การเดินทางในโทโฮคุ
1. รถเช่าส่วนตัว (รถยนต์ มอเตอร์ไซค์)
การเดินทางในภูมิภาคโทโฮคุนั้น ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่ารถยนต์ส่วนตัวอีกแล้ว หรือแม้แต่รถจักรยานยนต์ก็เช่นกัน เพราะรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำให้เราสามารถเข้าถึงที่เที่ยวต่างๆ ที่รถไฟไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และโทโฮคุมีที่เที่ยวแบบนั้นเยอะมาก
หากไม่มีใบขับขี่ญี่ปุ่น ก็สามารถใช้ใบขับขี่นานาชาติ (International Driving Permit หรือ IDP) ได้เช่นกัน โดยต้องตรวจสอบเงื่อนไขของใบขับขี่ของตนให้เรียบร้อยว่าสามารถใช้ขับขี่รถขนต์ในญี่ปุ่นได้หรือไม่ โดยตรวจสอบให้ละเอียดจนถึงประเภทและขนาดรถยนต์ที่ตัวเองต้องการเช่าด้วย รายละเอียดสามารถสอบถามสำนักงานขนส่งในพื้นที่ใกล้เคียงของท่านได้
โดยพื้นฐานแล้ว ญี่ปุ่นยอมรับใบขับขี่สากลจากประเทศภาคีในอนุสัญญา ค.ศ. 1949 ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศภาคี จึงไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากจัดการใบขับขี่เรียบร้อย ก็ต้องไม่ลืมทำการเช่ารถยนต์ โดยบริษัทใหญ่ๆก็มีดังนี้
Nippon Rent-A-Car
Toyota Rent a Car
Nissan Rent a Car
Orix Rent-A-Car
Budget Rent a Car
บริษัททั้งหมดในข้างต้นมีหน้าเว็บที่เป็นภาษาอังกฤษ
Eki Rent-A-Car
บริการเช่ารถของ JR ซึ่งมี ส่วนลดให้ผู้ที่ใช้ Japan Rail Pass อีกด้วย
(แต่การจะซื้อ JR Pass พร้อมๆกับเช่ารถในทริปเดียวกันนั้นคุ้มหรือไม่ ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ที่แน่ๆคือ ไม่จำเป็นต้องใช้สองอย่างในวันเดียวกัน)
จุดเช่ารถส่วนใหญ่ จะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟหลักๆ และสนามบินทั่วประเทศ เมืองหละกใหญ่ๆอย่างเช่น เซนได อาโอโมริ ฟุคุชิมะ อากิตะ มักจะมีบริการเช่ารถอย่างแน่นอน และผู้ที่มีบัตรเครดิตอย่าลืมตรวจสอบว่าบริษัทไหนชอบรับบัตรอะไรมากกว่า อาจจะมีส่วนลดหรือแต้มให้เป็นพิเศษก็เป็นได้ไม่ต่างกับสายการบิน
รถมอเตอร์ไซค์ก็สามารถเช่าได้เช่นกัน แต่มักมีให้เลือกน้อยกว่า และไม่เหมาะกับช่วงที่มีอากาศหนาวหรือหิมะตกเอามากๆ หากจะลองละก็ต้องมั่นใจว่าตัวเองสามารถทนรับสภาพอากาศได้
Rental 819
Japan Bike Rentalsสำหรับคนที่เริ่มและจบทริปในโตเกียวเท่านั้น
เรื่องเงินก็ต้องรู้
ทางด่วนในญี่ปุ่นมีราคาค่าขึ้นแพงมากๆ และการเดินทางไกลข้ามจังหวัดนั้นจะไม่ใช้ก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะถนนธรรมดานั้นช้ากว่า คดเคี้ยวกว่า ไฟแดงเยอะกว่ามากๆเลยทีเดียว
แต่ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถซื้อตั๋วประเภทเหมาจ่ายได้แล้ว อย่างเช่น Tohoku Expressway Pass เป็นต้นโดยราคาเริ่มต้นที่4000เยนสำหรับสองวัน และ12000เยนสำหรับ14วัน
นอกจากนี้ หากไปเที่ยวคนเดียวละก็ การเช่ารถขับก็อาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกที่สุด นอกจากนี้ ความเหนื่อยล้าจากการขับรถระยะไกลก็เป็นสิ่งที่ต้องนำมาคิดด้วย เพราะว่าการเดินทางด้วยรถส่วนตัวแบบนี้
จะหลับระหว่างทางเหมือนการนั่งรถไฟก็ไม่ได้
2. รถบัส
เหมาะกับการเดินทางระยะกลางระหว่างเมืองต่อเมือง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดหรือไม่อยากขับรถเช่า โดยรถบัสนั้นมักจะมีศูนย์อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ทำให้การตามหาไม่ยากเย็นนัก และราคาก็มีตั้งแต่ถูกสุดๆ ถึงค่อนข้างแพง แล้วแต่ความหรูหราภายในรถ
จากโตเกียวไปสู่โทโฮคุ มีรถบัสระยะไกลอย่าง Willer Bus ที่เหมาะแก่การใช้บริการ ซึ่งบริษัทนี้ก็มีบัตรเหมาจ่ายเป็นของตัวเองอีกด้วย
หากรู้ภาษาญี่ปุ่น มีอีกทางเลือกก็คือ KosokuBus.com ซึ่งเป็นเว็บเทียบราคา ที่รวมรถบัสจากหลากหลายบริษัทมาให้ในที่เดียว สะดวกมากๆ (แต่บางคัน อาจไม่สามารถจองได้จากนอกญี่ปุ่น)
ส่วนรถบัสที่เชื่อมระหว่างเมืองสำคัญๆ ในโทโฮคุนั้น JR Bus Tohoku มีให้บริการค่อนข้างครบครัน (แต่ปัจจุบันเว็บยังไม่มีภาษาอังกฤษ)
นอกจากนี้ก็ยังมีเว็บไซต์ที่ให้บริการบัตรเหมาจ่ายด้วย อย่างเช่น Tohoku Highway Bus Ticket Pass
ปัญหาของรถบัสก็คือ จำนวนรอบที่มักมีจำกัด ระยะเวลาระหว่างแต่ละคันก็อาจจะห่างกันมาก ซึ่งทำให้บัสเป็นวิธีเดินทางที่เสียเวลาเที่ยวพอสมควร และรถบัสก็ไม่ได้มีห้องน้ำทุกคันเหมือนรถไฟชินกังเซ็นอีกด้วย
3. รถไฟ
วิธีเดินทางในญี่ปุ่นที่ทุกคนคุ้นเคยอีกอย่างก็คือรถไฟนี่เอง แน่นอนว่าญี่ปุ่นมีเครือข่ายรถไฟที่ดี โทโฮคุก็เช่นกัน ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเช่ารถ แต่สถานที่เที่ยวหลายๆที่มักจะไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณสถานีแบบถึงทันทีเหมือนกับในเมืองใหญ่
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักประเภทรถไฟที่ต้องใช้กันก่อน
ชินกังเซ็น
รถไฟความเร็วสูง เหมาะกับการเดินทางระยะไกลเช่น การเดินทางจากโตเกียวถึงหัวเมืองหลักๆในโทโฮคุ เช่นจากโตเกียวไปยัง เซ็นได อาโอโมริ อากิตะ ยามากาตะ โมริโอกะ เป็นต้น ซึ่งชินกังเซ็นหลักๆจะจอดเฉพาะสถานีที่สำคัญที่สุด มีรถไฟสายอื่นให้เปลี่ยนต่อ แต่ก็มีคันท้องถิ่นที่จอดตามสถานีรายทางเช่นกัน
เส้นทาง Tohoku Shinkansen
การเดินทางด้วยชินกังเซ็น ใช้เวลาสั้นมากเมื่อเทียบกับระยะทาง อย่างเช่นการเดินทางจากโตเกียวไปยังเซ็นไดใช้เวลาเพียงประมาณ100นาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ หากจะใช้รถไฟเยอะมากๆ ก็ยังมีบัตรเหมาจ่ายอย่าง JR East Rail Pass อีกด้วย ซึ่งเป็นบัตรเหมาจ่ายในพื้นที่ของบริษัท JR East ครอบคลุมตั้งแต่โตเกียว ภูมิภาคคันโต ขึ้นไปจนสุดที่จังหวัดอาโอโมริในโทโฮคุ ซึ่งบัตรนี้ต้องระวังจำสับสนกับ Japan Rail Pass ซึ่งเป็นบัตรที่ครอบคลุมทั่วประเทศ แต่มีราคาแพงกว่า
สำหรับคนที่อยู่ญี่ปุ่นด้วยวีซ่าถาวรเช่น นักเรียน หรือผู้ที่แต่งงานกับคนญี่ปุ่น จะไม่สามารถใช้พาสพวกนี้ได้ ทำให้การเที่ยวด้วยชินกังเซ็นแพงพอสมควร แต่ทั้งนี้ ชินกังเซ็นก็ยังเป็นวิธีการเดินทางที่เร็วและสะดวกมากๆอยู่ดี
รถไฟท้องถิ่น
ชินกังเซ็นจะจอดแค่สถานีหลักๆ ตามหัวเมืองต่างๆเพียงไม่กี่สถานีเท่านั้น สำหรับที่เที่ยวส่วนใหญ่แล้ว ยังไงก็ต้องนั่งรถไฟท้องถิ่นต่อ
การนั่งรถไฟพวกนี้ จะใช้ Japan Rail Pass ก็ได้ หากเป็นรถไฟของบริษัท JR หรือจะลองซื้อบัตรเติมเงินอย่างSuica มาใช้ดูก็ไม่เลว เพราะจะประหยัดเวลาซื้อตั๋วทุกๆครั้งที่ขึ้นลงได้พอสมควร (แต่ต้องระวังว่า บัตรประเภทนี้จ่ายตามจริง ไม่ได้ใช่ไม่จำกัดเหมือน Japan Rail Pass) ซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเหมาะกับรถไฟสั้นๆ แต่ต้องขึ้นลงบ่อยๆในเมืองมากกว่า
อย่าลืม เว็บไซต์ตรวจสอบตารางเวลาที่รองรับภาษาอังกฤษอย่าง Hyperdia ซึ่งเหมาะที่จะโหลดเก็บไว้ติดมือถือมากๆ
รถไฟท้องถิ่นนั้น ส่วนใหญ่จอดทุกป้ายบนสายที่วิ่งผ่าน ทำให้ใช้เวลาทำการนานมากๆเมื่อเทียบกับรถด่วน ชินกังเซ็น ในระยะเวลาเท่าๆกัน โดยรถไฟประเภทนี้หากอยู่นอกเมืองใหญ่ๆอย่างโตเกียวหรือโอซาก้า ก็มักจะเป็นของ JR ซึ่งใช้ Japan Rail Passขึ้นได้ฟรีๆ แต่ก็มีบ้างที่เป็นของบริษัทเอกชน (ซึ่งบัตรนี้จะไม่ครอบคลุม) แต่ก็ยังมีรถไฟเอกชนบางสายที่สามารถขึ้นได้ด้วยพาส JR East Rail Pass อย่างเช่น รถไฟสาย Izu Kyuko, Tobu, Aoimori Railway, Iwate Galaxy Railway เป็นต้น
หากมีเวลาเยอะแต่เงินน้อย สามารถลอง Seishun 18 Ticket ตั๋วในตำนานของญี่ปุ่นที่สามารถขึ้นรถไฟ JR ได้ทุกสายในประเทศญี่ปุ่นด้วยราคาที่ถูกยิ่งกว่า JR Pass ตัวท็อปเสียอีก แต่เนื่องจากไม่รวมรถด่วนและชินกังเซ็นทุกชนิด ทำให้นั่งได้เฉพาะรถไฟท้องถิ่นเท่านั้น
4. เครื่องบิน
โทโฮคุมีสนามบินเก้าแห่ง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่เช่น อากิตะ อาโอโมริ เซนได ฟุคุชิมะ เป็นต้น โดยมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีไฟลท์ระหว่างประเทศ โดยสนามบินเซนไดมีบินตรงถึงไทย แต่ที่อื่นส่วนใหญ่จะไปที่ประเทศใกล้ๆเท่านั้น เช่นจีนหรือเกาหลี
สนามบินในโทโฮคุเหมาะจะรองรับไฟลท์ภายในประเทศมากกว่า เช่นไฟลท์โดย Japan Airlines (JAL) หรือ All Nippon Airways (ANA) จากเมืองอื่นในภูมิภาคอื่น นอกจากนี้ก็ยังมีสายการบินโลว์คอสท์ที่เดินทางไปลงที่เซนได นั่นก็คือ Peach และ Skymark ซึ่งออกเดินทางจากโอซาก้าและโกเบตามลำดับ
สายการบินภายในประเทศก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่เร็วกว่าชินกังเซนเล็กน้อยถึงปานกลาง ขึ้นอยู่กับระยะห่างของสองเมือง ยิ่งห่างมากเครื่องบินก็ยิ่งน่าใช้ โดยต้องไม่ลืมคิดถึงการเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมืองด้วย
5. จักรยาน
ลองดูวิดิโอนี้ เป็นรายการเกี่ยวกับการปั่นจักรยานเที่ยวรอบๆอิวาเตะ
หรือลองชมเพจLength of Japan, Tohokuบนเฟซบุค ซึ่งเป็นชุมชนรวมชาวต่างชาติในญี่ปุ่นที่ชอบปั่นจักรยาน หรือJapan Cycling Navigator และ Tohoku feature ดูเพื่อจะได้ไอเดียคร่าวๆเกี่ยวกับการปั่นจักรยานในญี่ปุ่น
และในเดือนกันยายน 2017 Bicycle Tours จะมีกิจกรรมปั่นจักรยานข้ามโทโฮคุ Trans-Tohoku Bike Tour 2017 ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 10 กันยายน ซึ่งอาจจะเหมาะกับผู้ชอบปั่นระยะไกลๆ
ลองดู Docomo Cycle electric bicycle rental เหมาะสำหรับคนที่ชอบปั่นจักรยานไฟฟ้า ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่มั่นใจในกำลังขาของตัวเองเป็นต้น โดยครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดเช่นอิวาเตะ หรืออาโอโมริ เป็นต้น ราคาต่อวันอยู่ที่ประมาณ 500 800 1000 1200 เยน
ทั้งนี้ การจะปั่นจักรยานต้องระวังอากาศเป็นอย่างมาก หากเป็นวันที่ฝนตกหรือหนาวก็อาจจะหมดสนุกไปเลยก็ได้
6. เรือ
เรือไม่ได้มีไว้เดินทาง "ภายใน" โทโฮคุ แต่เหมาะกับการเดินทางจากพื้นที่อื่นมาเยือนโทโฮคุมากกว่า หากใครที่ไปเที่ยวนาโกย่าหรือฮอกไกโด แล้วอยากไปโทโฮคุในทริปเดียวกัน นี่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว โดยใช้บริการเรือของ Taiheiyo Ferry ที่สามารถเดินทางจากฮอกไกโดหรือนาโกย่าไปยังเซนไดได้ ซึ่งราคาค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลพอสมควร
ส่วนใครที่อยากเดินทางข้ามเกาะตรงจุดที่สั้นที่สุด จากเมืองฮาโกดาเตะทางตอนใต้ของเกาะฮอกไกโด มายังจังหวัดอาโอโมริตอนเหนือสุดของเกาะหลักฮอนชู Seikan Ferry เป็นทางเลือกที่ดี พร้อมราคาสุดถูกที่เริ่มที่ประมาณ2000เยนเท่านั้น
จุดอ่อนของการเดินทางด้วยเรือก็คือ ความเร็ว เส้นทางที่มีให้เลือกน้อยมาก โอกาสที่จะเมาเรือได้ และความไม่เป็นส่วนตัวของห้องพักหากเลือกห้องราคาถูกที่ต้องแชร์กับคนอื่น เป็นต้น
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเลือกเดินทางด้วยวิธีไหน อย่าลืมแวะไปอ่าน เว็บไซต์หลักอย่างเป็นทางการของภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งมีข้อมูลที่มีประโยชน์กับการท่องเที่ยวโทโฮคุให้มากมายครับ