมีเรทราคาและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป

สาขาชินจูกุจะมีพนักงานน้องแมวมากกว่า 50ตัว!! ซึ่งทางร้านบอกว่าเป็นร้านคาเฟ่แมวที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวก็ว่าได้ แต่ที่นี่จำกัดจำนวนลูกค้าแต่ละรอบ ซึ่งจำเป็นต้องทำการจองล่วงหน้าผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น

สาขาKichijoji FC Kichijoji Building (ชั้น 2) ซึ่งอยู่ห่างจากสถานี Kichijoji โดยเดินแค่ 30วินาทีเท่านั้น โดยคิดค่าบริการเริ่มตั้งแต่ 10นาที แต่ที่สาขานี้จะไม่รับจองล่วงหน้า

สาขาสุดท้ายที่ Kichijoji เช่นกันแต่อยู่ที่ Yuki Building (ชั้น 4) ที่นี่ไม่จำกัดอายุของลูกค้า แต่ไม่ว่าจะเด็กแค่ไหนก็จะถูกคิดค่าบริการเท่ากัน สาขานี้จะมีเครื่องดื่มให้ฟรี
และยังเป็นสาขาที่คุณสามารถรับอุปการะน้องแมวที่ถูกชะตากลับไปเลี้ยงได้ด้วย

บรรยากาศภายในร้านให้ความรู้สึกแบบโฮมมี่ เหมือนเรานั่งเล่นกับน้องแมวที่บ้านก่อนไปเข้าไปเช็คดูหน้าค่าตาน้องแมวก่อนได้ที่เว็บไซต์ เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหว อยากจะรีบไปฟัดให้ได้เดี๋ยวนี้!!

- catcafe.jp (ภาษาญี่ปุ่น)

แถม: เกาะแมว Aoshima (อาโอชิมะ)

แถม: เกาะแมว Aoshima (อาโอชิมะ)

เกาะอาโอชิมะ (青島) เกาะสวรรค์สำหรับเหล่าทาสแมว เกาะนี้อยู่ใกล้กับจังหวัดเอฮิเมะ ในภูมิภาคชิโกกุของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ๆมีประชากร 15คน ต่อแมว 100ตัว!!

สาเหตุที่จำนวนประชากรแมวบนเกาะแห่งนี้มีจำนวนมากนั้นหลายต่อหลายที่ก็ให้เหตุผลที่ต่างกันไป เช่น สมัยก่อนชาวบ้านเริ่มเลี้ยงแมวเนื่องจากเอาไว้จับหนูที่มากัดแหจับปลา (กล่าวว่าสมัยก่อนบนเกาะแห่งนี้มีหนูจำนวนมาก) พอเวลาผ่านไปจำนวนประชากรเริ่มลดลง จำนวนรถยนต์ก็น้อยลง ทำให้เกาะอาโอชิมะเป็นเกาะที่มีสภาพแวดล้อมที่แมวอาศัยอยู่ได้ง่าย รวมไปถึงการที่มีคนนำแมวมาทิ้งเอาไว้ น้องแมวที่นี่่ไม่ได้รับการทำหมัน ทำให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเกาะแมวอย่างเช่นทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม เกาะอาโอชิมะเริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง จากบรรดาคนที่เดินทางไปเที่ยวแล้วถ่ายรูปมาลงตามบล็อกต่างๆ ปัจจุบันมีแมวอาศัยอยู่มากกว่า 120ตัว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวดังไปแล้ว

สำหรับคนที่สนใจไปเที่ยวนั้นทางเกาะก็มีกฎข้อปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ เช่น ห้ามให้อาหารแมวนอกสถานที่ที่กำหนดเอาไว้ บนเกาะไม่มีอาหารและเครื่องดื่มขาย กระทั่งตู้จำหน่ายน้ำอัตโนมัติก็ไม่มี เพราะฉะนั้นแล้วต้องเตรียมไปเอง และต้องนำขยะกลับมาทิ้งบนแผ่นดินใหญ่ด้วยทุกครั้ง พร้อมกับพยายามอย่าเข้าใกล้บ้านของชาวบ้านมากนัก ควรเว้นระยะให้ความเคารพต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้อยู่อาศัยบนเกาะด้วย และเนื่องด้วยเป็นเกาะที่ห่างไกลจึงควรระมัดระวังใช้น้ำอย่างประหยัด

การเดินทางไปยังเกาะอาโอชิมะ

จากสถานีรถไฟ JR Iyo-Nagahama เดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือใกล้ๆประมาณ 1นาที

โดยเรือที่เดินทางไปยังเกาะอาโอชิมะจะมีวันละ 2เที่ยว คือ
ช่วงเช้า 8.00 น. (ถึงเกาะ 8.35 น.) ซื้อตั๋วได้ตั้งแต่ 7.20 น.
ช่วงบ่าย 14.30 น. (ถึงเกาะ 15.05 น.) ซื้อตั๋วได้ตั้งแต่ 13.30 น.

ส่วนเรือขากลับจากเกาะอาโอชิมะ คือ
ช่วงเช้า 8.45 น. (ถึงท่าเรือ 9.20 น.)
ช่วงเย็น 16.15 น. (ถึงท่าเรือ 16.50 น.)

ราคาค่าโดยสาร ผู้ใหญ่ 680เยน เด็ก 340เยน
*ข้อควรระวัง เรือจำกัดเที่ยวละ 34คน เท่านั้น แนะนำว่าให้ไปรีบไปจองตั๋วตั้งแต่เนิ่นๆ

ทาสแมวต้องมาญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คุณจะได้พบเห็นแมวจรจัดมากกว่าสุนัข ไม่ใช่ว่าไม่ได้รับความสนใจ แต่เป็นเพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่าแมวแม้จะไม่มีเจ้าของก็ไม่ก่อความรำคาญได้เท่ากับสุนัข และความอันตรายนั้นก็ไม่มากเท่าสุนัขอีกด้วย

ที่นี่ไม่ว่าคุณจะเดินไปที่ไหนก็จะเห็นน้องแมวนั่งงีบหลับตา ให้บรรยากาศความเป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่นเสียจริงๆ ญี่ปุ่นจึงเป็นประเทศที่เหมาะสำหรับทาสแมวให้ได้ไปตามหาเจ้านายได้ตามตรอกซอกซอยต่างๆ รวมไปถึงไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจเก็บแต้มร้านคาเฟ่แมวหลายร้อยแห่งทั่วประเทศกันให้ฟินไปเลย

know-before-you-go