แนะนำ 5 ออนเซ็นใกล้เมืองฟุกุโอกะ เกาะคิวชู
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu) และจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่หลากหลายรวมถึงแหล่งอนเซ็นยอดนิยมในบรรยากาศโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกระจายอยู่ทั่วภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอนเซ็นในจังหวัดฟุกุโอกะหรือจังหวัดใกล้เคียงที่สามารถเดินทางไปเที่ยวพักผ่อน แช่อนเซ็นแบบสบายๆ ได้ทุกฤดูกาล อย่างเช่น 5 แห่งที่จะแนะนำดังนี้
1. อุเรชิโนะ อนเซ็น (Ureshino Onsen) จังหวัดซากะ (Saga)
อุเรชิโนะ อนเซ็น (Ureshino Onsen) เป็นเมืองอนเซ็นในจังหวัดซากะ (Saga) ท่ามกลางบรรยากาศรายล้อมด้วยธรรมชาติและชนบทอันเงียบสงบ มีบริการอนเซ็นหลากหลายรูปแบบ อาทิ อนเซ็นกลางแจ้งในเรียวกัง โรงอาบน้ำสาธารณะเก่าแก่มีชื่อเสียงกับอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกชื่อว่า ซีโบลด์ โนะ ยุ (Siebold-no-Yu Public Bath) และมีบ่ออนเซ็นแช่เท้า (Siebold’s Footbath) ด้วย สำหรับคุณสมบัติของบ่ออนเซ็นที่นี่ส่วนใหญ่คือช่วยให้ผิวสวยใสจึงเป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้หญิง นอกจากนี้สิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างคือเต้าหู้อนเซ็นยุโดฟุ (Onsen yudofu)
นอกจากน้ำแร่แล้ว อุเรชิโนะก็ยังขึ้นชื่อในฐานะจุดชมซากุระดังของจังหวัดซากะ และยังมีเมนูสุขภาพขึ้นชื่อเป็นเต้าหู้ซึ่งทำมาจากถั่วเหลืองที่เป็นผลิตผลการเกษรตรของเมือง นำมาต้มให้ละลายในน้ำแร่จากบ่อน้ำพุร้อน ได้เป็นเต้าหู้ที่สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง ตั้งแต่เหม้อไฟเต้าหู้ทั่วไป จนถึงของหวานอย่างเช่น พาร์เฟ่ต์รสเต้าหู้
การเดินทาง : จากสถานีฮากาตะ (Hakata Station) ขึ้นรถไฟสาย Limited Express Midori – Huis ไปลงที่สถานีทาเคโอะอนเซ็น (Takeo-onsen Station) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที จากนั้นโดยสารรถบัสไปลงที่ป้าย Ureshino Onsen Bus stop ใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาที
2. เบปปุอนเซ็น (Beppu Onsen) จังหวัดโออิตะ (Oita)
เบปปุ (Beppu) คือเมืองอนเซ็นชื่อดังในจังหวัดโออิตะ (Oita) โดยในเมืองนี้มีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติกระจายอยู่จำนวนมาก และมีโรงอาบน้ำสาธารณะแบบดั้งเดิมให้บริการมากมายทั่วเมืองในราคาไม่แพง มีวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดนั้นก็คือตัวเมืองที่ปกคลุมไปด้วยไอน้ำร้อน
สำหรับอนเซ็นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างดีของนักท่องเที่ยวก็คือ การไปทัวร์บ่อนรกทั้ง 8 หรือ จิโกคุเมกุริ (Jigoku Meguri) ซึ่งแต่ละบ่อก็จะมีสีสันแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติของแร่ธาตุและสารเคมีในน้ำพุร้อน เช่น ชิโนอิเกะจิโกคุ (Chi-no-ike Jigoku) เป็นบ่อน้ำพุธรรมชาติสีแดงจากเกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างเหล็กออกไซด์กับแมกนีเซียมใต้ดิน จนมีการปะทุออกมาในลักษณะคล้ายโคลนสีแดงทำให้น้ำในบ่อกลายเป็นสีแดง จึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งที่มักเรียกกันคือ “บ่อเลือด” และนอกจากจุดชมวิวอย่างบ่อนรกทั้ง 8 แล้ว ที่เมืองเบปปุก็ยังมีแหล่งอนเซ็นและที่พักเรียวกังที่เหมาะกับการไปพักผ่อนสบายๆ อีกมากมาย
การเดินทาง : จากสถานี Hakata โดยสารรถไฟ JR Nippo Limited Express ไปลงที่สถานี Beppu ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 5 นาที
3. คุโรคาวะอนเซ็น (Kurokawa Onsen) จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto)
คุโรคาวะอนเซ็น (Kurokawa Onsen) ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมะโมโตะ (Kumamoto) ใกล้กับภูเขาไฟอะโซะ (Mt. Aso) ที่นี่คือเมืองอนเซ็นท่ามกลางทิวทัศน์แบบญี่ปุ่นแท้ๆ โดยเฉพาะอาคารบ้านเรือน เรียวกังแต่ละแห่งซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยโบราณอีกทั้งยังมีธรรมชาติของป่า ภูเขาที่ล้อมรอบรวมทั้งแม่น้ำสายใหญ่ของเมืองด้วย
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่อย่างแรกก็คือ วิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของแม่นำที่เต็มไปด้วยโคมไฟกลม ออกมาเป็นวิวที่สวยงามและไม่เหมือนใคร ส่วนอีกอย่างก็คือตั๋วสำหรับตระเวนแช่น้ำพุร้อน เป็นแผ่นไม้ที่เรียกว่า นิวโตเทงาตะ (Nyuto Tegata) ราคาแผ่นละ1,300 เยน นำไปเป็นตั๋วสำหรับแช่บ่ออนเซ็นกลางแจ้งได้ 3 แห่งตามต้องการ (จากทั้งหมด 24 แห่ง ให้เลือก) เมืองอนเซ็นแห่งนี้มีบรรยากาศที่สวยงามตลอดทั้งปี แต่ฤดูที่แนะนำคือฤดูใบไม้ร่วงราวๆ เดือนพฤศจิกายน ซึ่งเหมาะกับการแช่อนเซ็นพร้อมชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีเป็นอย่างยิ่ง
การเดินทาง : จากสถานีฮากาตะ (Hakata Station) เดินไปที่ Hakata Bus Terminal ขึ้นรถบัส Kyushu Sanko Bus หรือ Hita Bus ไปลงที่ป้าย Kurokawa Onsen ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นเดินต่อประมาณ 10 นาที
4. ฮาระซุรุอนเซ็น (Harazuru Onsen) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka)
ฮาระซุรุอนเซ็น (Harazuru Onsen) เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) มีบรรยากาศสงบเงียบแวดล้อมด้วยธรรมชาติและชนบทในเมืองอะซากุระ (Asakura) ที่นี่เต็มไปด้วยบ่ออนเซ็น โรงแรม เรียวกัง โรงอาบน้ำสาธารณะ หลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้บริการ เช่นห้องอาบน้ำแบบเปิดโล่ง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในเรื่องการเป็นแหล่งอนเซ็นที่มีคุณสมบัติจากแร่ธาตุกำมะถันช่วยทำให้ผิวพรรณงดงาม ช่วยบำรุงรักษาสุขภาพผิวหนังและบรรเทาอาการปวดเมื่อยอีกด้วย
จุดเด่นหลักของเมืองนี้ นอกจากบ่อน้ำร้อนแล้วก็ยังมีอีกสองอย่าง อย่างแรกคือจุดชมทุ่งดอกนาโนะฮานะ (Nanohana) ดอกไม้สีเหลืองอร่ามซึ่งกว้างใหญ่จนดูเหมือนทุ่งนาทั้งทุ่งกลายเป็นสีเหลือง และอีกอย่างก็คือแม่น้ำจิคุโกะ (Chikugo River) แม่น้ำสายหลักของภูมิภาคคิวชู มีจุดชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำที่สวยงาม และบางช่วงก็จะมีการจัดเทศกาลท้องถิ่นให้ได้แวะชมกันด้วย เช่นในระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน จะมีเทศกาลตกปลาแบบโบราณโดยใช้นกกาน้ำ ที่เรียกว่า “อุไค” (Ukai)
การเดินทาง : จากสถานีฮากาตะ (Hakata Station) เดินไปที่ Hakata Bus Terminal ขึ้นรถบัส Nishitetsu Express Bus ไปลงที่ป้าย Harazuru Onsen ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที
5. ฟุทสึไคชิอนเซ็น (Futsukaichi Onsen) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka)
ฟุทสึไคชิอนเซ็น (Futsukaichi Onsen) แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติเก่าแก่ที่เชื่อว่าอายุเกินหลักพันปี ตั้งอยู่ในเมืองจิคุชิโนะ (Chikushino) ไม่ไกลจากตัวเมืองฟุกุโอกะ ที่นี่มีบ่ออนเซ็นธรรมชาติหลายแห่ง รวมทั้งโรงแรม เรียวกัง และโรงอาบน้ำสาธารณะ ให้เลือกใช้บริการ โดยมีรูปแบบโรงอาบน้ำสาธารณะที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดินเรียกกันว่า”โกเซนยู” (Gozenyu) ซึ่งก็คือการแช่อนเซ็นในอ่างน้ำวนนั่นเอง ด้านคุณสมบัติของน้ำแร่อนเซ็นที่น่าสนใจก็คือน้ำพุร้อนจากใต้ดินความลึกกว่า 200 เมตรที่มีส่วนประกอบของเรดอนกับกลิ่นของกำมะถัน สามารถทำให้ผิวพรรณสดใส เรียบเนียน และช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี
จุดเด่นนอกจากอนเซ็นของที่นี่ก็คือ หากมาเที่ยวในช่วงปลายเดือนเมษายนของทุกปี ในย่านนี้ก็จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกวิสทีเรีย (Wisteria) หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่าดอกฟูจิให้ได้ชมกันด้วย ดอกฟูจิมีลักษณะเป็นดอกไม้สีม่วงสดที่ห้อยระย้า ดูเหมือนอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากดอกไม้
การเดินทาง : จากสถานีฮากาตะ (Hakata Station) ขึ้นรถไฟสาย Kagoshima line ไปลงสถานีฟุทสึไคชิ (Futsukaichi Station) ใช้เวลา 20 นาที และต่อรถแท็กซี่อีกประมาณ 5 นาที
ผู้เขียน: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)