หาเพื่อนญี่ปุ่นกัน:รู้จักการอ่านชื่อคนญี่ปุ่น
ชื่อของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่นั้นมักเขียนโดยใช้ตัวอักษรคันจิ (Kanji) ซึ่งเป็นอักษรชนิดหนึ่งในภาษาญี่ปุ่นที่มีความซับซ้อนที่สุด มีต้นกำเนิดมาจากภาษาจีน ตัวคันจิแต่ละตัวสามารถอ่านออกเสียงได้หลายแบบ เมื่อผสมกันก็ได้หลายความหมาย และนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมักจะมีคำนำหน้าหรือคำต่อท้ายที่หลากหลายอีกด้วย
นอกจากนี้ ก็ขอแถมชื่อนามสกุลยอดฮิตของคนญี่ปุ่นให้อ่านเล่นกัน
ชื่อหรือนามสกุลญี่ปุ่น
ว่าด้วยเรื่องชื่อของคนญี่ปุ่น โดยปกติแล้วทั้งการเรียกชื่อกันในสังคมและเอกสารราชการต่างๆ ใช้เขียนเรียงลำดับนามสกุลไว้ข้างหน้า และชื่อตัวไว้ข้างหลัง
อย่างเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) ที่เราจะเห็นนิยมเขียนกันในข่าวภาษาไทยและต่างประเทศนั้น การเรียงลำดับที่ถูกต้องแบบญี่ปุ่นจริงๆ คือ อาเบะ ชินโซ (Abe Shinzo)
โดยในภาษาญี่ปุ่น นามสกุล (อาเบะ) จะมาก่อนชื่อตัว (ชินโซ)
เนื่องจากคนญี่ปุ่นจะเรียกชื่อตัวกันเฉพาะกับคนที่สนิทกันจริงๆ ปกติแล้วจะเรียกนามสกุลของแต่ละคน เท่านั้น แต่ที่เราเห็นเขียนเรียงลำดับชื่อตัวนำหน้า นั่นก็เพราะในยุคปฏิรูปเมจิ (ค.ศ.1868 – 1912) มีการยอมรับแนวคิดและระบบต่างๆ มาจากตะวันตก เกิดการปฏิรูประบบทั้งหลายเพื่อความทันสมัย สอดคล้องกับวัฒนธรรมตะวันตก จึงเกิดธรรมเนียมการเขียนชื่อตัวไว้ข้างหน้า นามสกุลไว้ข้างหลัง แต่อย่างไรก็ตามญี่ปุ่นได้มีการออกกฎหมายเปลี่ยนแปลงให้มีการเขียนนามสกุลก่อนชื่อตัวในเอกสารราชการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม ค.ศ.2020 จากผลสำรวจแบบสอบถามพบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นที่พึงพอใจของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่ต้องการให้เขียนตามแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ใช้กันมาแต่ดั้งเดิมเป็น 100 ปีแล้ว แต่สำนักข่าวและสื่อต่างประเทศจะทำตามหรือไม่นั้นก็ไม่อาจทราบได้ แต่ปัจจุบันก็มีสื่อภาษาอังกฤษใหญ่ๆ บางสื่อที่ประกาศว่าจะเขียนแบบใช้นามสกุลขึ้นก่อนตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการแล้ว อย่างเช่น NHK หรือ The Economist
นอกจากการเขียนเรียงลำดับนามสกุลตามด้วยชื่อตัวอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว คนญี่ปุ่นไม่นิยมเรียกชื่อหรือนามสกุลกันแบบห้วนๆ แต่จะมีคำต่อท้ายชื่อที่มีหลายระดับขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์
1 ซัง (San)
คำว่า “ซัง” หรือในภาษาถิ่นคันไซออกเสียง “ฮัง” หากแปลเป็นไทย คำที่ใกล้เคียงสุดคือ “คุณ” เป็นการเรียกลงท้ายในระดับธรรมดาทั่วไป สามารถใช้เรียกท้ายชื่อคนญี่ปุ่นได้ทุกคน นอกจากนี้ยังใช้เรียกท้ายชื่อของร้านค้าอีกด้วย เช่น ร้านหนังสือหรือฮ่งยะซัง (Honyasan) ในภาษาญี่ปุ่น
2 ซามะ (Sama)
“ซามะ” มีระดับความเคารพที่สูงกว่า “ซัง” และเป็นทางการมากที่สุด และสุภาพที่สุด แปลเป็นไทยได้ว่า “ท่าน” มักใช้เรียกต่อท้ายชื่อลูกค้าในร้านอาหาร แขกผู้มีเกียรติในโณงแรม และพบเห็นได้บ่อยในการส่งอีเมลติดต่องาน ทั้งต่างบริษัทและบริษัทเดียวกันเพื่อเป็นการให้เกียรติ นอกจากนี้ยังใช้เรียกคนในครอบครัวของคนตระกูลผู้ดีอีกด้วย
3 คุง (Kun)
“คุง” เป็นคำต่อท้ายชื่อผู้ชายที่อายุน้อยกว่าหรือเพื่อนที่อายุเท่าๆ กันและมีความสนิทสนมกันแล้ว ถ้าไม่สนิทก็ไม่ควรใช้ นอกจากเรียกผู้ชายแล้วก็สามารถใช้เรียกผู้หญิงได้ด้วย โดยจะเป็นหัวหน้าเรียกลูกน้องที่เป็นผู้หญิง หรือรุ่นพี่เรียกรุ่นน้องที่ทำงาน เป็นต้น
4 จัง (Chan)
"จัง" ใช้เรียกผู้หญิง ปกติใช้เรียกผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า หรือเพื่อนสาวอายุเท่าๆ กันที่สนิทด้วย แต่หากความสัมพันธ์สนิทกันมากก็สามารถใช้เรียกคนที่อายุมากกว่าได้ โดยทั่วไปจะใช้เรียกชื่อจริงหรือชื่อเล่นแล้วตามด้วยจัง
นอกจากนี้ยังใช้กับผู้ชายก็ได้เช่นกัน ถ้าเป็นเด็กผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่า มีความสนิทสนมกันและรู้สึกว่าน่าเอ็นดู รวมไปถึงใช้เรียกคนในครอบครัวด้วย
5 ตัน (Tan)
"ตัน" ใช้เหมือนคำว่า “จัง” ซึ่งคนญี่ปุ่นฟังดูแล้วน่ารัก เป็นภาษาเด็ก ซึ่งเกิดจากเวลาที่เด็กเล็กจะเรียกจัง แต่ยังไม่สามารถออกเสียงได้ชัด จึงผิดเพี้ยนไปเป็นตัน และต่อมาก็นิยมเรียกชื่อเด็กเล็กโดยลงท้ายด้วยตัน
6 โบ (Bou)
"โบ" เป็นคำเรียกลงท้ายชื่อที่แสดงถึงความน่ารักน่าเอ็นดูเช่นเดียวกับ "จัง" หรือเป็นสรรพนามเรียกแทนตัวอีกฝ่าย โดยทั่วไปเป็นคำที่มีเฉพาะเด็กผู้ชายใช้เรียกกัน
7 เซมไป โคไฮ (Senpai, Kohai)
“เซมไป” แปลว่ารุ่นพี่ ใช้เรียกคนที่มีอายุมากกว่าในกลุ่มของตัวเอง เช่นรุ่นพี่ที่โรงเรียน รุ่นพี่ในชมรมกีฬา รุ่นพี่ที่ทำงาน เป็นต้น อาจมีการเรียกต่อท้ายชื่อ นามสกุล หรือเรียกเดี่ยวๆ ก็ย่อมได้
ส่วน “โคไฮ” แปลว่ารุ่นน้อง คือคนที่รุ่นพี่ที่กล่าวไปข้างต้นใช้เรียกคนที่เด็กกว่าตัวเอง
8 เซนเซกับฮากาเสะ (Sensei and Hakase)
"เซนเซ" แปลว่าคุณครู/อาจารย์ โดยทั่วไปเป็นคำที่นักเรียนใช้เรียกผู้สอนหนังสือในโรงเรียน โดยอาจเรียกแค่เซนเซหรือชื่อ นามสกุลของอาจารย์แล้วตามด้วยเซนเซก็ได้ นอกจากนี้ยังเป็นคำที่ใช้เรียกอย่างเป็นการให้เกียรติคนที่เก่งเฉพาะทาง เช่น แพทย์ นักการเมือง และนักเขียนอีกด้วย
ส่วน "ฮากาเสะ" เทียบกับไทยคือศาสตราจารย์ หรือดอกเตอร์ ใช้เรียกผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิตโดยเฉพาะ
9 ชิ (Shi)
"ชิ" แปลว่าคุณ ใช้ในภาษาเขียนที่เป็นทางการอย่างมาก พบเห็นได้ตามข่าวหนังสือพิมพ์ เอกสารสำคัญทางราชการ แบบฟอร์มที่เป็นทางการต่างๆ เป็นต้น และใช้เรียกบุคคลที่ผู้พูดไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมคุ้นเคยกัน หรือไม่เคยเจอกันมาก่อน
10 โอะ และ โกะ (O and Go)
"โอะ" กับ "โกะ" เป็นคำนำหน้าที่ใช้ในภาษายกย่อง เมื่อพูดถึงอีกฝ่ายที่มีสถานะสูงกว่า เช่น หัวหน้างาน ผู้สูงอายุ ลูกค้า หรือคนที่ไม่สนิทสนมหรือไม่รู้จักกัน ก็จะเติม "โอะ" หรือ "โกะ" หน้าคำนามที่ต้องการเพื่อให้มีความสุภาพมากขึ้นเป็นการยกย่องอีกฝ่าย เช่น
โอเคียคุซัง (Okyakusan) ที่แปลว่าคุณลูกค้า
โอโจ้ซัง (Ojosan) ที่แปลว่าคุณหนู
โกะเรียวชิน (Goryoshin) ที่แปลว่าคุณพ่อคุณแม่ เป็นต้น
นามสกุลดังๆ ที่มีคนใช้เยอะที่สุดของญี่ปุ่น
ขอกล่าวถึงอีกเรื่องคือนามสกุลของคนญี่ปุ่น นับว่าน่าสนใจทีเดียว นามสกุลต่าง ๆ ของคนญี่ปุ่นมีความหมายที่สามารถบ่งบอกถึงวัฒนธรรม ศาสนา และสังคมของญี่ปุ่นได้ แม้ว่ามีคนนามสกุลเหมือนกันอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ได้มีความข้องเกี่ยวหรือเป็นญาติสนิทมิตรสหายไปเสียทั้งหมด แต่ที่นามสกุลเหมือนกันก็เพราะหลังจากยุคปฏิรูปเมจิ คนต้องการได้รับการยอมรับจากสังคมจึงเลือกนามสกุลที่คล้ายๆ กัน มาดู 5 อันดับนามสกุลยอดนิยมของญี่ปุ่นกัน
1. ซาโต้ (Sato/ 佐藤)
เป็นนามสกุลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ในชื่อมีตัวคันจิ 藤 (ฟูจิ) ที่เป็นชื่อดอกไม้ และเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลฟูจิวาระที่เคยเรืองอำนาจในอดีตอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคอาสุกะ (ค.ศ. 538-710) จนถึงช่วงการปฏิวัติเมจิในปี 1868 เคยเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่เป็นคล้ายที่ปรึกษาของสมเด็จพระจักรพรรดิ และลูกสาวของตระกูลฟูจิวาระมากมายก็ได้สมรสกับจักรพรรดิญี่ปุ่นด้วย
2. ซูซูกิ (Suzuki/ 鈴木)
ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 มีตัวคันจิ 鈴 (ซูซุ) ที่แปลว่ากระดิ่ง ซึ่งศาลเจ้าชินโตมักสั่นกระดิ่งเพื่อบรรเลงดนตรีบูชาเทพเจ้า วัฒนธรรมญี่ปุ่นจึงให้ความสำคัญกับกระดิ่งเป็นอย่างมาก แน่นอนว่านามสกุลนี้คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะบริษัทรถยนต์ชื่อดังนั่นเอง ซึ่งชื่อบริษัทนั้นก็ได้มาจากนามสกุลของผู้ก่อตั้ง
3. ทาคาฮาชิ (Takahashi/ 高橋)
อันดับที่ 3 ที่คนนิยม 高橋 (ทาคาฮาชิ) เป็นนามสกุลที่มีที่มาจากสถานที่ แปลว่าสะพานสูง อาจเป็นไปได้ว่าต้นตระกูลมีสถานที่อยู่อาศัยที่อยู่ในพื้นที่สูง หรือบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมเนื่องจากมีอักษรที่มีคำว่า ทาคา (Taka) ที่แปลได้ว่าที่สูง หรือมูลค่าสูง ราคาแพง
4. ทานากะ (Tanaka/ 田中)
น่าจะเป็นที่คุ้นหูกันดีสำหรับนามสกุลอันดับที่ 4 田中 (ทานากะ) นั้นก็หมายถึงกลางท้องทุ่งนา อาจทำให้เห็นถึงที่มาของต้นตระกูล อาจเป็นตระกูลชาวนา
5. วาตานาเบะ (Watanabe/ 渡辺)
นามสกุลเก่าแก่ที่เชื่อกันว่าได้รับความนิยมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 - 11 ซึ่งเป็นช่วงที่วัฒนธรรมของนักรบซามูไรเรืองอำนาจ มีที่มาจากสถานที่เช่นกัน โดยวาตานาเบะหมายถึง จุดข้ามแม่น้ำ เช่นจุดที่มีเรือข้ามฟากให้บริการ ที่มาของนามสกุลอาจมาจากต้นตระกูลที่เป็นนายเรือข้ามฟากก็ได้