All About Japan

10 ที่เที่ยวไม่ควรพลาดในนารา (Nara)

สถานที่ทางประวัติศาสตร์ มรดกโลก วัดTodai-ji สวนสาธารณะ แผนการการเดินทาง Illumination วัด และ ศาลเจ้า วิวยามค่ำคืน Nara Kansai
10 ที่เที่ยวไม่ควรพลาดในนารา (Nara)

นารา (Nara) เมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้โอซาก้าเพียง 35 กิโลเมตร มีวัดและศาลเจ้าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อีกทั้งยังมีแหล่งธรรมชาติสวยงาม และจุดขายสำคัญก็คือมีกวางอาศัยอยู่จำนวนมากจนกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเมืองด้วย ซึ่งคราวนี้เราก็ได้รวบรวมที่เที่ยวที่น่าสนใจมาให้ถึงสิบแห่งด้วยกัน

1. วัดโทไดจิ หลวงพ่อโตและอาคารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก (Todaiji Temple)

1. วัดโทไดจิ หลวงพ่อโตและอาคารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก (Todaiji Temple)

เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นและเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระใหญ่ นาราไดบุตสึ (Nara Daibutsu) ซึ่งมีความสูง 15 เมตรและหนักถึง 500 ตัน รวมทั้งยังเป็นที่เก็บสมบัติของชาติที่สำคัญอีกหลายชิ้น นอกจากนี้ภายในวิหารไม้จะมีเสาอยู่เสาหนึ่ง ที่ฐานมีรูขนาดเท่ากันกับรูจมูกของพระพุทธรูปอยู่ และเชื่อกันว่าถ้าสามารถคลานลอดผ่านช่องเล็กๆนี้ได้จะพบแต่ความโชคดี

เวลาทำการ : เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 08.00 - 16.00 น.
เดือนมีนาคม 08.00 - 17.00 น.
เดือนเมษายน-กันยายน เวลา 07.30 - 17.30 น.
เดือนตุลาคม 7.30 - 17.00 น.

ค่าเข้าชม : เฉพาะส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ 500 เยน, ตั๋วรวมสำหรับพิพิธภัณฑ์และตัววัด 800 เยน

การเดินทาง : จากสถานี Osaka Namba นั่งรถไฟสาย Kintetsu Nara Line ไปลงที่สถานี Kintetsu Nara ใช้เวลา 40 นาที แล้วเดินต่ออีก 15 นาที (ขึ้นเนินอาจจะเหนื่อยเล็กน้อย สามารถนั่งแท็กซี่แทนได้)
หรือจะนั่งรถไฟสาย JR Yamatoji Line ไปลงที่สถานี Nara แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Daibutsuden Kasugataisha-mae แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที

2. วัดโคฟุคุจิ ชมเจดีย์และวัตถุโบราณ (Kofukuji Temple)

2. วัดโคฟุคุจิ ชมเจดีย์และวัตถุโบราณ (Kofukuji Temple)

วัดเก่าแก่และมรดกโลกอีกแห่ง สร้างขึ้นโดยตระกูลฟูจิวาระ ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคที่นาราเป็นเมืองหลวง เคยมีอาคารนับร้อยหลังภายในวัดแต่ปัจจุบันนี้เหลือสิ่งปลูกสร้างที่สมบูรณ์อยู่เพียงไม่กี่อาคาร เช่นเจดีย์ 5 ชั้น ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น และภายในยังมีพิพิธภัณฑ์สำหรับจัดแสดงรูปปั้นเทพอาชูร่า 3 หน้า 6 มือ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประติมากรรมพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงมาก

เวลาทำการ : 09.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม : พื้นที่ส่วนใหญ่ของวัดเข้าชมฟรี แต่มีบางส่วนที่ต้องจ่ายค่าเข้าชมได้แก่
Eastern Golden Hall 300 เยน
National Treasure Museum 600 เยน
ตั๋วรวมทั้งสองอย่าง 800 เยน

การเดินทาง : จากสถานี Kintetsu Nara สามารถเดินไปได้ภายใน 5-10 นาทีเท่านั้น หรือจากสถานี JR Nara สามารถนั่งรถซิตี้บัสไปลงที่ลงป้าย Kencho-mae bus stop ใช้เวลาประมาณ 7 นาที

3. เล่นกับเหล่ากวางที่สวนสาธารณะนารา (Nara Park)

3. เล่นกับเหล่ากวางที่สวนสาธารณะนารา (Nara Park)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่รวมเอามรดกโลก 3 แห่งไว้ในพื้นที่เดียวกันประกอบด้วย วัดโทไดจิ วัดโคฟุคุจิ และศาลเจ้าคาซุงะ ที่สำคัญคือเป็นสวนที่มีกวางอาศัยอยู่นับพันตัวซึ่งถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของนาราที่ได้รับความนิยมมาก นอกจากจะเป็นสวนสาธารณะเพื่อพักผ่อนหย่อนใจแล้ว บรรดานักท่องเที่ยวยังสามารถซื้อขนมเซมเบ้ (Senbei) สำหรับเป็นอาหารให้กวางในสวนแห่งนี้ได้ด้วย

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : ฟรี

การเดินทาง : (เหมือนกับการไปวัดโทไดจิ)
จากสถานี Osaka Namba นั่งรถไฟสาย Kintetsu Nara Line ไปลงที่สถานี Kintetsu Nara ใช้เวลา 40 นาที แล้วเดินต่ออีก 15 นาที (ขึ้นเนินอาจจะเหนื่อยเล็กน้อย สามารถนั่งแท็กซี่แทนได้)
หรือจะนั่งรถไฟสาย JR Yamatoji Line ไปลงที่สถานี Nara แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Daibutsuden Kasugataisha-mae แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที

4. ย่านนารามาชิ ย่านเก่ากลางเมืองเก่า (Naramachi)

4. ย่านนารามาชิ ย่านเก่ากลางเมืองเก่า (Naramachi)

ย่านเมืองเก่ากับบรรยากาศในยุคโบราณที่สิ่งปลูกสร้างต่างๆชวนให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีตทั้งบ้านเรือน ร้านค้า ร้านอาหารท้องถิ่น คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ที่ดัดแปลงมาจากอาคารของพ่อค้าในสมัยโบราณรวมถึงวัดเก่าแก่อย่างวัดกังโกจิ (Gangoji Temple) อีกทั้งยังมีกิจกรรมเรียนรู้วัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นแท้ๆสำหรับผู้ที่สนใจด้วย เช่นการชงชาญี่ปุ่น, บริการเช่าชุดกิโมโนใส่เดินเล่น เป็นย่านที่เหมาะกับการพักค้างคืนของคนที่มาเที่ยวนารา

เวลาทำการ : ไม่กำหนด

ค่าเข้าชม : พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่จะมีการเก็บค่าเข้าชมเฉพาะบางแห่ง เช่นวัดกังโกจิ (Gangoji Temple) ค่าเข้าชม 500 เยน

การเดินทาง : จากสถานี JR Nara เดินไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 นาที หรือจากสถานี Kintetsu Nara เดินไปทางใต้ประมาณ 13 นาที

5. ศาลเจ้าคาซุงะ ศาลเจ้าสำคัญของชาวนารา (Kasuga Shrine)

5. ศาลเจ้าคาซุงะ ศาลเจ้าสำคัญของชาวนารา (Kasuga Shrine)

ศาลเจ้าอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเป็นมรดกโลกอีกแห่งของนารามีพื้นที่ขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ภายในมีศาลเจ้าขนาดเล็กหลายแห่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆและมีสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญได้แก่ โคคุโฮเดน (Kokuho-den) หรือหอสมบัติแห่งชาติที่รวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญไว้ที่นี่ นอกจากนี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือคาเฟ่ที่บริการอาหารท้องถิ่นและไอศกรีมกับของหวาน

เวลาทำการ :
เมษายน-กันยายน 06.00 -18.00 น.
ตุลาคม -มีนาคม 06.30-17.00 น.

ค่าเข้าชม : มีค่าเข้านมัสการ Kokuho-den หรือหอสมบัติแห่งชาติ
ผู้ใหญ่ 500 เยน
นักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษามหาวิทยาลัย 300 เยน
เด็กประถมและมัธยมต้น 200 เยน

การเดินทาง : จากสถานี JR Nara ต่อรถบัส Nara Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Kasuga Taisha Honden ใช้เวลา 12 นาที
(สามารถเดินทางเหมือนกับการไปวัดโทไดจิหรือสวนสาธารณะนาราก็ได้ แต่จะเดินไกลกว่า)

6. วัดโฮริวจิ โบราณสถานของนาราและของโลก (Horyuji Temple)

6. วัดโฮริวจิ โบราณสถานของนาราและของโลก (Horyuji Temple)

วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตามพระบัญชาของเจ้าชายโชโทกุไทชิ เพื่อสักการะ ยาคุชิเนียวไร (Yakushi Nyorai) หรือพระพุทธเจ้าตามความเชื่อของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ภายในวัดได้มีการจัดเก็บสมบัติและมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญเป็นจำนวนมาก ในด้านสถาปัตยกรรมก็มีกลุ่มอาคารไม้อันทรงคุณค่าอย่างเช่นหอคอนโดะ (Kondo Hall) หรือทองคำและเจดีย์ไม้ 5 ชั้นที่ตั้งอยู่คู่กันซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก

เวลาทำการ : ตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ - 3 พฤศจิกายน เปิดทำการเวลา 8.00 -17:00 น.

ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน - 21 กุมภาพันธ์ เปิดทำการเวลา 8.00 -16.30 น.

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1000 เยน, เด็กประถม 500 เยน

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Yamatoji ไปลงที่สถานี Horyuji จากนั้นต่อรถบัส Nara Kotsu ไปลงที่ป้าย Horyujimon-mae ใช้เวลาประมาณ 8 นาที

7. พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา ชมวัตถุโบราณที่โตเกียวไม่มี (Nara National Museum)

7. พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา ชมวัตถุโบราณที่โตเกียวไม่มี (Nara National Museum)

เป็น 1 ใน 4 พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของญี่ปุ่น ภายในมีการแสดงมรดกทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ เช่น ห้องโถงจัดแสดงงานประติมากรรมทางพุทธศาสนาในนารา ส่วนจัดแสดงเครื่องสัมฤทธิ์รวมถึงภาพวาดและวัตถุโบราณในญี่ปุ่น ในฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีจะมีการจัดนิทรรศการโชโซะอินเต็น (Shosoin-ten) ซึ่งจะเปิดให้ชมของสมบัติล้ำค่าตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8 เป็นงานที่ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก หากใครเคยชมพิพิธภัณท์แห่งชาติที่อุเอโนะมาแล้ว เชื่อว่าจะชอบที่นี่เช่นกัน

เวลาทำการ : 09.30 -17.00 น. ทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือนเมษายนถึงตุลาคม 09.30-19.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที)
หยุดทุกวันจันทร์และวันที่ 1 มกราคม

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 520 เยน เด็ก 260 เยน

การเดินทาง : (คล้ายกับการเดินทางไปวัด Kofukuji) จากสถานี Kintetsu Nara เดินไปประมาณ 15 นาที หรือ จากสถานี JR Nara ต่อรถบัสไปลงที่ป้าย National Museum

8. ภูเขาโยชิโนะ ชมซากุระแบบเต็มภูเขาที่นารา (Mt.Yoshino)

8. ภูเขาโยชิโนะ ชมซากุระแบบเต็มภูเขาที่นารา (Mt.Yoshino)

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิภูเขาแห่งนี้คือสถานที่ชมดอกซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นโดยมีต้นซากุระนับร้อยสายพันธุ์รวมกว่า 30,000 ต้น ที่บานจากด้านล่างไล่เข้าไปด้านในภูเขาจนทำให้ภูเขาทั้งลูกกลายเป็นสีชมพูซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นโรปเวย์ชมวิวจากมุมสูงได้อีกมุมมองหนึ่ง นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงก็มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งที่ไปเที่ยวชมได้ด้วยการเดินเท้าจากภูเขาโยชิโนะ เช่นวัดคินปุเซนจิ ศาลเจ้าโยชิมิซุ เป็นต้น

เวลาทำการ : ตลอดทั้งวัน

ค่าเข้าชม : ฟรี

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Kintetsu Yoshino Line ไปลงที่สถานี Yoshino แล้วเดินอีก 3 นาทีไปขึ้นโรปเวย์ที่สถานี Senbon Sakura เพื่อไปยังสถานี Yashinoyama บนภูเขา

นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีบริการรถรับส่งระหว่างสถานี Yoshino และป้าย Naka Senbon (จุดชมดอกซากุระกลางภูเขา) ประมาณ 2-4 คัน/ชั่วโมง

9. ศาลเจ้าทานซาน (Tanzan Shrine)

9. ศาลเจ้าทานซาน (Tanzan Shrine)

ศาลเจ้าแห่งนี้คือหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงและในขณะเดียวกันสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยก็คือสถาปัตยกรรมของสิ่งปลูกสร้างภายในพื้นที่โดยเฉพาะประตูเสาโทริอิทางเข้าศาลเจ้าที่เรียงกันเป็นอุโมงค์ขึ้นเนินเขาซึ่งจะได้พบกับเจดีย์ 13 ชั้นอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของศาลเจ้า นอกจากนี้บริเวณระเบียงห้องโถงหลักของศาลเจ้ายังเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมากด้วย

เวลาทำการ : 08.30- 17.00 น.

ค่าเข้าชม : 600 เยน

การเดินทาง : จากสถานี JR Nara ขึ้นรถไฟสาย Sakurai Line ไปลงที่สถานี Sakurai ใช้เวลา 32 นาที แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Tanzan-Jinja ใช้เวลาประมาณ 25 นาที

10. พระราชวังเฮโจเคียว ศูนย์กลางของญี่ปุ่นในอดีต (Heijokyo Palace)

10. พระราชวังเฮโจเคียว ศูนย์กลางของญี่ปุ่นในอดีต (Heijokyo Palace)

เดิมเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิในสมัยที่นาราเป็นเมืองหลวง และยังใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานราชการในสมัยนั้นด้วย โดยมีสิ่งปลูกสร้างหลายจุดที่มีความน่าสนใจ เช่นประตูซูซากุ (Suzakumon) ซึ่งถือเป็นประตูใหญ่เก่าเเก่อยู่ทางทิศใต้ของพระราชวัง มีสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอยู่ทางทิศตะวันออกและปัจจุบันก็มีส่วนที่สร้างขึ้นใหม่เพิ่มเติมในรูปแบบพิพิธภัณฑ์และศูนย์แสดงนิทรรศการเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 1,300 ปี

เวลาทำการ : 09.00-16.30 น. ปิดทุกวันจันทร์และช่วงวันหยุดปีใหม่ 29 ธันวาคม - 3 มกราคม

ค่าเข้าชม : 500 เยน

การเดินทาง : จากสถานี Kintetsu Nara ต่อรถไฟไปลงที่สถานี Yamato-Saidaiji สองสถานี ใช้เวลาเพียง 5 นาที แล้วออกจากสถานีเดินไปทางทิศตะวันออกอีกประมาณ 15 นาที

know-before-you-go