แนะนำ 5 ออนเซ็นบนเกาะฮอกไกโด
Hokkaido Onsen
1 โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)
โจซังเคเป็นเมืองออนเซ็นเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ชิคทสึ-โทยะ (Shikotsu-Toya National Park) อยู่ห่างจากซัปโปโรแค่ประมาณ 50 นาที โจซังเคมีแหล่งน้ำพุร้อนอยู่ 56 แห่ง อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 60 - 80 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนของที่นี่ใส ไม่มีสี แต่มีส่วนผสมของเกลือซึ่งจะช่วยให้รู้สึกอบอุ่นสบายเวลาลงแช่ เพราะเกลือที่เกาะอยู่บนผิวจะกันไม่ให้ความร้อนในร่างกายระเหยออกไปได้ง่าย แม้หลังจากแช่เสร็จแล้ว มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดตามเส้นประสาท อาการปวดตามข้อต่างๆ รักษาโรคผิวหนังอักเสบ และดีสำหรับคนขี้หนาว
นอกจากการแช่ออนเซ็นกลางแจ้งพร้อมชมวิวสวยๆ แล้ว ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือการไปชมใบไม้เปลี่ยนสีตามจุดชมวิวต่างๆ เช่นไฮไลท์ของที่นี่บนสะพานแขวน ฟุตามิ สึริบาชิ (Futami Tsuribashi) ซึ่งทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีสวยรอบด้านและมีแม่น้ำไหลผ่านด้านล่าง ที่ล้อมรอบสะพานสีแดงสด เป็นจุดชมทัศนียภาพยอดฮิตที่จะเห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยที่สุดของเมืองออนเซนแห่งนี้ และไม่ไกลจากโจซังเคออนเซ็น ก็เป็นเขื่อนโจซังเค (Jozankei Dam) ซึ่งเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง
เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าใช้บริการแช่ออนเซ็น
ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม
การเดินทาง
สามารถนั่งรถบัส Kappa Liner Bus หรือ Jotetsu Bus จากตัวเมืองซัปโปโรไปถึงโจซังเคออนเซ็น
2 โซอุนเคียวออนเซ็น (Sounkyo Onsen)
โซอุนเคียวออนเซ็น เป็นเมืองออนเซ็นในหุบเขาที่สำคัญแห่งหนึ่งในฮอกไกโด ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของภูเขาคุโรดาเกะ (Mount Kurodake) ทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) ซึ่งมีแหล่งน้ำพุร้อนผุดขึ้นมากว่า 20 แห่ง น้ำพุร้อนที่ร้อนที่สุดมีอุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส มีส่วนผสมของซัลเฟอร์ และมีกลิ่นของกรดกำมะถันแรง คุณสมบัติของน้ำพุร้อนที่นี่คือถูสบู่แล้วไม่มีฟอง และมีสรรพคุณช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้ขึ้นชื่อว่าเป็น “น้ำพุร้อนที่ดีต่อหัวใจ”
ไฮไลท์ของที่นี่คือการแช่ออนเซ็นกลางแจ้งพร้อมชมความงดงามของโซอุนเคียว (Sounkyo) ซึ่งเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดัง ชมใบไม้เปลียนสีทั้งหุบเขาที่มีน้ำตกกิงกะ (Ginga no Taki) และน้ำตกริวเซ (Ryusei no Taki) นอกจากนี้ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงปลายเดือนมีนาคมของทุกปี ที่นี่จะมีจัดเทศกาลน้ำตกน้ำแข็ง (Sounkyo Ice Waterfall Festival หรือออกเสียงแบบญี่ปุ่น Sounkyo Onsen Hyobaku Matsuri) เป็นเทศกาลหน้าหนาวสุดอลังการที่จะได้เห็นประติมากรรมน้ำแข็งแบบต่างๆ มากมาย ไม่ใช่แค่รูปปั้น แต่เมืองทั้งเมืองจะดูเหมือนเต็มไปด้วยอาคารที่สร้างจากน้ำแข็ง น้อยแห่งจะมีให้ชมแบบนี้
เวลาทำการ
เทศกาลน้ำตกน้ำแข็งจัดขึ้นในเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี ยังไม่มีกำหนดว่าในปี 2021 จะมีการจัดหรือไม่ (เนื่องจากอิทธิพลของ COVID-19)
ค่าใช้บริการแช่ออนเซ็น
ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม
การเดินทาง
จากซัปโปโรขึ้นรถไฟ JR Limited Express Train ไปลงสถานี Kamikawa แล้วต่อรถบัสหน้าสถานีที่ป้าย Kamikawa Morinoterasu Bus ไปลงที่ป้าย Sounkyo Onsen
3 โนโบริเบ็ตสึออนเซ็น (Noboribetsu Onsen)
โนโบริเบ็ตสึออนเซ็น เป็นออนเซ็นชื่อดังของฮอกไกโด และขึ้นชื่อว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นด้วย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชิคทสึ-โทยะ (Shikotsu-Toya National Park) อยู่ห่างจากซัปโปโรประมาณ 2 ชั่วโมง โดยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 100 ทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น (Japan’s top 100 best beautiful landscapes) โดยแหล่งน้ำพุร้อนของที่นี่ผุดขึ้นมาจากหุบเขานรกจิโกะคุดะนิ (Jigokudani) ที่เต็มไปด้วยบ่อโคลน และบ่อน้ำพุร้อนที่มีแร่ธาตุแตกต่างกันไป น้ำพุร้อนมีความเป็นกรด และมีกลิ่นกำมะถันค่อนข้างแรง มาพร้อมสรรพคุณที่ช่วยในการรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพของแต่ละบ่อนำพุร้อนซึ่งมีถึง 11 บ่อนั่นเอง มีทั้งช่วยบำบัดอาการปวดเท้าของนักกีฬา ช่วยรักษาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เช่น กลาก เกลื้อน ลมพิษ บำบัดโรคโลหิตจาง โรคปวดตามเส้นประสาท ความดันโลหิตสูง โรคไต และอีกมากมาย
ไฮไลท์ของโนโบริเบ็ตสึออนเซ็นก็คือวิวบ่อนรก จิโกะคุดะนิ กับควันสีขาวที่พวยพุ่งนั่นเอง
เวลาทำการ
ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม เปิดเร็วสุดประมาณ 09.00 น. ปิดช้าสุดประมาณ 22.00 น.
ค่าใช้บริการแช่ออนเซ็น
ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ JR Sapporo ขึ้นรถบัสสายสีน้ำเงินหรือสายสีส้มไปลงป้าย Noboribetsu Onsen
4 ยุโนะคาวะ ออนเซ็น (Yunokawa Onsen)
ยุโนะคาวะ ออนเซ็น เป็นออนเซ็นชื่อดังของเมืองฮาโกดาเตะ จุดเด่นที่สำคัญอย่างนึงคือความสะดวกสบาย เพราะอยู่ในตัวเมืองฮาโกดาเตะโดยตรง ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลออกจากเมืองใหญ่ สามารถเดินทางได้ง่ายๆ ด้วยรถรางภายในเมืองเท่านั้น
น้ำพุร้อนของยุโนะคาวะ มีประวัติศาสตร์บันทึกไว้ยาวนานเกือบ 400 ปีแล้ว น้ำพุร้อนของที่นี่ไร้สีไร้กลิ่น เชื่อว่าแหล่งกำเนิดมาจากหินร้อนใต้มหาสมุทร อุดมไปด้วยเกลือคลอไรด์ที่เชื่อกันว่ามีส่วนช่วยในการบำบัดอาการปวดเส้นประสาท ปวดหลังปวดเอว โรคระบบทางเดินอาหาร และโรคไขข้อได้เป็นอย่างดี
จุดเด่นของที่นี่คือเป็นออนเซ็นที่มีทัศนียภาพงดงามเพราะอยู่ใกล้ทะเล เวลาแช่ออนเซ็นก็สามารถมองเห็นวิวที่น่าประทับใจของมหาสมุทรและภูเขาที่อยู่รายล้อมได้ มีออนเซ็นแช่เท้าที่สามารถแช่ได้ฟรีที่เรียกว่า อะชิยุ (Ashiyu) ซึ่งเป็นจุดพักผ่อนยอดนิยมของที่นี่ และช่วงปลายเดือนสิงหาคมของทุกปีก็จะมีการจัดเทศกาลการแสดงดอกไม้ไฟ ส่วนถ้าใครมาตอนฤดูหนาวก็ลองแวะไปที่สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนเมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate Tropical Botanical Garden) ซึ่งจะได้เจอภาพยอดนิยม นั่นก็คือลิงที่ลงมาแช่ออนเซ็นกันอย่างสบายตัว
เวลาทำการ
09.00 - 21.00 น.
ค่าใช้บริการออนเซ็น
แช่ออนเซ็นเท้ากลางแจ้งฟรี ออนเซ็นที่อยู่ภายในโรงแรมนั้นค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม
การเดินทาง
นั่งรถรางสาย Hakodate 2 หรือ 5 ไปลงที่สถานี Yunokawaonsen
5 โทยะโกะ ออนเซ็น (Toyako Onsen)
โทยะโกะ ออนเซ็น เป็นเมืองออนเซ็นที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) เชิงภูเขาไฟอุสุ (Mount Usu) ทางตอนกลางของเกาะฮอกไกโด เป็นออนเซ็นที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆ ของฮอกไกโดอีกแห่งหนึ่ง น้ำพุร้อนของที่นี่สีออกเหลืองอมน้ำตาล มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนเลือด ทำให้กระเพาะอาหารกับลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและข้อต่อได้เป็นอย่างดี
ความโดดเด่นของโทยาโกะ ออนเซ็นคือเป็นออนเซ็นที่ขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพสวยงามของทะเลสาบโทยะ และฉากหลังอันงดงามของภูเขาเบื้องหลัง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี สามารถแช่ออนเซ็นไปด้วยชมวิวทะเลสาบไปด้วยได้อย่างฟินสุดๆ และพิเศษช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ช่วงเย็นจะมีการแสดงดอกไม้ไฟให้ได้ชมกันกันแบบละลานตา นอกจากนี้ในช่วงหน้าหนาวก็มีการจัดงานเทศกาลแสงไฟที่ไม่อยากให้พลาดชมกันอีกด้วย
เวลาทำการ
แล้วแต่ออนเซ็นที่เลืออกใช้บริการ
ค่าใช้บริการออนเซ็น
ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ JR Hokuto จากสถานี Hakodate มาลงสถานี Toya จากนั้นต่อรถบัสไป Toyako Onsen
ผู้เขียน: hikawasa
หลังจากจบป.ตรีก็เริ่มงานในสายล่ามที่บริษัทญี่ปุ่นเช่น Satake Thailand, Hitachi Engineering & Services และรับงานล่ามให้นิตยสาร Custom Car ไปล่ามให้ตามงาน Motor Expo สักพักออกไปเรียนป.โทต่อที่ธรรมศาสตร์ ตอนทำวิทยานิพนธ์ ทาง Japan Foundation ให้ทุนนักศึกษาไปเก็บข้อมูลวิจัย ได้เห็นญี่ปุ่นในหลายมุม ปัจจุบันเป็นนักแปลฟรีแลนซ์ให้ Bongkoch Publishing, Siam Inter Multimedia Publishing, MEB Corporation ที่ทำสื่อดิจิทัลอีบุ๊คชั้นแนวหน้าของไทย และอีกมากมาย ได้โอกาสมาเป็นนักเขียนบทความท่องเที่ยวให้ AAJ ด้วย