ทำเองได้ที่บ้าน! แนะนำสูตรขนมง่ายๆ ทำจากซากุระ
เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ หลายๆ คนต่างก็เฝ้ารอที่จะได้ชมซากุระ เมื่อเข้าหน้าซากุระแล้วก็จะมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายที่จัดทำให้เข้ากับบรรยากาศของซากุระบาน อาหารและขนมที่เกี่ยวกับซากุระก็เป็นไฮไลท์เด่นอย่างหนึ่ง แต่ละห้างร้านต่างก็ออกมานำเสนอของที่แตกต่างกันเพื่อเรียกลูกค้า เทศกาลฉลองซากุระเช่นนี้นับว่าเป็นช่วงเทศกาลยอดฮิตของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ทำไมซากุระมีความสำคัญ
ดอกซากุระนั้นนอกจากสวยงามแล้วยังมีประโยชน์มากมาย อย่างเช่นกลิ่นอ่อนๆ ของดอกซากุระช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายความตึงเครียด คลายความเหนื่อยล้าจากการเรียนและการทำงาน อีกทั้งยังช่วยแก้อาการเมาค้าง และดอกซากุระก็มีวิตามินเอและวิตามินซีที่มีสรรพคุณช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด บรรเทาอาการไอ และช่วยขับสารพิษได้ดีอีกด้วย
ในเมื่อซากุระมีประโยชน์มากมายเช่นนี้ คนจึงนิยมนำไปทำเป็นขนมหลายชนิด ครั้งนี้เราเลยมาแนะนำขนมที่ทำจากซากุระ หรือมีรูปแบบ สีสัน ดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึงซากุระกันดังต่อไปนี้
1. ซากุระโมจิ (Sakura Moji)
หากพูดถึงขนมที่เกี่ยวกับซากุระและฤดูใบไม้ผลิ อย่างแรกที่มักนึกถึงกันคือ "ซากุระโมจิ" (Sakura Moji) เป็นขนมที่ทำจากถั่วแดงกวน ห่อด้วยแป้งโมจิสีซากุระ และห่ออีกชั้นด้วยใบซากุระที่นำไปปรุงรสด้วยเกลือ
ซากุระโมจิมี 2 แบบ คือ แบบคันโตที่เรียกว่าโซเมจิ (Someiji) ลักษณะคล้ายขนมโตเกียวของบ้านเราที่ทาไส้ขนมบนแผ่นแป้งแล้วห่อม้วน กับแบบคันไซที่เรียกว่าโดเมียวจิ (Domyoji) รูปร่างกลม เนื้อสัมผัสของแป้งจะเป็นเม็ดๆ เนื่องจากแป้งโดเมียวจิเป็นแป้งที่ทำจากการนำข้าวเหนียวไปนึ่งแล้วทำให้แห้งก่อนจะนำไปบดละเอียด อย่างไรก็ตามทั้งสองแบบก็ห่อด้วยใบซากุระที่ปรุงรสด้วยเกลือเหมือนกัน
รู้จักซากุระโมจิกันไปแล้วทีนี้ก็มาดูวิธีการทำง่ายๆ ที่สามารถลองทำรับประทานเองที่บ้านกันดีกว่าค่ะ
ส่วนผสม (สำหรับรับประทาน 4 ที่)
- ใบซากุระคลุกเกลือ 8 ใบ
- แป้งสาลี 1/2 ถ้วย (50 กรัม)
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- เกลือหนึ่งหยิบมือ
- แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 1/2 ถ้วย (100 มิลลิลิตร)
- สีผสมอาหารสีแดงแบบผงในปริมาณเล็กน้อย
- ถั่วแดงกวน 160 กรัม
- น้ำมันสำหรับทอดในปริมาณเล็กน้อย
วิธีทำซากุระโมจิ (Sakura Moji) ฉบับง่ายๆ
วิธีทำซากุระโมจิ
1. นำใบซากุระที่คลุกเกลือไปแช่น้ำประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อล้างเกลือออก
2. เตรียมส่วนผสมของเนื้อแป้งที่ใช้ห่อ โดยผสมแป้งสาลี น้ำตาลทราย เกลือ และแป้งมันหรือแป้งข้าวโพด เติมน้ำลงไปและคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่สีผสมอาหารสีแดง ผสมให้เข้ากันดี
3. อุ่นกระทะ ทาน้ำมันบาง ๆ ตักเนื้อแป้งที่มีการผสมกันแล้วเมื่อครู่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะเทลงไปในกระทะเบา ๆ และใช้ก้นช้อนแผ่ส่วนผสมของแป้งออกเป็นรูปวงรี ทอดด้วยไฟระดับปานกลางประมาณ 1 นาที จึงกลับด้าน ทอดต่อด้วยไฟอ่อนอีก 1 นาที ตักขึ้นใส่จานพักไว้ให้เย็น
4. นำใบซากุระขึ้นจากน้ำ เช็ดให้แห้ง ปั้นถั่วแดงกวนให้เป็นแท่งทรงกระบอก 8 แท่ง
5. วางถั่วแดงกวนบนแป้งที่ทอดแล้ว ม้วนแป้งรอบถั่วแดงกวน และห่อด้วยใบซากุระ ตั้งพักไว้สักครู่เพื่อให้กลิ่นหอมของใบซากุระซึมเข้าไปในแป้ง
2. วุ้นซากุระ (Sakura Jelly)
ดอกซากุระสดสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในขนมหวานได้หลายเมนู อย่างเช่นนำมาทำวุ้นซากุระ (Sakura Jelly) จากวุ้นใสๆ ธรรมดา เมื่อใส่ดอกซากุระเพิ่มเข้าไปก็กลายเป็นเหมือนผลงานศิลปะดอกซากุระ เพิ่มความเก๋ขึ้นไปอีก แถมยังทำได้เองง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอนก็จะได้ขนมวุ้นซากุระที่เหมาะกับบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิที่สุด
ส่วนผสมวุ้นซากุระ
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- ผงวุ้นสำหรับทำขนม 1/2 ช้อนโต๊ะ หรือ 7.5 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วยตวง
- ดอกซากุระที่นำไปหมักเกลือ
- แม่พิมพ์รูปดอกซากุระ หรือดอกไม้สวยๆ
วิธีทำเยลลี่ซากุระ (Sakura Jelly) แบบง่ายๆ
วิธีทำวุ้นซากุระ
1. นำดอกซากุระหมักเกลือไปแช่น้ำเพื่อละลายความเค็มประมาณ 3 ชั่วโมง
2. ทำส่วนผสมวุ้นโดยเทน้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยผงวุ้นคนให้ละลายประมาณ 10-15 นาที แล้วใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป คนต่ออีกประมาณ 10 นาที หรือจนเห็นว่าน้ำตาลละลายดีแล้ว
3. ยกหม้อไปตั้งไฟ ใช้ไฟกลาง คนวุ้นไปเรื่อยๆ ให้ละลายจนเห็นว่าวุ้นใส ไม่มีผงวุ้นเกาะทัพพีเป็นเม็ดๆ
4. เทส่วนผสมวุ้นลงไปในแม่พิมพ์รูปซากุระหรือแม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้ววางดอกซากุระตามลงไป แล้วนำไปแช่ตู้เย็น
5. นำออกมาแกะวุ้นจากแม่พิมพ์ก็จะได้วุ้นซากุระสวยๆ น่ารับประทาน
3. เค้กโรลซากุระ (Sakura Swiss Roll Cake)
ดอกซากุระของญี่ปุ่นที่เราเจอในขนมญี่ปุ่นหลายชนิดนั้น เมื่อนำไปเป็นส่วนผสมของขนมฝรั่งก็กลายเป็นเมนูขนมจานเด็ดที่มีการประยุกต์เอเชียให้เข้ากับตะวันตกได้อีก อย่างเช่นเค้กโรลซากุระ (Sakura Swiss Roll Cake) ที่นำมาเสนอเพื่อนๆ ในครั้งนี้ก็เป็นขนมที่สามารถทำรับประทานเองได้ไม่ยาก ทำคล้ายกับที่เราทำขนมแยมโรลนั่นเอง
ส่วนผสมเค้กโรลซากุระ
- แป้งเค้ก 75 กรัม
- ผงชาเขียว 10 กรัม
- ไข่แดง 4 ฟอง
- น้ำตาลทรายใส่ถ้วย (1) 30 กรัม
- น้ำมันพืช 40 กรัม
- นมสด 40 กรัม
- ไข่ขาว 4 ฟอง
- กลิ่นวานิลลา
- สีผสมอาหาร สีชมพูซากุระ
- ถาดพิมพ์ขนาด 8x12 นิ้ว ปูกระดาษไข
ส่วนผสม ไส้ถั่วแดง+ซากุระ
- ถั่วแดง
- วิปปิ้งครีมหรือกะทิ
- น้ำตาลทรายป่น
- ดอกซากุระหมักเกลือ
วิธีทำเค้กโรลซากุระ (Sakura Swiss Roll Cake)
วิธีทำเค้กโรลซากุระ
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียสเตรียมไว้ ใช้ไฟล่างอย่างเดียว
2. ตีผสมไข่แดงกับน้ำตาลทราย ใส่นมสดและน้ำมันลงไปแล้วตีส่วนผสมให้เข้ากัน
3. เทส่วนผสมแป้งกับสีผสมอาหารสีชมพูลงไป ใช้พายยางคนผสมจนเข้ากัน
4. ตีไข่ขาวเข้ากับส่วนผสมไข่แดงเมื่อสักครู่ เติมกลิ่นวานิลลาและคนให้เข้ากันอีกครั้ง เทส่วนผสมใส่ถาดแล้วเคาะไล่อากาศ 2 ครั้ง จากนั้นนำไปอบประมาณ 12-15 นาที ก่อนครบเวลา 5 นาที ให้เปิดไฟบน อบจนเค้กสุก
5. นำออกจากเตา รอให้เค้กเย็นลงประมาณ 2 นาที แล้วคว่ำหน้าเค้กบนกระดาษไข จากนั้นลอกกระดาษไขที่รองอบออก ม้วนเค้กแล้วพักไว้ก่อน
6. ทำไส้ถั่วแดงโดยต้มถั่วแดงกับกะทิ หรือนำไปตีผสมกับวิปปิ้งครีม เติมน้ำตาลทรายลงไปเล็กน้อย
7. แผ่เค้กที่ม้วนออก ปาดด้วยไส้ถั่วแดงที่เตรียมไว้ให้ทั่ว โดยเว้นขอบประมาณ 1-2 นิ้ว วางดอกซากุระบนครีมถั่วแดงตามใจชอบ จากนั้นม้วนเป็นท่อนๆ แล้วม้วนปลายด้านข้างทั้งสอง นำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืนให้เค้กเซตตัว
8. นำออกจากตู้เย็น ตัดเป็นชิ้น ๆ แต่งด้วยดอกซากุระ พร้อมรับประทาน
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับเสูตรทำขนมซากุระที่หยิบยกกันมาแนะนำในครั้งนี้ ขนมที่ใช้ดอกซากุระเป็นส่วนผสมยังมีอีกมากมาย เราสามารถดัดแปลงสูตรทำขนมเดิมๆ ด้วยการเติมซากุระลงไปกลายเป็นขนมสูตรใหม่ได้อีกหลายอย่าง หากมีโอกาสครั้งหน้าเราจะมาแนะนำสูตรอื่นๆ ให้เพื่อนๆ ลองทำชิมกันอีก อย่าลืมลองนำสูตรที่เราได้คัดสรรมาไปลองทำกันดูนะคะ!
ผู้เขียน: hikawasa
หลังจากจบป.ตรีก็เริ่มงานในสายล่ามที่บริษัทญี่ปุ่นเช่น Satake Thailand, Hitachi Engineering & Services และรับงานล่ามให้นิตยสาร Custom Car ไปล่ามให้ตามงาน Motor Expo สักพักออกไปเรียนป.โทต่อที่ธรรมศาสตร์ ตอนทำวิทยานิพนธ์ ทาง Japan Foundation ให้ทุนนักศึกษาไปเก็บข้อมูลวิจัย ได้เห็นญี่ปุ่นในหลายมุม ปัจจุบันเป็นนักแปลฟรีแลนซ์ให้ Bongkoch Publishing, Siam Inter Multimedia Publishing, MEB Corporation ที่ทำสื่อดิจิทัลอีบุ๊คชั้นแนวหน้าของไทย และอีกมากมาย ได้โอกาสมาเป็นนักเขียนบทความท่องเที่ยวให้ AAJ ด้วย