รู้จักวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านโมจิทั้ง 5 ที่เป็นมากกว่าของหวาน
โมจิ (Mochi) คืออะไร
โมจิ (Mochi) คือเค้กข้าวของชาวญี่ปุ่นที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนและมีการเผยแพร่มาในญี่ปุ่นผ่านทางพระสงฆ์ ในสมัยนาระ ราวๆ ปี ค.ศ. 710-794 โมจิทำมาจากแป้งข้าวเหนียวโดยนำไปนึ่งเสร็จแล้วเอามาทุบหรือตำในขณะที่ยังร้อน ๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกันจนได้ออกมาเป็นแป้งโมจิ
แป้งดังกล่าวสามารถนำไปทำเป็นขนมต่างๆ เพื่อรับประทานในครัวเรือนหรือขนมญี่ปุ่นเกือบทุกประเภทมีการใช้โมจิเป็นส่วนผสมหลัก เช่น ดังโงะ (Dango) ไดฟุคุ (Daifuku) บ้างก็นำไปย่างบนเตาและรับประทานร้อนๆ เพื่อคลายความหนาวในฤดูหนาว
โมจิในความหมายในเชิงวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น
เริ่มจากความเชื่อต่อกันมาว่า โมจิคือขนมมงคล จึงมักถูกนำมาเป็นขนมเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีสำคัญตลอดทั้งปี เช่น คางามิโมจิ (Kagami Mochi) คือการนำโมจิมาทำเป็นของประดับตกแต่งวันปีใหม่ด้วยการวางซ้อนกันสองชั้น และด้านบนสุดถูกประดับด้วยผลส้มนำไปตกแต่งบ้านเพื่อสักการะเทพเจ้า เพื่อให้นำพาโชคลาภมาให้
แล้วก็มีการนำไปทำโซนิ (Zoni) ประกอบด้วยโมจิเสิร์ฟในน้ำซุปเสริมด้วยผักต่างๆ และมีรูปแบบการปรุงที่ต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค นิยมรับประทานในเช้าวันปีใหม่อีกด้วย
เมนูขนมและอาหารท้องถิ่นที่ทำจากโมจิ
จากเรื่องราวข้างบนจะเห็นได้ว่าชาวญี่ปุ่นนั้นมีวัฒนธรรมการรับประทานโมจิมาตั้งแต่ช้านาน ซึ่งการทำขนมโมจิตามเทศกาล และเมนูท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่น่าสนใจ อย่างเช่นที่นำมาฝากในหัวข้อถัดไปนี้
1. โมจิฮนเซ็น (Mochi Honzen):เอกลักษณ์เฉพาะของชาวจังหวัดอิวาเตะ (Iwate)
รูปแบบการรับประทานโมจิของชาวจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) นั้นมีมาตั้งแต่โบราณ ตามความเชื่อที่ว่าโมจิเป็นอาหารศักดิ์สิทธิ์สำหรับบูชาเทพเจ้า จึงมีชุดอาหารที่เรียกว่าโมจิฮนเซ็น (Mochi Honzen) ประกอบด้วยซุปสามชนิดและจานผักเจ็ดจาน พร้อมทั้งขนมโมจิ การรับประทานโมจิของชาวอิวาเตะ โดยเฉพาะในเมืองฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) และอิจิโนะเซกิ (Ichinoseki) จึงมีทั้งอาหารหวานและอาหารคาวมาจนถึงทุกวันนี้
หากใครที่ได้ไปเยือนจังหวัดอิวาเตะ เราขอแนะนำให้ลองเมนูคะโฮะ โมจิ เซ็น (Kaho Mochi Zen) ซึ่งเป็นเมนูเซ็ตที่ประกอบไปด้วยโมจิ 9 ทั้งชนิดมีทั้งรสเค็มและรสหวาน มาคู่กับผักดองกับแกล้มและเหล้าหวาน หรือเมนูอิจิโนะเซกิ อุชิ คาราชิซุป (Ichinoseki Ushi Karashi Soup) ซึ่งเป็นเมนูเซ็ตโมจิกับซุปเนื้อวัว
2. ซุนดะโมจิ (Zunda Mochi):โมจิถั่วแระบดประจำเมืองเซนได (Sendai)
หากพูดถึงของที่ระลึกหรือของกินขึ้นชื่อในเมืองเซนได (Sendai) จังหวัดมิยางิ (Miyagi) นอกจากลิ้นวัวแล้วสิ่งที่หลายคนนึกถึงก็คือ "ซุนดะโมจิ" นั่นเอง จุดเด่นของโมจิที่นี่คือการเคลือบโมจิด้วยถั่วแระหวานบด เป็นซุนดะโมจิรูปแบบดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันร้านขายซุนดะโมจิหลายร้าน ก็ได้มีการทำเมนูประยุกต์รูปแบบใหม่ๆ จากซุนดะโมจิออกมาวางขายเพื่อสร้างความน่าสนใจ เ
ตัวอย่างเช่น ซุนดะเชค (Zunda Shake) คือมิลค์เชคปั่นรวมกับถั่วแระสดรสชาติเข้มข้น หรือทำเป็นขนมโดรายากิใส้ถั่วแระหวานบด รับประทานกับชาเขียว เป็นต้น เรียกได้ว่าหากใครได้ไปเที่ยวเซนไดล่ะก็จะต้องซื้อขนมซุนดะโมจิติดไม้ติดมือกลับไปทุกครั้ง ไม่งั้นจะถือว่าไปไม่ถึงนะคะ
3. อันโมจิโซนิ (Anmochizoni):โมจิไส้ถั่วแดงในซุปของจังหวัดคางาวะ (Kagawa)
โมจิที่ไม่ใช่อาหารหวานแต่เป็นอาหารคาวที่ประกอบด้วยโมจิไส้ถั่วแดงในซุปมิโซะสีขาวและซุปดาชิ คล้ายกับโซนี่ที่เป็นอาหารปีใหม่แต่ในคางาวะจะนิยมใส่แครอทกับหัวไชเท้าเพิ่มและโรยด้วยผงสาหร่ายอาโอสะ (Aosa) เป็นท็อปปิ้ง หลายๆ จังหวัดอาจมีเมนูนี้ให้รับประทานเฉพาะปีใหม่แต่ที่คางาวะมีให้สั่งตามร้านอิซากายะหรือตามร้านอาหารญี่ปุ่นตลอดทั้งปี
4. คุดสุ โมจิ (Kudzu Mochi):โมจิแสนสวยในจังหวัดนารา (Nara)
โมจิที่มีรูปลักษณ์สวยงามน่ารับประทาน มีส่วนประกอบสำคัญจากพืชที่ชื่อว่าคุดสุ (Kudzu) ที่นำมาทำเป็นแป้งใสคล้ายวุ้น ทำให้มีเนื้อสัมผัสเบากว่าโมจิ บางครั้งก็เคลือบด้วย ถั่วหวานหรือโรยด้วยแป้งถั่วเหลือง และบางร้านก็จะราดด้วยน้ำตาลเชื่อม หรือโรยน้ำตาลคินาโกะ คุดสุ โมจิ (Kinago Kudzu Mochi)
เมนูนี้ถือเป็นของว่างแสนอร่อยที่ประวัติอันยาวนานในเมืองนารา และเป็นเมนูที่หารับประทานได้ตามร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านน้ำชา หรือคาเฟ่ที่ขายขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม เหล่านี้เป็นต้น
5. คุจิระโมจิ (Kujira Mochi):โมจิท้องถิ่นในจังหวัดยามากาตะ (Yamagata)
ความหมายของชื่อขนมก็คือ "ขนมโมจิปลาวาฬ" แต่ไม่ได้มีส่วนประกอบของเนื้อปลาวาฬ กรรมวิธีการทำคือนำข้าวเหนียวมาผสมกับน้ำตาลและผลวอลนัท สามารถเก็บไว้เป็นเวลานาน เมื่อต้องการรับประทานนิยมนำไปนึ่งให้สุก
ขณะรับประทานจะได้รสชาติของมิโซะหรือโชยุอ่อนๆ มีรสออกหวานและเค็มเล็กน้อย หารับประทานได้ทั่วไปในจังหวัดยามากาตะ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันเด็กผู้ชายต้นเดือนพฤษภาคมจะมีการทำคุจิระโมจิในครัวเรือนเป็นจำนวนมาก
บทส่งท้าย
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องราวของโมจิที่เราได้นำเสนอไปในวันนี้ จะเห็นได้ว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นให้ความสำคัญกับทุกเรื่องราว แม้แต่เรื่องอาหารจริงๆ หากใครได้ไปเยือนญี่ปุ่นตามจังหวัดต่างๆ ที่เราได้แนะนำไปก็อย่าลืมลองชิมเมนูหาได้ยากแบบนี้กันดูนะคะ
รายชื่อบทความที่เกี่ยวข้อง
・สูตร ซุปโมจิ “โอโซนิ” อาหารปีใหม่ญี่ปุ่น
・6 ขนมท้องถิ่นในต่างจังหวัดญี่ปุ่น ที่ควรซื้อเป็นของฝาก
ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)