8 ภูเขาดังคล้ายภูเขาไฟฟูจิ ถ่ายรูปสวย ที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง
ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.FujI) เปรียบเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่อลังการและงดงามของประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มีโอกาสไปเยือนญี่ปุ่นครั้งแรก ก็มักจะไปเยือนภูเขาไฟฟูจิ เพื่อจะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง แต่นอกจากฟูจิแล้วในญี่ปุ่นก็ยังมีภูเขาอื่นอีกหลายลูก ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายฟูจิและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย
※ หมายเหตุ บทความนี้ได้ทำการเรียบเรียงใหม่ (Re-write) ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2023
1. ภูเขาโยเทอิ (Mt.Yotei) จังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido)
ภูเขาโยเทอิ (Mt.Yotei) ตั้งอยู่ทางใต้ของฮอกไกโด (Hokkaido) ลักษณะเป็นภูเขาไฟรูปทรงกรวยที่จริงๆ แล้ว ยังไม่ดับ มีความสูง 1,898 เมตร ปล่องภูเขาไฟมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 700 เมตร และมีความลึก 200 เมตรจากจุดสูงสุด ได้รับสมญานามว่าเป็น “ฟูจิน้อย” และด้วยความโดดเด่นสูงใหญ่และทัศนียภาพที่งดงามทุกฤดู ทำให้ภูเขาโยเทอิได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ในบรรดาภูเขาหน้าคล้ายฟูจิด้วยกันแล้ว ลูกนี้ก็ถือว่าคล้ายมากเป็นพิเศษ
พื้นที่รอบๆ ภูเขาอุดมไปด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ หิมะและสกี ทะเลสาบ รวมถึงสัตว์ป่าหลากหลายพันธุ์ อีกทั้งยังมีบริการกิจกรรมแอดเวนเจอร์ให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้วย เช่น 4 เส้นทางปีนเขาโยเทอิ ซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงฤดูร้อนถึงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น
การเดินทาง : จากสถานีซัปโปโร (Sapporo Station) โดยสารรถไฟสาย JR Hakodate Line ไปลงที่สถานีโอตารุ (Otaru Station) จากนั้นเปลี่ยนรถไฟอีกต่อ (สายเดิม) เพื่อไปลงสถานีคุทจัง (Kutchan Station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นต่อรถบัสสาย Yotei Tozan Guchi ไปลงจุดบริการชมวิวและถ่ายรูปภูเขาโยเทอิที่นิเซโกะ (Niseko) ใช้เวลาอีก 20 นาที สำหรับผู้ที่ต้องการขึ้นเขา
สำหรับผู้ที่ต้องการชมอยู่ห่างๆ เพียงแค่นั่งรถไฟสายท้องถิ่นไปลงที่สถานี Kutchan, Hirafu, Niseko ก็สามารถเห็นภูเขาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเลือกที่พักตามสกีรีสอร์ทบนเนิน หรือนั่งกระเช้าขึ้นสู่เนินสูงๆ ตามลานสกีต่างๆ
2. ภูเขาอิวากิ (Mt.Iwaki) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori)
ภูเขาอิวากิ (Mt. Iwaki) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองฮิโรซากิ (Hirosaki) จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ฟูจิแห่งสึการุ" เนื่องจากมีรูปร่างหน้าตาคล้ายภูเขาไฟฟูจิ และตั้งอยู่ในสึการุ (Tsugaru) ซึ่งเป็นชื่อของพื้นที่แถวนี้ในสมัยก่อน
ช่วงฤดูหนาวบริเวณภูเขาแห่งนี้จะมีปริมาณหิมะตกค่อนข้างมาก ทำให้มีทิวทัศน์ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวเป็นทัศนียภาพที่งดงามมาก นอกจากนี้ในฤดูร้อนก็ยังสามารถทำกิจกรรมเดินป่า ปีนเขา ประเภท เทรคกิ้ง (Trekking) และไฮกิ้ง (Hiking) บนภูเขาได้ โดยจะเปิดให้บริการช่วงเดือนเมษายน –พฤศจิกายน ของทุกปี ช่วงที่แนะนำคือ ปลายเดือนเมษายน ที่จุดชมวิวบนภูเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์ดอกซากุระบานเรียงเป็นแนวยาว ราว 20 กิโลเมตร กว่า 6 พันต้น เหมาะกับการถ่ายภาพพาโนรามาเป็นอย่างยิ่ง
การเดินทาง : จากสถานีชินอาโอโมริ (Shin-Aomori Station) โดยสารรถไฟสายโออุ JR Ou Line ไปลงที่สถานีฮิโรซากิ (Hirosaki Station) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นต่อรถบัสประจำทางไปอีกประมาณ 55 นาทีก็จะถึงภูเขาอิวากิชั้นที่ 8 แต่สำหรับผู้ที่ไม่ปีน สามารถชมภูเขาอิวากิได้จากหลายจุดในเมืองฮิโรซากิ เช่นบริเวณรอบปราสาท
3. ภูเขาไดเซน (Mt.Daisen) จังหวัดทตโตริ (Tottori)
ภูเขาไดเซน (Daisen) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดทตโตริ (Tottori) เป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่และมีความสูง 1,729 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในอดีตได้ชื่อว่าเป็นภูเขาแห่งพระเจ้า ถ้าภูเขาไฟฟูจิคือภูเขาไฟที่ยิ่งใหญ่ในฝั่งตะวันออก ภูเขาไดเซนก็ยิ่งใหญ่เปรียบได้กับฟูจิแห่งฝั่งตะวันตกตามความเชื่อของผู้คนในสมัยนั้น
จุดเด่นของภูเขาไดเซน นอกจากความยิ่งใหญ่และธรรมชาติรายล้อมอย่างอุดมสมบูรณ์ ก็คือทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม และพีคที่สุดราวๆ ต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะได้พบกับภาพภูเขาไดเซนที่ถูกย้อมด้วยสีเหลือง ส้ม แดง ถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสืที่ได้มีชื่อเสียงมากในภูมิภาคชูโกกุ นอกจากนี้ในฤดูอื่นๆ ก็ยังมี กิจกรรมน่าสนใจต่างๆ เช่น การตั้งแคมป์ ปีนเขา เดินสำรวจธรรมชาติในฤดูร้อน
การเดินทาง : จากสถานีโยนาโกะ (Yonago Station) ขึ้นรถบัสนำเที่ยวสายไดเซนจิ (Daisenji) ไปลงรถที่ป้ายไดเซนจิ (Daisenji Bus Stop) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที แล้วเดินต่อ 15-20 นาที
4. ภูเขาไคมงดาเกะ (Mt.Kaimondake) จังหวัดคาโกชิมะ (Kagoshima)
ภูเขาไคมงดาเกะ (Mt.Kaimondake) ตั้งอยู่ในเมืองอิบุสุกิ (Ibusuki) ในจังหวัดคาโกชิมะ ลักษณะเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับรูปทรงกรวยสูง ความสูงประมาณ 924 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล มีสมญานามว่า The Fuji of Satsuma โดยชื่อซัทสึมะ (Satsuma) ก็คือชื่อคาบสมุทรทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาโกชิมะ แม้ว่าจะมีรูปร่างค่อนข้างเล็ก แต่ก็มีทิวทัศน์ที่สวยงาม เพราะอยู่ใกล้กับเมืองชายทะเล มีมุมที่สามารถมองเห็นทั้งภูเขาไคมงดาเกะ และท้องทะเลกว้างใหญ่ได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งยังมีจุดชมวิวทะเลสาบอิเคดะ (Lake Ikeda) ที่มีชื่อเสียง และมองเห็นวิวภูเขาไคมงดาเกะในอีกมุมหนึ่ง นอกจากนี้พื้นที่รอบภูเขากับทะเลก็ยังเป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติและออนเซ็นทรายร้อน ซึ่งความมหัศจรรย์ของทรายสีดำบนชายหาดเมืองอิบุสุกิส่วนหนึ่งก็มาจากภูเขาไคมงดาเกะที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันนั่นเอง
การเดินทาง : จากสถานีคาโกชิมะชูโอ (Kagoshima-Chuo Station) โดยสารรถไฟสาย JR Ibusuki Makurazaki Line ไปลงที่สถานีไคมง (Kaimon Station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างนั่งรถไฟสามารถเห็นภูเขาได้อย่างชัดเจนจากหลายสถานี
5. ภูเขาริชิริ (Mt.Rishiri) จังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido)
ภูเขาริชิริ (Mt. Rishiri) เป็นภูเขาไฟที่สงบแล้ว ตั้งอยู่บนเกาะริชิริ (Rishiri Island) เกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากฮอกไกโดราวๆ 20 กิโลเมตร มีสมญานามว่า “ริชิริฟูจิ (Rishiri Fuji)” หรือ ภูเขาฟูจิแห่งริชิริ เนื่องจากมีรูปร่างหน้าตาทรงกรวยคล้ายภูเขาไฟฟูจิ โดยมีความสูงประมาณ 1,721 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และโดดเด่นกว่าภูเขาคล้ายฟูจิอื่นๆ ตรงที่ถ้าหากมองจากแผ่นดินใหญ่ของฮอกไกโด จะดูเหมือนภูเขาที่ตั้งอยู่ในทะเลโดยไม่มีแผ่นดินล้อมรอบ
รอบพื้นที่ภูเขาแห่งนี้บนเกาะริชิริ เต็มไปด้วยธรรมชาติของป่าดึกดำบรรพ์กับแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ มีเส้นทางเดินป่าสำรวจธรรมชาติ และเส้นทางปีนเขา เส้นทางปั่นจักรยาน จุดตั้งแคมป์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมแอดเวนเจอร์ด้วย หรือจะเช่ารถยนต์ขับชมทิวทัศน์ก็ได้ ช่วงเวลาที่แนะนำคือ ฤดูร้อน ราวๆ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งบรรยากาศแวดล้อมบนเกาะและภูเขาไฟค่อนข้างแจ่มใส เหมาะกับการทำกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลาย
การเดินทาง : โดยสารเครื่องบินภายในประเทศจากสนามบินนิวชิโตะเซะ (New Chitose Airport) ไปยังเกาะริชิริ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที (บริการเส้นทางบินเฉพาะเดือนมิถุนายน-กันยายนของทุกปี) หรือเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากเมืองวัคคะไน (Wakkanai) ไปที่ท่าเรือโอชิโดมาริ (Oshidomari Port) บนเกาะริชิริ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที (ให้บริการวันละ 2-4 เที่ยว)
6. ภูเขาโชไค (Mt.Chokai) จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) และอาคิตะ (Akita)
ภูเขาโชไค (Mt.Chokai) ตั้งอยู่ในพื้นที่ครอบคลุมสองจังหวัดคือยามากาตะ (Yamagata) และอาคิตะ (Akita) มีชื่อเสียงในฐานะภูเขาแสนงามที่มีหิมะปกคลุมไม่ว่าจะมองจากเชิงเขาหรือยอดเขาก็สวยงามและเป็นภูเขาไม่กี่แห่งที่เริ่มต้นที่ 0 เมตรจากระดับน้ำทะเลญี่ปุ่นและตั้งตระหง่านขึ้นไปถึงความสูง 2,236 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นภูเขาสูงสง่างามที่มองดูคล้ายภูเขาฟูจิจึงทำให้ได้รับสมญานามว่า "ฟูจิแห่งเดะวะ"
จุดเด่นของภูเขาแห่งนี้คือภาพหิมะตรงปลายยอดอันสวยงามเพราะเป็นภูเขาลูกเดี่ยวทัศนวิสัยจึงเปิดโล่งมองเห็นวิวได้รอบทิศ อีกทั้งยังสามารถปีนภูเขาโชไคได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม นอกจากนี้ยังมีออนเซ็นธรรมชาติสำหรับพักผ่อนหลังปีนเขาอยู่ที่ทางขึ้นเขาชื่อ “ยุโนะไดกุจิ” มีให้บริการทั้งแบบเข้าพักค้างคืนหรือแช่ออนเซ็นเพียงอย่างเดียว
การเดินทาง : จากสถานี JR Sakata บนสาย Uetsu Main Line ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ไปถึง ยุโนะไดกุจิ ใช้เวลา 40 นาที (ในช่วงเปิดให้ปีนเขาจะมีรถสาธารณะให้บริการรับส่ง)
7. ภูเขาอิโนะยามะ (Mt.Iinoyama) จังหวัดคางาวะ (Kagawa)
ภูเขาอิโนะยามะ (Mt. Iinoyama) ในจังหวัดคางาวะ (Kagawa) เป็นภูเขาที่มีความสูงราว 422 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างเมืองมารุกาเมะ (Marugame) และเมืองซาไคเดะ (Sakaide) เปรียบเหมือนสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของคางาวะ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าซานุกิ ฟูจิ (Sanuki Fuji) ความหมายคือ ฟูจิในซานุกิ ซึ่งซานุกิ เป็นชื่อเดิมของจังหวัดคางาวะ ด้วยรูปร่างของภูเขาที่ดูสง่างามคล้ายภูเขาฟูจิจึงเป็นที่มาของชื่อนี้นั่นเอง
นอกจากนี้ทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามทุกฤดูกาลของภูเขาอิโนะยามะยังทำให้ถูกกล่าวถึงในบทกวีคลาสสิกของญี่ปุ่นในอดีตอยู่เสมอ โดยเฉพาะในหลายๆ บทกลอนของ ไซเกียว โฮชิ (Saigyo Hoshi) นักกวีชาวญี่ปุ่นช่วงปลายยุคเฮอัน
การเดินทาง : จากสถานี Marugame บนสาย JR Yosan Line ขึ้นรถบัสชุมชน Marugame ที่มุ่งหน้าไปยัง Marugame Danchi และลงที่ Iinoyamatozanguchi มีรถโดยสารประจำทาง 7 คันต่อวัน ใช้เวลาเดินทาง 25 นาที
8. ภูเขานันไท (Mt.Nantai) จังหวัดโทชิกิ (Tochigi)
ภูเขานันไท (Mt.Nantai) เป็นภูเขาในเขตอุทยานธรรมชาตินิกโก้ (Nikko) จังหวัดโทชิกิ (Tochigi) ที่มีความสูงถึง 2,486 เมตร และตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบชูเซนจิ (Chuzenji) ทำให้บริเวณรอบๆ ภูเขามีทิวทัศน์งดงามด้วยป่าไม้และความสวยงามใสสะอาดของทะเลสาบชูเซนจิ ช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยวชมเป็นพิเศษคือฤดูใบไม้ร่วงกับวิวใบไม้เปลี่ยนสี
ภูเขานันไทมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าชิโมสึเกะ ฟูจิ (Shimotsuke Fuji) กิจกรรมที่ได้รับความนิยมอีกอย่างเมื่อมาเยือนที่นี่คือการปีนเขาและเดินป่าซึ่งมีหลายเส้นทางที่สามารถขึ้นไปบนภูเขาได้ แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะเลือกเส้นทางที่ผ่านศาลเจ้าฟุตาระซัง (Futarasan Jinja) ซึ่งมีทางขั้นบันไดและรูปปั้นที่สวยงามให้ได้ชม
การเดินทาง : เริ่มต้นจากนิกโก้ขึ้นรถประจำทาง Bus Yumoto Hot Spring ไปลงที่ป้าย Futarasan Jinjamae แล้วก็เดินไปที่บริเวณภูเขาได้เลย
บทส่งท้าย
เป็นอย่างไรบ้างคะกับภูเขาในญี่ปุ่นที่เรานำเสนอไปในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าไม่เพียงแต่ภูเขาไฟฟูจิเท่านั้น ยังมีภูเขาอีกมากมายในญี่ปุ่นที่สวยไม่แพ้กัน หากเพื่อนๆ ไม่ได้แวะไปแถวภูเขาไฟฟูจิก็ไม่เป็นไร เพราะยังมีภูเขาเหล่านี้ให้ได้แวะไปเที่ยวหรือถ่ายรูปเหมือนกัน แล้วพบกันใหม่บทความถัดไป สุดท้ายนี้อย่าลืมติดตาม All About Japan และช่องทาง Social Media ของเรากันด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/AllAboutJapan.th
https://www.instagram.com/allabout_japan_thai/
ผู้เขียนและเรียบเรียงใหม่: หนึ่ง
นักอ่านและนักเขียนที่ชอบการเดินทางไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น รักการดูอนิเมะญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ :)