All About Japan

รู้จัก 5 เมืองท่องเที่ยว แหล่งปลูกชาชื่อดังในญี่ปุ่น

ชา
รู้จัก 5 เมืองท่องเที่ยว แหล่งปลูกชาชื่อดังในญี่ปุ่น

เรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มชาในวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่น และสถานที่ปลูกชาชื่อดังหลายๆ แห่งในประเทศซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันและครั้งนี้ก็ได้นำเรื่องราวของชาญี่ปุ่นกับ 5 เมืองปลูกชาที่น่าเที่ยวมาแนะนำดังต่อไปนี้

ชาญี่ปุ่นมีดีอย่างไร

ชาญี่ปุ่นมีดีอย่างไร

https://pixta.jp/

ชาญี่ปุ่นมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างหนึ่งคือ เป็นชาเขียวที่ไม่ผ่านกระบวนการหมัก (Unfermented tea) ทำให้ได้รสชาติของใบชาเขียวตามธรรมชาติแท้ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่เพาะปลูกชานับรอยสายพันธุ์ ก็จะให้ผลผลิตใบชาต่างสายพันธุ์ที่แตกต่างกันในเรื่องของกลิ่นและรสชาติ อีกทั้งการทำไร่ชาในญี่ปุ่นในแต่ละปีจะได้ผลผลิตเป็นใบชาจำนวนมากโดยเฉพาะเขตพื้นที่อากาศอบอุ่น

ชาญี่ปุ่นที่มีปริมาณการผลิตมากที่สุดคือ เซนฉะ (Sencha) ในขณะที่ชาที่ได้รับการยอมรับว่าคุณภาพสูงหรือเป็นชาเกรดสูงนั่นก็คือ เกียวคุโระ (Gyukuro) และมัทฉะ (Matcha) จากประวัติศาสตร์ในอดีตการดื่มชาเป็นที่นิยมกันในหมู่นักรบ ขุนนาง รวมทั้งผู้มีฐานะดี

จากนั้นในเวลาต่อมาท่าน เซ็น โนะ ริคิว (Sen no Rikyu) ก็เป็นผู้ริเริ่มวัฒนธรมพิธีชงชาให้กลายเป็นพิธีมีแบบแผนมาจนถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมการชงชาแบบชาวญี่ปุ่นให้ความรู้สึกเรียบง่าย จริงใจ เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศสงบ

ชาญี่ปุ่นประเภทต่างๆ

ชาญี่ปุ่นประเภทต่างๆ

https://pixta.jp/

ที่ประเทศญี่ปุ่นมีสายพันธุ์ของชาหลากหลายมาก การจำแนกประเภทของชาก็มีหลายรูปแบบ เช่น ถ้าแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ก็จะมีชาเขียวหรือชาสดได้รสกลมกล่อมของใบชาแท้ๆ ติดขมฝาดนิดๆ อีกประเภทคือชาคั่ว จะมีกลิ่นหอมคล้ายขนมและไม่มีรสฝาด เป็นต้น

สำหรับประเภทของชาเขียวก็ยังมีการแบ่งเป็นประเภทแยกย่อยอีกหลายแบบ อาทิ

1. เซนฉะ (Sencha) เป็นชาเขียวที่มีการผลิตมากถึง 80% ของชาทั้งหมดในประเทศ เป็นชาที่ดื่มกันมากที่สุดและส่วนใหญ่ดื่มในชีวิตประจำวันด้วย
เกียวคุโระ (Gyukuro) ชาคุณภาพดีที่สุด ผลิตจากใบชาที่เก็บเกี่ยวในครั้งแรกของปีราวเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ก่อนเก็บใบ ต้นชาจะถูกคลุมไม่ให้โดนแดด 20-30 วันและมีราคาแพง

2. มัทฉะ (Matcha) มักจะถูกผลิตเป็นผงชาบดละเอียดและนิยมนำไปใช้ในพิธีชงชาสไตล์ญี่ปุ่น แบ่งออกได้หลายเกรด เพื่อนำไปผสมกับอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ

3. เคียวบันจะ (Kyoubancha) คือใบชาเขียบที่เก็บเกี่ยวในรอบหลังๆ ทำให้มีราคาไม่สูงมาก มักจะนำไปผลิตเป็นชาคั่ว เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โฮจิจะ (Houjicha) เมื่อคั่วแล้วทำให้มีกลิ่นหอมจากการคั่วและคาเฟอีนในชาก็ลดลงด้วย

4. เกนไมฉะ (Genmaicha) เป็นชาเขียวที่ประกอบด้วยชาเขียวผสมกับข้าวกล้องคั่วบดหรือข้าวบาร์เลย์ จุดเด่นของชานี้คือความหอมของข้าวคั่วและอัตราส่วนของใบชาที่น้อยกว่าจึงมีคาเฟอีนน้อย

※ อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับชาญี่ปุ่นเพิ่มเติมได้ที่ : รู้จักชาของญี่ปุ่น

5 แหล่งปลูกชาที่เหมาะกับการท่องเที่ยว

สำหรับแหล่งปลูกชาในญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง เป็นแหล่งผลิตชาชั้นเลิศมายาวนาน หลายแห่งเป็นจุดท่องเที่ยว ทำกิจกรรมต่างๆ ในไร่ชาเขียวอย่างน่าสนใจ อย่างเช่นครั้งนี้ก็มีแหล่งปลูกชา 5 แห่งมาแนะนำดังนี้

1. เมืองวาซุกะ (Wazuka) จังหวัดเกียวโต (Kyoto)

1. เมืองวาซุกะ (Wazuka) จังหวัดเกียวโต (Kyoto)

https://pixta.jp/

เมืองวาซุกะ (Wazuka) ในจังหวัดเกียวโตเป็นพื้นที่ปลูกและผลิตชาเขียวอุจิ (Uji) ชาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีต้นกำเนิดในเกียวโต ทำให้วาซุกะถือเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางการผลิตเซนฉะคุณภาพสูง ครึ่งหนึ่งของชาผลิตในจังหวัดเกียวโต มาจากเมืองวาซุกะ เอกลักษณ์ของชาอุจิคือ เมื่อดื่มจะมีรสขมฝาดเล็กน้อย จากนั้นเมื่อดื่มไปสักพักจะรู้สึกถึงความหวานที่คงอยู่ในปาก

เมืองวาซุกะมีไร่ชาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งรวมทั้งมีร้านค้า คาเฟ่ ร้านขายของจากชาจำนวนมาก ที่สำคัญคือเทศกาลประจำปีของเมืองวาซุกะชื่อว่า เทศกาลชาเกนเคียว (Chagenkyo Matsuri) จัดขึ้นช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี โดยจะมีกิจกรรมทัวร์ไร่ชา เรียนรู้พิธีชงชง ชมนิทรรศการชา บริการจากร้านอาหารที่ทำจากชาเป็นส่วนผสมหลัก การแสดงดนตรี และอีกหลากหลายกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโลกของชา

หากใครได้ไปเยือนเมืองเกียวโตล่ะก็เราขอแนะนำให้แวะไปที่ร้านนานะยะ (Nanaya) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายไอศกรีมชาเขียวโดยเฉพาะ มีจุดเด่นคือมีไอศกรีมชาเขียวที่มีระดับความเข้มข้นแตกต่างกันถึง 7 ระดับ อีกทั้ง ยังมีผงชา ช็อคโกแลตชาเขียว และของที่ระลึกที่น่าสนใจมากมายวางจำหน่ายอีกด้วย รับรองว่าใครที่เป็นสายคนรักชาเขียวล่ะก็จะต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอน

ชื่อสถานที่:นานะยะ (Nanaya) สาขาเกียวโตซันโจ (Kyoto Sanjo)
เวลาเปิดให้บริการ: 10:00 น. - 18:00 น.
การเดินทาง:จากสถานีคาราสุมะโออิเคะ (Karasuma Oike Station) เดินเท้าประมาณ 10 นาที

2. นิฮนไดระ (Nihondaira) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

2. นิฮนไดระ (Nihondaira) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

https://pixta.jp/

ชิซุโอกะ (Shizuoka) เป็นจังหวัดที่มีการปลูกและผลิตชาอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น มีการปลูกชามากมายที่นี่ โดยชาชิสุโอกะมีจุดเด่นคือกลิ่นหอมและรสชาติที่เข้มข้น

หนึ่งในแหล่งปลูกชาชื่อดังของชิซุโอกะก็คือ ไร่ชาบนที่ราบสูงนิฮนไดระ (Nihondaira) บนความสูงราว 307 เมตรจากน้ำทะเล ทำให้ไร่ชาของที่นี่มีทิวทัศน์สวยงามแบบ 360 องศา โดยเฉพาะภาพวิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) เหนือไร่ชาซึ่งเป็นภาพโปรโมตการท่องเที่ยวที่ได้เห็นกันบ่อยๆ อีกทั้ง ยังมีภาพวิวอ่าวชิมิสึ (Shimizu) คาบสมุทรอิซุ (Izu) อ่าวทสึรุกะ (Tsuruga Bay) เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นทางใต้ เป็นต้น

ช่วงกลางเดือนเมษายน - เดือนตุลาคม ไร่ชาหลายๆ แห่งที่นี่ก็เปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรมเก็บชาในไร่ และแต่งกายด้วยชุดชาวไร่เก็บชาได้ด้วย อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การขึ้นกระเช้าไฟฟ้านิฮนไดระ (Nihondaira Ropeway) ชื่นชมวิวไร่ชาในอีกมุมหนึ่ง

ชื่อสถานที่:ที่ราบสูงนิฮนไดระ (Nihondaira)
การเดินทาง:จากสถานีชิซุโอกะ (Shizuoka Station) บนสาย JR Tokaido Main line ขึ้นรถบัสสาย Shizuoka Nihondaira Line ไปลงที่ป้าย Nihondaira Monument Mae ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

3. มากิโนะฮาระไดฉะเอ็น (Makinohara Daicha-en) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

3. มากิโนะฮาระไดฉะเอ็น (Makinohara Daicha-en) จังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka)

https://pixta.jp/

มากิโนะฮาระไดฉะเอ็น (Makinohara Daicha-en) ไร่ชาขนาดใหญ่อีกแห่งในชิซุโอกะ ภายในไร่ชาแห่งนี้ไม่ได้มีแค่แหล่งปลูกชาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ชาแห่งชิซุโอกะ ฟุจิโนะคุนิ ฉะโนะมิยะโกะ (Fujinokuni Cha-no-Miyako Tea Museum) ซึ่งมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเกี่ยวกับชาจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งมีเวิร์คชอปการผลิตชาเขียวมัทฉะโดยการบดละเอียดให้ผู้สนใจได้ทดลองทำด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ในพื้นที่ไร่ยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิในระยะไกล มีกิจกรรมเรียนรู้เกี่ยวกับพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้ตลอดจนร้านอาหารกับเมนูท้องถิ่นและเมนูจากชา รวมทั้งร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับชาชิซุโอกะด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวที่นี่คือตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนตุลาคม

ชื่อสถานที่:ฟุจิโนะคุนิ ฉะโนะมิยะโกะ (Fujinokuni Cha-no-Miyako Tea Museum)
เวลาเปิดให้บริการ:9:00 น. - 17:00 น.
การเดินทาง:จากสถานีชิซุโอกะ (Shizuoka Station) นั่งรถไฟสายเจอาร์โทไคโด (JR Tokaido Line) ไปที่สถานีคานายะ (Kanaya Sation) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นนั่งรถบัสต่ออีก 5 นาที

4. เมืองนิชิโอะ (Nishio) จังหวัดไอจิ (Aichi)

4. เมืองนิชิโอะ (Nishio) จังหวัดไอจิ (Aichi)

https://pixta.jp/

เมืองนิชิโอะ (Nishio) จังหวัดไอจิ (Aichi) เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในแหล่งผลิตชาเขียวประเภทมัทฉะ (Matcha) ชั้นนำในญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ "นิชิโอะมัทฉะ" ที่นี่จึงเป็นเมืองที่มีการผลิตชาเขียวมัทฉะปริมาณเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น แหล่งปลูกและผลิตชาหลายๆ แห่งในเมือง เปิดให้ผู้สนใจเข้าไปเที่ยวชมและเรียนรู้กิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับชาได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ทัวร์ชานิชิโอะมัทฉะที่โรงงานอาโออิเซฉะ (Aoi Seicha)

ทัวร์นี้จะพาชมตั้งแต่กระบวนการเก็บใบชาจนถึงกระบวนการผลิตชามัทฉะ ถ้าเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม ก็มีโอกาสได้ไปชมกระบวนการเก็บชาจริงๆ รวมทั้งสวมชุดคนเก็บชาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้ และในส่วนของการชมโรงงานผลิต ก็จะได้สัมผัสกับกรรมวิธีแปรรูปจากใบชาเป็นผงชามัทฉะ แล้วก็ยังมีร้านอาหาร เครื่องดื่มที่ทำจากชาอร่อยๆ ให้ได้ลิ้มลองกันด้วย

ชื่อสถานที่:โรงงานอาโออิเซฉะ (Aoi Seicha)
เวลาเปิดให้บริการ:9:00 น. - 18:00 น.
การเดินทาง:จากสถานีนาโกย่า (Nagoya Station) ต่อรถไฟสาย Meitetsu Nagoya Line ไปลงสถานีซากุระมาจิ-มาเอะ (Sakuramachi-Mae Station) ใช้เวลา 47 นาที และเดินอีกประมาณ 30 นาทีถึงโรงงาน

5. เมืองยาเมะ (Yame) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka)

5. เมืองยาเมะ (Yame) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka)

https://pixta.jp/

เมืองยาเมะ (Yame) ทางตอนใต้ของจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นแหล่งปลูกชาขนาดใหญ่ของภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ชาของที่นี่เรียกกันว่า ยาเมะฉะ (Yame-Cha) ในพื้นที่ของเมืองมีไร่ชาหลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นไร่ชาบนเขาแบบขั้นบันได ซึ่งบางแห่งก็เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมบรรยากาศไร่ชาและกระบวนการผลิต รวมทั้งมีร้านค้า ร้านอาหารที่ขายของเกี่ยวกับชาจำนวนมาก เช่น ไร่ชายามะชูโอไดฉะเอ็น (Yame Chuo Daichaen) หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Yame Central Tea Plantation

ที่นี่คือทุ่งชาเขียวขนาดใหญ่ที่เปรียบเหมือนแลนด์มาร์คขอเมืองยาเมะ นอกจากวิวไร่ชาแล้ว ในวันที่อากาศแจ่มใสก็สามารถเห็นวิวตัวเมืองยาเมะและทะเลอาริอาเกะ (Ariake Sea) ได้อย่างชัดเจน กิจกรรมทัวร์ไร่ชาของที่นี่จะให้บริการตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป

ชื่อสถานที่:ไร่ชายามะชูโอไดฉะเอ็น (Yame Chuo Daichaen)
การเดินทาง:จากสถานีนิชิเท็ตสึ-คุรุเมะ (Nishitetsu Kurume Station) บนสายรถไฟท้องถิ่น Tenjin omuta Line จะมีบริการบัสทัวร์ไปเที่ยวชมไร่ชายาเมะชูโอไดฉะเอ็น สามารถติดต่อสอบถามและจองได้ที่ Yame Tourist Information Center หรืออีกวิธีหนึ่งคือเช่ารถยนต์ขับจากสถานีนิชิเท็ตสึ-คุรุเมะไปยังไร่ชาด้วยตัวเอง

บทส่งท้าย

เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 5 แหล่งปลูกชาที่เราได้นำเสนอไปในวันนี้ แต่ละจังหวัดก็มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจมากเลยใช่ไหมคะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นไอเดียดีๆ ให้สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแนวใหม่ที่ได้สัมผัสทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กันนะคะ

รายชื่อบทความที่เกี่ยวข้อง
รายชื่ออาหารต่างๆ ที่มีรสชาเขียวมัทฉะ
รู้จักชาของญี่ปุ่น

ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)

know-before-you-go