All About Japan

10 สุดยอดที่เที่ยวญี่ปุ่นเดือนกรกฏาคม

เทศกาลฤดูร้อน
10 สุดยอดที่เที่ยวญี่ปุ่นเดือนกรกฏาคม

เดือนกรกฎาในญี่ปุ่นนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ที่มีความน่าสนใจจากเทศกาลฤดูร้อนหลากหลายรูปแบบ และเทศกาลดอกไม้ไฟที่จัดขึ้นในทุกๆ พื้นที่ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมอีกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราได้รวบรวม 10 กิจกรรมที่น่าสนใจเพื่อให้ทุกคนที่มีแผนท่องเที่ยวในเดือนกรกฎาคมได้สนุกและประทับใจไปกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในเดือนนี้

1. สัมผัสความสวยงามตระการตาของทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฟุราโนะ จ.ฮอกไกโด (Lavender filed at Furano, Hokkaido)

1. สัมผัสความสวยงามตระการตาของทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฟุราโนะ จ.ฮอกไกโด (Lavender filed at Furano, Hokkaido)

https://pixta.jp/

ช่วงต้นเดือนจนถึงกลางเดือนกรกฎาคมถือเป็นช่วงเวลาที่ดอกลาเวนเดอร์จะผลิบานอย่างเต็มที่ ทำให้สวนดอกไม้หลายแห่งในเมืองฟุราโนะของฮอกไกโดเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในฤดูร้อนที่ต้องการเดินทางไปสัมผัสกับภาพของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสลับกับดอกไม้อีกหลากชนิดและสีสัน

สำหรับใครที่มีแผนจะเช่ารถขับ ฟาร์มดอกไม้สวนใหญ่จะตั้งอยู่บริวเณทางหลวงหมายเลข 237 ทำให้มีการตั้งชื่อถนนสายนี้ว่า “ถนนสายดอกไม้” (Flower Drive) หรือสำหรับใครที่เดินทางด้วยรถไฟ ก็มีรถไฟสายพิเศษอย่างฟุระโนะ บิเอ โนรกโกะ (Furano Biei Norokko Train) ที่วิ่งระหว่างเมืองอาซาฮิคาว่ากับเมืองฟุราโนะ และมีจุดเด่นตรงที่เป็นขบวนรถไฟสำหรับการนั่งชมสวนดอกไม้ระหว่างทางโดยเฉพาะ รวมถึงแวะจอดที่ฟาร์มโทมิตะ ฟาร์มดอกลาเวนเดอร์อันดับต้นๆ ของฟุราโนะที่ใครๆ ก็ต้องไปเยือนอีกด้วย

การเดินทาง: สถานีฟุราโนะ หรือเช่ารถขับจาก Sapporo จะสะดวกที่สุด

2. ร่วมเทศกาลกิออน 1 ใน 3 เทศกาลฤดูร้อนสุดยิ่งใหญ่แห่งเกียวโต (Gion Festival, Kyoto)

2. ร่วมเทศกาลกิออน 1 ใน 3 เทศกาลฤดูร้อนสุดยิ่งใหญ่แห่งเกียวโต (Gion Festival, Kyoto)

https://pixta.jp/

เทศกาลกิออนเป็นเทศกาลฤดูร้อนที่จัดขึ้นทุกปีที่เมืองเกียวโต โดยถือเป็น 1 ใน 3 เทศกาลฤดูร้อนสำคัญของญี่ปุ่น และยังเป็นเทศกาลที่จัดมาอย่างยาวนานกว่าพันปี โดยมีไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การจัดขบวนแห่พร้อมกับการลากรถเกี้ยวขนาดใหญ่ไปรอบเมืองในวันที่ 17 และ 24 กรกฎาคม แต่ชาวเมืองเกียวโตนั้นเฉลิมฉลองเทศกาลนี้กันตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคม ซึ่งบรรยากาศภายในเมืองจะมีความคึกคัก มีการประดับประดาท้องถนนด้วยโคมไฟ และมีการจอดโชว์รถเกี้ยวขนาดใหญ่ที่จะใช้ในขบวนแห่ไว้ตามจุดต่างๆ ของเมือง รวมถึงยังมีการจัดพิธีย่อยอีกหลากหลายรูปแบบตามวัดและศาลเจ้าภายในเมืองตลอดเดือนนี้ ซึ่งโดยรวมนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เมืองเกียวโตซึ่งมีสเน่ห์ของความเป็นเมืองเก่าที่อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมอยู่แล้ว ยิ่งมีความพิเศษและมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าในช่วงเวลาปกติ

การเดินทาง: เทศกาลส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองเกียวโต บริเวณสถานี Shijo แต่จะแห่ขบวนไปตามถนนและผ่านสถานีรถไฟหลากหลายสถานี

3. ขอพรเทพเจ้าในเทศกาลทานาบาตะเมืองโมะบาระ จ.ชิบะ (Mobara Tanabata Festival, Chiba)

3. ขอพรเทพเจ้าในเทศกาลทานาบาตะเมืองโมะบาระ จ.ชิบะ (Mobara Tanabata Festival, Chiba)

https://pixta.jp/

เทศกาลทานาบาตะเป็นเทศกาลที่อิงกับตำนานเทพเจ้าซึ่งเล่าถึงเจ้าหญิงทอผ้าและชายเลี้ยงวัวที่ต่างรักกัน แต่ถูกเทพเจ้าแยกจากกันและอนุญาตให้มาพบกันได้เฉพาะวันที่ 7 เดือน 7 เท่านั้น ซึ่งในวันนี้คนญี่ปุ่นจะเขียนสิ่งที่ตนเองต้องการขอพรจากเทพเจ้าลงในทันซะกุ (Tanzaku) หรือกระดาษทรงเรียวยาว แล้วนำไปแขวนไว้กับต้นไผ่ เพราะเชื่อว่าปาฏิหาริย์ที่ทำให้เจ้าหญิงและชายเลี้ยงวัวได้พบกัน จะทำให้พรของตนเองสมหวังด้วยเช่นกัน

โดยเทศกาลทานาบาตะเมืองโมะบาระ จ.ชิบะถือเป็นเทศกาลใหญ่เทศกาลหนึ่งของภูมิภาคคันโต โดยจะมีการนำโคมกระดาษหรือซาซะคาซาริ (Sasakazari) ไปประดับตามจุดต่างๆ ภายในเมืองอย่างสวยงาม แล้วยังมีการสร้างความครึกครื้นจากการจัดขบวนแห่และการร่ายรำในรูปแบบต่างๆ ไปตามท้องถนน โดยจะจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี

การเดินทาง: สถานี Mobara สามารถเดินเท้าไปยังสถานที่จัดงานได้

4. สวมชุดยูกาตะไปเที่ยวเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะที่โตเกียว (Sumda Firework Festival, Tokyo)

4. สวมชุดยูกาตะไปเที่ยวเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะที่โตเกียว (Sumda Firework Festival, Tokyo)

https://pixta.jp/

เทศกาลดอกไม้ไฟเป็นเทศกาลที่มีการจัดขึ้นในแทบทุกจังหวัดของญี่ปุ่นตลอดช่วงฤดูร้อน สำหรับในแถบโตเกียว หนึ่งในเทศกาลดอกไม้ไฟที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะ ซึ่งมีกระวัติการจัดงานยาวนานตั้งแต่ปีค.ศ. 1733 หรือเกือบสี่ร้อยปีมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีการยิงดอกไม้ไฟมากกว่าสองหมื่นลูก และแต่ละปีจะมีผู้มาร่วมงานกว่าหนึ่งล้านคน

โดยความพิเศษของเทศกาลนี้คือการได้ชมดอกไม้ไฟสวยๆ และแปลกตาจากผู้ผลิตดอกไม้ไฟชั้นนำของญี่ปุ่น และการได้ชมดอกไม้ไฟโดยมีฉากหลังเป็นโตเกียวสกายทรี สัญลักษณ์สำคัญของโตเกียว ภายในงานนี้มักจะมีชาวญี่ปุ่นสวมชุดยูกาตะมาเข้าร่วม จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เช่าชุดยูกาตะเพื่อท่องเที่ยวและกลมกลืนไปกับบรรยากาศของเทศกาลฤดูร้อนที่น่าประทับใจดูสักครั้ง

การเดินทาง: แนะนำให้เลือกพักโรงแรมในบริเวณ Asakusa จะสะดวกที่สุด แต่สามารถมองเห็นได้จากหลายแห่งในโตเกียว

5. ตื่นตากับโคมไฟสามหมื่นดวงในเทศกาลมิตามะ ณ ศาลเจ้ายาสุคุนิ โตเกียว (Mitama Festival, Tokyo)

5. ตื่นตากับโคมไฟสามหมื่นดวงในเทศกาลมิตามะ ณ ศาลเจ้ายาสุคุนิ โตเกียว (Mitama Festival, Tokyo)

https://pixta.jp/

ช่วงเดือนกรกฎาคมมีวันสำคัญสำหรับชาวญี่ปุ่นอยู่วันหนึ่งคือวัน “โอบ้ง” หรือวันที่เชื่อว่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะกลับมายังโลกมนุษย์ และถือเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวใหญ่จะได้กลับไปอยู่พร้อมหน้ากันเพื่อทำบุญให้กับบรรพบุรุษ ซึ่งเทศกาลมิตามะบริเวณศาลเจ้ายาสุคุนิ (Yasukuni Shrine) ในโตเกียวนั้นมีความน่าสนใจอยู่ที่ในทุกคืนที่จัดเทศกาล จะมีการจุดโคมไฟกว่าสามหมื่นดวงตั้งแต่บริเวณทางเดินเข้าศาลเจ้าไปจนถึงรอบๆ ตัวอาคารหลัก ซึ่งโคมไฟในเทศกาลโอบ้งนั้นมีความหมายถึงการช่วยนำทางดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้เห็นการประดับประดาโคมไฟจำนวนมากขนาดนี้ และภายในงานยังมีกิจกรรมสนุกๆ อย่างการออกร้านขายของและอาหาร บ้านผีสิง และการรำบงโอโดริ หรือการรำวงญี่ปุ่นที่ใครๆ ก็สามารถเข้าไปร่วมระบำได้

เวลาทำการ: 06.00 – 21.30 น. ในช่วงเทศกาล (ช่วงเวลาปกติ ปิด 18.00 น.)
การเดินทาง: รถไฟใต้ดิน Toei Shinjuku Line สถานี Kudanshita

6. ทานอาหารเหนือลำธารดับร้อนที่คิบุเนะ เกียวโต (Kawadoko at Kibune, Kyoto)

6. ทานอาหารเหนือลำธารดับร้อนที่คิบุเนะ เกียวโต (Kawadoko at Kibune, Kyoto)

https://pixta.jp/

“คาวาโดโกะ” หรือการทานอาหารเหนือลำธารถือเป็นสเน่ห์ของการทานอาหารในช่วงฤดูร้อนที่มาพร้อมกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจ ซึ่งการทานอาหารในรูปแบบนี้สามารถพบได้ที่คิบุเนะ เมืองเล็กๆ บนภูเขาทางตอนเหนือของเกียวโต ซึ่งมีเรียวกังและร้านอาหารหลายแห่งที่สร้างพื้นที่นั่งทานอาหารเอาไว้เหนือลำธารที่มีสายน้ำไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับบรรยากาศของป่าไม้เขียวครึ้มโดยรอบจนทำให้ลืมอากาศร้อนไปชั่วขณะ

โดยอาหารที่เสิร์ฟนั้นจะมีทั้งอาหารง่ายๆ ราคาไม่แพงมากนักอย่างราเม็ง หรือชุดอาหารกลางวันทั่วไป แต่ร้านอาหารหลายแห่งก็เสิร์ฟอาหารแบบไคเซกิ หรืออาหารชั้นสูงที่คัดเลือกวัตถุดิบชั้นดีของฤดูกาลนั้นๆ มาเสิร์ฟ เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่บรรยากาศโดยรอบไปจนถึงอาหารที่ทาน

เวลาทำการ: ขึ้นอยู่กับร้านอาหารแต่ละร้าน
การเดินทาง: จากรถไฟสาย Kurama Line สถานี Kibuneguchi ต่อรถบัสไปลงป้าย Kibune

7. สนุกและอร่อยไปกับการทาน นางะชิ โซเม็ง

7. สนุกและอร่อยไปกับการทาน นางะชิ โซเม็ง

https://pixta.jp/

นอกจากการทานอาหารแบบคาวาโดโกะเหนือลำธารแล้ว นางะชิ โซเม็ง (Nagashi Somen) หรือโซเม็งไม้ไผ่ก็ถือเป็นเมนูช่วงฤดูร้อนที่มีความโดดเด่นจากรูปแบบการทานที่จะเสิร์ฟเส้นโซเม็งในปริมาณพอดีคำมาตามรางไม้ไผ่ที่มีน้ำไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา ใครที่ยังคีบไม่ชำนาญก็อาจจะอดกิน และใครที่คีบได้ก็จะนำมาจุ่มทานกับซอสทสึยุพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น

โดยในปัจจุบันเมนูนี้สามารถหาทานได้ในร้านอาหารหลายแห่งในประเทศญี่ปุ่น แต่หากอยากมาทานต้นตำรับของเมนูนี้ก็ต้องมาที่เมืองทาคาจิโฮะ จ.มิยาซากิ โดยเฉพาะบริเวณช่องเขาทาคาจิโฮะ (Takachiho Gorge) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมือง ที่จะได้สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติบริเวณช่องเขาไปพร้อมๆ กับแวะทานเมนูนี้เพื่อคลายร้อน

8. เดินป่าสัมผัสธรรมชาติที่คามิโคจิ จ.นากาโน่ (Kamikochi, Nagano)

8. เดินป่าสัมผัสธรรมชาติที่คามิโคจิ จ.นากาโน่ (Kamikochi, Nagano)

https://pixta.jp/

หน้าร้อนที่ญี่ปุ่นยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างเดินป่าปีนเขา ซึ่งหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือคามิโคจิ ในจ.นากาโน่ ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งคนที่อยากไปเที่ยวแบบสบายๆ พักค้างคืนในโรงแรมแล้วออกมาสัมผัสธรรมชาติโดยรอบ ไปจนถึงคนที่อยากเดินป่าสัมผัสธรรมชาติอย่างจริงจัง ซึ่งมีเส้นทางเดินป่าให้เลือกหลากหลายระดับและรูปแบบ หรือกิจกรรมกลางแจ้งอีกมากมายทั้งการกางเตนท์ และตั้งแคมป์

ซึ่งในเรื่องความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาตินั้น คามิโคจิเป็นจุดที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้นๆ ทั้งจากแนวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่ และแม่น้ำที่มีน้ำใสจนกลายเป็นสีฟ้า และท้องฟ้าที่ใสจนสามารถดูดาวได้ชัดเจนในตอนกลางคืน รวมทั้งยังสามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดายจากโตเกียวด้วยรถบัส ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้น

การเดินทาง: จากสถานีรถบัสชินจูกุ (Shinjuku Bus Terminal) ขึ้นรถบัสไปยังสถานีรถบัสคามิโคจิ (Kamikochi Bus Terminal)

9. เพลิดเพลินกับเทศกาลเทนจินที่โอซาก้า (Tenjin Festival, Osaka)

9. เพลิดเพลินกับเทศกาลเทนจินที่โอซาก้า (Tenjin Festival, Osaka)

https://pixta.jp/

เทศกาลเทนจินเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นทุกวันที่ 24 และ 25 กรกฎาคมของทุกปีในเมืองโอซาก้า โดยถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ และยังครบครันทั้งการได้สัมผัสกับขบวนแห่สุดรื่นเริงทั้งบนถนนและแม่น้ำ รวมถึงการจุดดอกไม้ไฟหลายพันนัดเพื่อปิดเทศกาล จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนบรรยากาศจากเมืองใหญ่อันทันสมัยของโอซาก้า ให้กลายเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายของความสนุกรื่นเริง และมีสีสันแห่งวัฒนธรรมสอดแทรกไปอยู่ในทุกมุม โดยจุดประสงค์หลักของเทศกาลนี้คือการขอพรกับเทพเจ้าเพื่อให้ชาวเมืองโอซาก้ามีสุขภาพที่แข็งแรง และมีการงานที่ดีและมั่นคง

การเดินทาง: กิจกรรมส่วนใหญ่จะจัดขึ้นไม่ไกลจากศาลเจ้าโอซาก้าเทมมังกุ ใกล้กับสถานี Osakatemmangu

10. สัมผัสวิวยามค่ำสุดสวยในเทศกาลโคมไฟโอไดบะ โตเกียว (Odaiba Lantern Festival, Tokyo)

10. สัมผัสวิวยามค่ำสุดสวยในเทศกาลโคมไฟโอไดบะ โตเกียว (Odaiba Lantern Festival, Tokyo)

https://pixta.jp/

เทศกาลโคมไฟโอไดบะเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเนื่องใน “วันทะเล” ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นหนึ่งในวันหยุดของชาวญี่ปุ่นเพื่อรำลึกถึงความสำคัญและขอบคุณท้องทะเล โดยงานจะจัดขึ้นประมาณ 2-3 วัน และจะมีการร่วมกันจุดโคมไฟจำนวนมากตลอดความยาวของชายหาดโอไดบะกว่า 800 เมตร ซึ่งในระหว่างนั้นผู้ที่มาเข้าร่วมงานก็จะได้สัมผัสกับความสวยงามของพระอาทิตย์ที่กำลังตก ไปจนถึงโคมไฟที่ค่อยๆ สว่างสไวขึ้นพร้อมๆ กับทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวและสะพานแขวนในบริเวณใกล้เคียงที่ส่องสว่างขึ้นในยามค่ำคืนจนเกิดเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกและน่าประทับใจ และถือเป็นบรรยากาศที่หาชมได้ยากของโอไดบะที่มีให้สัมผัสเพียงปีละไม่กี่วันเท่านั้น

การเดินทาง: รถไฟฟ้าสาย Yurikamome สถานี Odaiba-Kaihin-Koen

ผู้เขียน: ชินพงศ์ มุ่งศิริ
เริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพอิสระหลังเรียนจบ เดินทางไปถ่ายภาพที่ประเทศญี่ปุ่นบ่อยครั้งจนครบทั้ง 4 ฤดูอันสวยงาม และเกือบครบทุกภูมิภาค มีผลงานภาพถ่ายตีพิมพ์ในไกด์บุ๊คระดับโลกอย่าง Lonely Planet ถึง 3 เล่ม คือ Discovery Japan, Japan และ Kyoto รวมถึงเว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง National Geographic Traveler UK, BBC Travel, Travel+Leisure, TIME และอีกมาก
นอกจากการถ่ายทอดความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นผ่านภาพถ่าย ปัจจุบันยังหันมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรทั้งในฐานะนักเขียนและนักแปลควบคู่กันไปอีกด้วย