All About Japan

10 สิ่งที่จะเกิดขึ้นในการเที่ยวยุค New Normal

ข้อมูล ครั้งแรกในญี่ปุ่น
10 สิ่งที่จะเกิดขึ้นในการเที่ยวยุค New Normal

เชื่อว่าหลายคนคงอยากไปเที่ยวกันแล้ว หลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 โลกอาจเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนเดิม วิถีชีวิตปกติก็จะถูกแทนที่ด้วยวิถีปกติใหม่หรือ New Normal และต่อไปนี้คือ 10 สิ่งเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่เรา "คาดการณ์" ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

1. นักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่น โดยรวมน่าจะน้อยลง เพราะคนทั่วไปอาจจะเน้นเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น

เหตุผลของการคาดการณ์ดังกล่าว ก็น่าจะเป็นเพราะว่านักท่องเที่ยวยังไม่มั่นใจในการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งในญี่ปุ่นก็เช่นกัน ดังนั้นจากที่เคยพบเจอนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเมื่อไปญี่ปุ่นก็อาจจะเปลี่ยนไป นั่นคือ ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ คนไทยจะน้อยลงบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวญี่ปุ่นในท้องถิ่นที่ออกมาท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลไปถึงพฤติกรรมและบรรยากาศการท่องเที่ยว ที่อาจทำให้รู้สึกว่าต้องปรับตัวตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย

อ้างอิง

2. ตามที่สาธารณะ สนามบิน ศูนย์ขนส่ง การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อาจเป็นข้อบังคับที่ต้องทำแบบถาวร

การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ที่สนามบิน สถานีรถไฟ ศูนย์รถบัสขนส่งต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนเช็คอินไปจนถึงรับกระเป๋าออกไปจากสนามบิน อาจกลายเป็นสิ่งที่เป็นข้อบังคับแบบถาวร อาทิ ระหว่างต่อแถวเช็คอินต้องยืนห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร หรืออาจจะใช้ระบบเช็คอินออนไลน์แบบ Complete ซึ่งไม่ต้องไปต่อคิวหน้าเคาน์เตอร์ และการตรวจสอบยืนยันตัวตนที่เคยใช้การสแกนลายนิ้วมือก็อาจจะเปลี่ยนเป็นการสแกนม่านตาและจดจำใบหน้าแทนเพื่อลดการสัมผัส ซึ่งก่อนหน้านี้สนามบินที่ญี่ปุ่นก็มีเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีนี้บ้างแล้ว

อ้างอิง

3. แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พัก หลังจากนี้อาจจะต้องมีการรับรองมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัย

เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวหลังจากนี้ คาดว่าสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พัก รวมถึงสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะต้องมีสัญลักษณ์การรับรองมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัย ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและในขณะเดียวกันทางด้านนักท่องเที่ยวเองก็จะต้องมีหนังสือเดินทางที่ผ่านการรับรองเรื่องสุขภาพ (Health Passport) จากประเทศต้นทางของตนเองก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยเช่นกัน

อ้างอิง

4. งานบริการบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไปใช้ระบบอัตโนมัติ (AI & Robot) มากขึ้น

ที่ต้องเปลี่ยนก็เพื่อลดการติดต่อระหว่างบุคคลนั่นเอง โดยจริงๆ แล้วที่ญี่ปุ่นในโรงแรมและร้านอาหารตามเมืองท่องเที่ยวบางแห่งช่วงก่อนหน้าที่ก็เริ่มมีการนำระบบอัตโนมัติทั้งเทคโนโลยี AI และ Robot มารองรับงานบริการลูกค้า เช่น งานต้อนรับของโรงแรม (Reception) ซึ่งหลังจากนี้ในยุค Travel New Normal ก็คงจะได้เห็นการใช้หุ่นยนต์ในงานบริการต่างๆ เพิ่มขึ้น นอกจากงานบริการก็จะมีงานทำความสะอาดในโรงแรมรวมถึงการทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารตามห้องอาหารโรงแรมและร้านอาหารทั่วไป เหล่านี้เป็นต้น

อ้างอิง

5. ไม่ต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมากเนื่องจากรูปแบบการจ่ายเงินจะกลายเป็นระบบ Cashless มากขึ้น

รูปแบบการใช้จ่ายขณะเดินทางท่องเที่ยวโดยไม่ใช้เงินสดก็ดูเหมือนจะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นการท่องเที่ยวใช้จ่ายในยุค New Normal ระบบที่เรียกว่า Cashless ก็อาจจะถูกนำมาใช้มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่านแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนและบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อลดการสัมผัสให้มากที่สุด และข้อดีอีกอย่างคือไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากเวลาไปเที่ยว ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นอีก

อ้างอิง

6. ร้านอาหารตามแหล่งท่องเที่ยวมีการจัดที่นั่งแบบเดี่ยวให้มากขึ้น แต่ที่นั่งรวมอาจน้อยลง

สิ่งหนึ่งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนที่สุดก็คือรูปแบบการจัดที่นั่งในร้านอาหาร เดิมที่ญี่ปุ่นก็มีร้านประเภทนั่งคนเดียวมากมายอยู่แล้ว เช่นตามร้านหยอดเหรียญ หรือที่ร้านดังอย่างราเมงข้อสอบ และการจัดโต๊ะนั่งคนเดียวลักษณะนี้ก็อาจจะถูกนำไปใช้กับร้านอาหารแทบทุกประเภท ตั้งแต่ร้านขนมหวาน อาหารจานด่วน ไปจนถึงร้านซูชิสายพาน คาเฟ่ ร้านกาแฟ หรือคนที่มาเป็นกลุ่มก็จะมีการจัดที่นั่งแยกและการเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม

นอกจากการจัดที่นั่งใหม่แล้ว ก็จะเน้นการสั่งกลับบ้านแทนการนั่งที่ร้านด้วยทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรักษาระยะห่างในด้านสุขอนามัยและความสะอาดปลอดภัย แต่สำหรับคนที่ไปเที่ยวแล้ว อาจจะลำบากขึ้นเพราะการจัดระยะห่างทำให้มีที่นั่งน้อยลงและต้องรอนานขึ้น ทำให้ต้องรู้จักการใช้ระบบจองล่วงหน้าที่หลายร้านอาจจะนำมาใช้มากขึ้น

อ้างอิง

7. รูปแบบของที่พักจะมีห้องพักแบบส่วนตัวมากขึ้น และที่พักแบบโฮสเทลหรือหอพักรวมอาจมีบริการน้อยลง

ที่พักประเภทโฮสเทลหรือหอพักรวม ซึ่งต้องใช้ห้องน้ำส่วนกลางร่วมกัน และนอนในห้องเดียวกันแบบเตียงสองชั้นหรือแคปซูลที่ไม่เว้นระยะห่างอาจมีบริการน้อยลง และจห้องพักแบบส่วนตัวจะเป็นที่นิยมมากขึ้น อีกทั้งเรื่องของการเข้าออกที่พัก, การเปิดปิดประตู, การใช้ลิฟต์ก็จะเน้นระบบอัตโนมัติมากขึ้น เช่น การสแกนด้วยสมาร์ทโฟน และในส่วนของบริการอาหารมื้อเช้าแบบบุฟเฟต์ก็อาจจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอาหารต่อชุดต่อคน เป็นต้น

อ้างอิง

8. การท่องเที่ยวสถานที่ห่างไกลตามชนบทที่คนไม่เยอะจะได้รับความนิยมมากขึ้น

นี่อาจจะเป็นโอกาสดีของเมืองเล็กๆ ที่คนไปท่องเที่ยวยังน้อย จากเดิมที่คนมักจะวางแผนท่องเที่ยวตามแลนมาร์กยอดนิยมของเมืองท่องเที่ยวใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่จากนี้อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้

ความต้องการท่องเที่ยวตามชนบท สถานที่ทางธรรมชาติที่ห่างไกลผู้คน หรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแต่ยังเป็ฯที่รู้จักน้อยและมีคนไม่เยอะ สิ่งเหล่านี้น่าจะได้รับความสนใจมากกว่าเดิม เนื่องจากสามารถรักษาระยะห่างได้ง่ายทำให้ไม่ต้องกังวลขณะท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้หลากหลาย เช่น เดินป่า เดินสำรวจธรรมชาติคอร์สสั้นๆ

อ้างอิง

9. การเช่ารถขับ และการท่องเที่ยวแบบกลุ่มเล็กๆ จะได้รับความนิยมมากกว่าเที่ยวกับทัวร์

เป็นพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวที่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากในยุค New Normal โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นเอง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะระบบขนส่งสาธารณะในญี่ปุ่นมีความหนาแน่นของปริมาณผู้โดยสารอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการเช่ารถยนต์ขับแบบส่วนตัวจะทำให้เกิดความรู้สึกสบายใจมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมว่ารถไฟท้องถิ่นนั้นก็ยังหนาแน่นน้อยกว่า เมื่อเทียบกับรถไฟในเมืองหรือเครื่องบิน

นอกจากนี้การท่องเที่ยวด้วยตัวเอง กับการท่องเที่ยวกลุ่มเล็กๆ จำนวนคนน้อยๆ ก็น่าจะได้รับความนิยมมากกว่าการไปเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการรักษาระยะห่างกับกลุ่มคนที่ไม่รู้จักเป็นจำนวนมากนั่นเอง

อ้างอิง

10. การเข้าสถานที่ท่องเที่ยวจะต้องมีการจองล่วงหน้า และอาจยกเลิกกิจกรรมบางอย่าง

ปกติสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในญี่ปุ่นจะมีระบบการจองล่วงหน้าและไม่รับนักท่องเที่ยววอล์กอินอยู่แล้ว เช่น พิพิธภัณฑ์สตูดิโอจิบลิ (Ghibli Museum) แต่ด้วยเหตุผลว่าที่เที่ยวเหล่านี้เป็นที่นิยมมากจนไม่สามารถรับทุกคนได้ ไม่ใช่เพราะโรคติดต่อ

แต่ต่อจากนี้ไป ระบบดังกล่าวนี้น่าจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งนี้ก็เพื่อจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวและทำให้รักษาระยะห่างได้ อย่างเช่นที่นิทรรศการ teamLab Borderless ที่เราไปพบมาว่าต่อไปนี้จะมีการจำกัดจำนวนคนแล้ว

และในส่วนของกิจกรรมบางอย่างเช่นกิจกรรมของสวนสนุกที่มีการสัมผัสใกล้ชิดหรือจับมือกับนักแสดงและหุ่นตุ๊กตา ถ้าในอนาคตไม่มีวิธีการป้องกันการติดเชื้อที่ทำให้บุคคลทั่วไปมั่นใจได้ ก็อาจถูกยกเลิกไปเลยก็เป็นได้

อ้างอิง

ทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะมีโอกาสเกิดมากหรือน้อย ก็ยังถือว่าเป็นการคาดการณ์อยู่ อาจจะเกิด อาจจะไม่เกิด ยังไม่มีใครพูดได้แน่ชัด ขออย่ากังวลจนเกินไป เพราะไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง คนก็ยังคงมีความอยากเที่ยว อยากผักผ่อน และอยากเดินทางอยู่ดี กิจการอย่างโรงแรม สนามบิน สถานที่ท่องเที่ยวก็ยังอยากต้อนรับคุณอยู่แน่นอน เพียงแต่อย่านิ่งนอนใจ ขอให้นักเดินทางคอยศึกษาโลกที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ดูแลตัวเองให้ดี และขออวยพรให้ทุกคนเดินทางอย่างปลอดภัยในโลกใบใหม่ที่เราจะต้องเจอไปด้วยกัน

know-before-you-go