จัดครั้งแรก! เทศกาลชมดอกไม้ Rainbow Summer Festival 2022 พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิ
Rainbow Summer Festival เทศกาลชมดอกไม้ในฤดูร้อนนานาสายพันธุ์ที่ฟูจิโมโตสึโกะรีสอร์ท (Fuji Motosuko Resort) ในจังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากคาวาคุจิโกะ (Kawaguchiko) ย่านสุดฮิตของนักน่องเที่ยวชาวไทย ที่สำคัญสามารถเดินทางไปได้โดยรถบัสตรงจากสถานีคาวาคุจิโกะได้เลย ทั้งสวยและสะดวกแบบนี้ไม่แวะไม่ได้แล้ว!
ทำความรู้จักกับฟูจิโมโตสึโกะรีสอร์ท (Fuji Motosuko Resort)
ฟูจิโมโตสึโกะรีสอร์ท (Fuji Motosuko Resort) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะจุดชมชิบะซากุระ (Shibazakura) หรือดอกพิงค์มอสสีชมพูในเทศกาล Fuji Shibazakura Festival อันโด่งดังประจำเมืองฟูจิคาวาคุจิโกะ (Fujikawaguchiko) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤษภาคม
โดยในเทศกาลนี้ทุกๆ ปีจะมีผู้เข้าร่วมชมงานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นในตัวเมืองคาวาคุจิโกะและจังหวัดต่างๆ รวมถึงบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจและติดใจในความสวยงามของทุ่งดอกไม้สีชมพูสดแห่งนี้ โดยเฉพาะเมื่อตัดกับความงามของสีฟ้าบนท้องฟ้าและภูเขาไฟฟูจิด้วยแล้ว สิ่งที่เห็นด้วยตาก็ยิ่งประทับตราตรึงใจ
ซึ่งทางรีสอร์ทเองนอกจากจะมีสวนดอกไม้กว้างใหญ่ให้เดินชมแล้ว ยังมีโซนที่ให้บริการร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกที่สวยไม่แพ้กันอีกด้วยนะ โดยจะแบ่งโซนเป็น
1. The Garden สวนดอกไม้และพฤกษชาตินานาพันธุ์ (พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิ)
2. The Cafe ร้านอาหาร คาเฟ่ และเครื่องดื่ม
3. The Shop & Gallery โซนตกแต่งธีมนิทานจากเรื่อง Peter Rabbit และร้านขายของที่ระลึก
4. The Tower หอคอยที่สามารถชมวิวทั้งรีสอร์ทได้จากบนมุมสูง
ดอกไม้หลากสี ทำให้การเที่ยวในฤดูร้อนนั้นสดชื่นและสดใสยิ่งขึ้น
และเพื่อให้รีสอร์ทแห่งนี้สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นในเดือนอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่ดอกไม้ของญี่ปุ่นกำลังมีสีสันที่สดใส
ในปี 2022 นี้จึงเป็นครั้งแรกที่ทางฟูจิโมโตโกะรีสอร์ทได้จัดงานเทศกาลใหม่สำหรับชมดอกไม้ในช่วงฤดูร้อนขึ้นนั่นก็คือ เรนโบว์ซัมเมอร์เฟสติวัล 2022 (Rainbow Summer Festival 2022) เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมทุ่งดอกไม้ประจำฤดูร้อนกว่าสิบสายพันธุ์ อาทิเช่น ต้น Zinnia ที่มีลักษณะคล้ายดอกดาวเรืองแต่มีกลีบดอกสีชมพู, สีเหลือง และสีแดง , ต้น Salvia สีน้ำเงินกับสีม่วง และต้น Rudbeckia ที่มีดอกสีเหลือง, สีชมพูและสีขาว เป็นต้น
ทางรีสอร์ทได้นำเอาดอกไม้เหล่านี้มาปลูกรวมกันไว้ในที่เดียวและผสานเข้ากับการออกแบบสวนที่มีลูกเล่นเพื่อให้เกิดภูมิทัศน์รูปแบบใหม่ น่าตื่นใจไปพร้อมกับการชมทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิที่ดูแปลกตาในช่วงฤดูร้อน
นอกจากนี้ เมื่อต้นปีทางรีสอร์ทได้มีการเปิดตัว Peter Rabbit's English Garden โดยภายในสวนจะมีการตกแต่งในธีมนิทานและสวนสไตล์อังกฤษรวมไปถึงร้านคาเฟ่ ทำให้ทั้งรีสอร์ทจะมีหุ่นน้องกระต่ายปีเตอร์และผองเพื่อนแสนน่ารักมารอคอยต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวกันเต็มไปหมด เรียกได้ว่าหากได้ไปเยือนแล้ว จะต้องเพลิดเพลินไปกับความน่ารักของเจ้ากระต่ายและดอกไม้นานาพันธ์ุที่แข่งกันประชันความงามอย่างแน่นอน
※ งานนี้เริ่มจัดตั้งแต่วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม - วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2022
การออกแบบสวนสวยที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ
สำหรับอีเวนท์ Rainbow Summer Festival 2022 ช่วงฤดูร้อนนี้ การออกแบบภูมิทัศน์ หรือแลนด์สเคป (Landscape) จะเน้นไปในโทนสีสดใส เพื่อให้เมื่อถึงเวลาที่ดอกไม้ทุกชนิดบานเต็มที่แล้ว จะได้เห็นเป็นสายรุ้งหลากสีสันตัดกับท้องฟ้าสีครามและมีภูเขาไฟฟูจิสีฟ้าเป็นฉากหลัง
โดยในแต่ละสัปดาห์ทางสวนจะคำนวณเวลาการบานเต็มที่ของดอกไม้แต่ละชนิดไว้ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวมาเยือน และยังมีการสลับสับเปลี่ยนดอกไม้ที่เริ่มโรยแล้วด้วยดอกไม้ต้นใหม่ เพื่อให้กลีบดอกมีความแข็งแรง สวยงามและสดใหม่อยู่เสมอ
นอกจากนี้ ทางเดินในสวนจะถูกเกลี่ยให้มีความราบเรียบเสมอกัน ทำให้สามารถเดินชมสวนได้อย่างปลอดภัยและสบายใจทั่วบริเวณ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถนำรถเข็นสำหรับผู้สูงวัยหรือรถเข็นสำหรับผู้พิการเข้าชมสวนได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย ซึ่งไม่ว่าจะมองจากมุมไหน สวนนี้ก็สวยทั้งทางตาและทางใจจริงๆ นะ
จุดถ่ายรูปที่มีเราด้วยกันได้ทุกคน
บนพื้นที่ปลูกดอกไม้ขนาดใหญ่กว้างสุดลูกหูลูกตา มองออกไปก็เห็นภูเขาไฟฟูจิแบบนี้เลยค่ะ
ทางรีสอร์ทก็ได้จัดเตรียมจุดถ่ายรูปหรือ Photo Spot น่ารักๆ เอาไว้ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหลายจุดด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นป้ายสถานที่ที่มีเจ้ากระต่ายปีเตอร์ไปคอยยืนต้อนรับ หรือบรรดานกน้อยผองเพื่อนของปีเตอร์ และถ้าได้ไปเยือนในวันฟ้าสดใสก็จะได้รูปถ่ายพร้อมภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย แถมด้วยการถ่ายรูปพร้อมกับไอเท็มสุดพิเศษไม่เหมือนใครอย่างประตูสีเหลืองบานนี้ เอ๊ะ คุ้นๆ กันมั้ยคะ
ตรงบริเวณนี้ เราชอบความใส่ใจในรายละเอียดของทางรีสอร์ทมากๆ เลย เพราะเค้ามีจัดเตรียมแท่นสำหรับวางอุปกรณ์มือถือสำหรับให้เราถ่ายภาพด้วยกันได้ครบทุกคนที่มาด้วยนะ ทีนี้ล่ะ จะภาพเดี่ยว ภาพคู่ ภาพเดอะแก๊งค์ หรือภาพครอบครัวก็ตั้งเวลาถ่ายแล้วโพสท่ารัวๆ กันอย่างสนุกสนานได้เลย
ความน่ารักของเจ้ากระต่าย Peter Rabbit ที่ซุกซ่อนอยู่ในสวน
ความน่ารักของสวนนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะ! ตอนนี้เค้ามีเจ้ากระต่ายน้อยปีเตอร์และผองเพื่อนจากนิทาน Peter Rabbit อันโด่งดังจากประเทศอังกฤษที่มาแอบซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ อีกด้วย
ภายในบริเวณสวนดอกไม้ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าไปจนถึงทางเดิน และโซนต้นไม้นานาพันธุ์ด้านในจะถูกจัดตกแต่งตามคอนเซ็ปต์ของสวนสไตล์อังกฤษที่เรียกว่า English Garden คุมโทนสีม่วง ขาว เหลือง เขียว (มีสีแดงจากต้นคริสมาสต์แซมบ้างเพื่อให้เป็นสายรุ้ง)
และพิเศษเฉพาะชาว All About Japan เราจะใบ้ให้นิดนึงว่าตรงหลายจุดที่บรรดาสัตว์ต่างๆ แอบซ่อนตัวอยู่เป็นจุดที่ถ่ายรูปได้สวยทั้งนั้นเลยด้วยนะคะ บอกได้เลยว่าปีเตอร์และผองเพื่อนแอบกันเก่งและน่ารักมากกกกกกก ต้องมาตามหาไปด้วยกันแล้วล่ะ
ปิดท้ายด้วยร้านคาเฟ่ Peter Rabbit แสนอร่อย
ในวันนี้เราได้มีโอกาสมาลิ้มรสเมนูเนื้อรมควัน Roasted Beef (彩りローストビーフプレート) จานเด็ดสูตรพิเศษของ The Cafe ที่ถูกตกแต่งมาอย่างสวยงามพิถีพิถันสมกับเป็นธีมของเจ้ากระต่ายปีเตอร์จริงๆ โดยเนื้อมีความนุ่มเคี้ยวง่าย รสชาติซอสอร่อย ผักสลัดมีความสดใหม่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูของหวานที่เสิร์ฟมาพร้อมกันอย่าง เยลลี่ส้มยูสึ ที่มีรสหวานอมเปรี้ยวนั้น ช่วยทำให้รสชาติของมื้อนี้ยิ่งสมบูรณ์มากขึ้นไปอีก
ส่วนเมนูอื่นๆ นั้นจะเป็นแนวอาหารที่ทานง่าย อย่างเช่น มีทพาย เบอร์รี่พาย ขนมปัง หรือสลัด ที่จะถูกจัดเสิร์ฟมาในสไตล์ English Picnic Set เรียกได้ว่าทั้งอิ่มท้องและได้ถ่ายรูปสวยๆ กันเพลินเลยล่ะ
วันเวลาทำการร้าน The Cafe :
ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน เป็นต้นไป
วันธรรมดา :10:00~16:00、วันเสาร์และวันหยุด:09:00~16:00
รายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ :
https://www.fujimotosuko-resort.jp/peterrabbit_english_garden/index.html
ข้อมูลทั่วไป และการเดินทางมายังฟูจิโมโตสึโกะ รีสอร์ท (Fuji Motosuko Resort)
1. การเดินทางโดยรถไฟ จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) - สถานีคาวาคุจิโกะ (Kawakuchiko) :
แบบที่ 1 ขึ้นรถไฟด่วนขบวน Fuji Excursion ใช้เวลา 112 นาที วิ่งตรงไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถ (ค่าโดยสาร 4,060 เยน) มีให้บริการทุกวัน
แบบที่ 2 ขึ้นรถไฟ JR Chuo Line แบบ Limited Express จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) มาเปลี่ยนที่สถานีอทสึกิ (Otsuki) ใช้เวลาประมาณ 55 – 65 นาที (ค่าโดยสารและค่าระบุที่นั่ง 2,320 เยน)
จากนั้นขึ้นรถไฟสาย Fujikyu Railway จากสถานีอทสึกิ (Otsuki) มาลงที่สถานีคาวาคุจิโกะ (Kawaguchiko) ใช้เวลาประมาณ 45 – 55 นาที (ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 1,140 เยน มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกรณีเป็นรถด่วนหรือมีการจองที่นั่ง)
※ สามารถใช้ JR Tokyo Wide Pass ได้ตลอดเส้นทางจากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) ถึงสถานีคาวาคุจิโกะ (Kawaguchiko)
2. การเดินทางโดยรถบัส จากสถานีคาวาคุจิโกะ (Kawakuchiko) - ฟูจิโมโตสึโกะ รีสอร์ท (Fuji Motosuko Resort)
ให้ขึ้นรถบัสนั่งเวียนจากสถานีคาวาคุจิโกะ สายฟูจิคิวโค (Fujikyuko Line) มาลงที่ป้าย ฟูจิโมโตสึโกะ รีสอร์ท (Fuji Motosuko Resort) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
เวลาทำการรีสอร์ท : 08:00 - 16:00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (ตั้งแต่ม.ต้นขึ้นไป) 800 เยน / เด็ก (ตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป 250 เยน)
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ https://www.fujimotosuko-resort.jp/index.html (ภาษาญี่ปุ่น)
รายชื่อบทความที่เกี่ยวข้อง
・แนะนำจุดชมวิวฟูจิใหม่ Jukkoku Toge และเครื่องเล่นใหม่ที่ FujiQ Highland!
・10 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
・รวมจุดชมวิวภูเขาฟูจิอันแปลกใหม่
・ชมฟูจิในรูปแบบงานศิลปะที่ Fujiyama Museum