All About Japan

รวม 20 จุดชมวิวหิมะแสนสวยทั่วประเทศญี่ปุ่น

ภูเขา ทะเลสาบ หิมะ
รวม 20 จุดชมวิวหิมะแสนสวยทั่วประเทศญี่ปุ่น

ฤดูหนาวของญี่ปุ่นอาจยังไม่เป็นที่จดจำเท่าซากุระในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้หลากสีสันยามฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับสถานที่ 20 แห่งที่สามารถสัมผัสกับวิวหิมะสวยๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็น และต้องการเก็บกระเป๋ามาสัมผัสความสวยงามเหล่านี้ด้วยตาตัวเองดูสักครั้ง

1. ภูเขาซาโอะ จ. ยามากาตะ (Mount Zao, Yamagata)

1. ภูเขาซาโอะ จ. ยามากาตะ (Mount Zao, Yamagata)

https://pixta.jp/

ภูเขาซาโอะเป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคโทโฮคุ มีแนวภูเขาทอดยาวปกคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดยามากาตะและจังหวัดมิยางิ โดยในช่วงฤดูหนาวนั้นภูเขาซาโอะเป็นลานสกียอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยว แต่นอกจากนั้นแล้วภูเขาแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่จุดที่สามารถพบปรากฏการณ์พิเศษซึ่งเรียกว่าปิศาจหิมะ หรือ Snow Monster ซึ่งเกิดจากหิมะที่ตกลงมาทับถมต้นไม้บนภูเขาจนมีลักษณะเหมือนปิศาจตัวสูงใหญ่ ยิ่งในบริเวณที่มีต้นไม้สูงอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งดูเหมือนมีปิศาจนับร้อยตัวจนกลายเป็นภาพที่สวยงามแปลกตา แม้แต่ในตอนกลางคืนก็ไม่ได้ดูน่ากลัว เนื่องจากยังมีการประดับแสงไฟเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับบรรดาปิศาจหิมะเหล่านี้อีกด้วย

การเดินทาง : สถานีรถไฟยามากาตะ (Yamagata Station) ต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Zao Onsen

2. ทะเลสาบอะคัง จ. ฮอกไกโด (Lake Akan, Hokkaido)

2. ทะเลสาบอะคัง จ. ฮอกไกโด (Lake Akan, Hokkaido)

https://pixta.jp

ตามทะเลสาบต่างๆ ในช่วงฤดูหนาวนั้นถือว่าเป็นจุดชมวิวธรรมชาติที่สวยงามแทบทุกแห่งอยู่แล้ว แต่ที่ทะเลสาบอะคังในเมืองคุชิโร่ (Kushiro) นั้นมีความพิเศษกว่าทะเลสาบแห่งอื่นๆ ตรงที่มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยากอย่าง “ดอกไม้หิมะ” หรือ “Frost Flower” ซึ่งเกิดจากหิมะที่ตกลงมาบนพื้นน้ำแข็งในสภาวะที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศา จนทำให้เกล็ดน้ำแข็งจากหิมะนั้นค่อยๆ สะสมและขยายตัวออกจนมีลักษณะเป็นเหมือนกับดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ที่ผลิบานอยู่บนพื้นทะเลสาบ

การเดินทาง : สถานีรถไฟคุชิโร่ (Kushiro Station) ต่อรถบัสไปลงป้าย Lake Akan

3. คิโนซากิออนเซ็น จ. เฮียวโงะ (Kinozaki Onsen, Hyogo)

3. คิโนซากิออนเซ็น จ. เฮียวโงะ (Kinozaki Onsen, Hyogo)

https://pixta.jp

คิโนซากิออนเซ็นถือเป็นออนเซ็นเก่าแก่ที่มีความเป็นมามากกว่าหนึ่งพันปีและยังมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคคันไซ บรรยากาศของออนเซ็นแห่งนี้เต็มไปด้วยอาคารไม้สไตล์ญี่ปุ่นโบราณที่เรียงรายอยู่สองฟากฝั่ง และคั่นกลางด้วยแม่น้ำสายเล็กๆ และยังมีการปลูกต้นหลิวเอาไว้ริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งแม้แต่ในช่วงเวลาทั่วไปก็ถือว่ามีความสวยงามและแฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม แต่ในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะโปรยปรายลงมาปกคลุมออนเซ็นแห่งนี้ ยิ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากขึ้นไปอีก และยังเป็นหนึ่งในไม่กี่จุดในภูมิภาคคันไซที่มีโอกาสได้สัมผัสกับหิมะในฤดูหนาว ท่ามกลางบรรยากาศอันคลาสสิค และยังมีบ่อออนเซ็นชั้นดีไว้แช่ตัวคลายหนาวอยู่ถึง 7 แห่ง

การเดินทาง : สถานีรถไฟคิโนซากิออนเซ็น (Kinosakionsen Station)

4. คิบุเนะ จ. เกียวโต (Kibune, Kyoto)

4. คิบุเนะ จ. เกียวโต (Kibune, Kyoto)

https://pixta.jp

นอกจากวัดเก่าแก่ที่เป็นมรดกโลกและย่านเมืองเก่าอันสวยงาม ในเกียวโตนั้นยังมีเมืองขนาดเล็กบนหุบเขาทางตอนเหนือที่ชื่อว่า “คิบุเนะ” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกและสายน้ำไหลผ่าน และยังมีศาลเจ้าเก่าแก่อยู่บนภูเขา โดยในฤดูร้อนนั้น คิบุเนะเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงจากวัฒนธรรมการทานโซเมนบนกระบอกไม้ไผ่และการทานอาหารเหนือแม่น้ำ แต่ในฤดูหนาวนั้นคิบุเนะก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มักจะมีหิมะตกลงมา และจุดที่มีความสวยงามมากที่สุดก็คือตามบันไดหินที่ขึ้นไปยังศาลเจ้าคิบุเนะ ซึ่งสองข้างทางนั้นมีโคมไฟสีแดงสดตั้งเรียงรายตัดกับสีขาวของหิมะอย่างสวยงาม

การเดินทาง : สถานีรถไฟคุรามะ (Kurama Station)

5. เมืองบิเอะ จ. ฮอกไกโด (Biei, Hokkaido)

5. เมืองบิเอะ จ. ฮอกไกโด (Biei, Hokkaido)

https://pixta.jp

ในช่วงฤดูร้อนนั้น เมืองบิเอะได้รับความนิยมจากทุ่งดอกไม้นานาชนิดที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ในฤดูหนาวที่ไม่มีแม้แต่ดอกไม้อยู่เลยสักต้น เนินปลูกดอกไม้ที่ถูกหิมะทับถม มีเพียงต้นสนเพียงไม่กี่ต้นที่ยืนอยู่อย่างโดดเด่นก็ได้กลายมาเป็นภูมิประเทศอันสวยงามและแปลกตา บวกกับชื่อเสียงของบลูพอนด์ (Blue Pond) สระน้ำสีฟ้าบริสุทธิ์ที่หลายคนคุ้นตา และน้ำตกชิโรฮิเกะ (Shirohige Falls) น้ำตกริมหน้าผาซึ่งกลายเป็นน้ำแข็ง ทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้บิเอะกลายเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง

การเดินทาง : สถานีรถไฟบิเอะ (Biei Station)

6. เมืองโอตารุ จ.ฮอกไกโด (Otaru, Hokkaido)

6. เมืองโอตารุ จ.ฮอกไกโด (Otaru, Hokkaido)

https://pixta.jp

ด้วยระยะห่างจากการนั่งรถไฟจากเมืองซัปโปโรประมาณ 35 นาที โอตารุจึงมักจะเป็นเมืองรองที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยือนคู่กับเมืองหลักอย่างซัปโปโรเสมอ และถึงแม้จะเป็นเมืองเล็กๆ ที่แวะมาเที่ยวได้แบบไปเช้าเย็นกลับ แต่เสน่ห์และความสวยงามของเมืองนี้อยู่ที่บรรดาตึกสไตล์ยุโรปเก่าแก่ที่กระจายตัวอยู่รอบเมือง โดยเฉพาะบริเวณคลองโอตารุ (Otaru Canal) ที่เต็มไปด้วยตึกสวยๆ สองฝั่งคลอง และบรรยากาศภายในเมืองจะยิ่งมีเสน่ห์ขึ้นไปอีกในช่วงฤดูหนาว จากหิมะสีขาวที่ตกโปรยปรายทั่วทั้งเมืองและปกคลุมตามอาคารต่างๆ จนให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองเล็กๆ ในแถบยุโรป แถมยังมีการประดับไฟบริเวณริมคลองยามค่ำคืน ที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้มีความโรแมนติคมากกว่าเดิมเข้าไปอีก

การเดินทาง : สถานีรถไฟโอตารุ (Otaru Station)

7. เมืองฮาโกดาเตะ จ. ฮอกไกโด (Hakodate, Hokkaido)

7. เมืองฮาโกดาเตะ จ. ฮอกไกโด (Hakodate, Hokkaido)

https://pixta.jp

อีกหนึ่งเมืองใหญ่ของจ. ฮอกไกโดซึ่งมีชื่อเสียงจากการเป็นเมืองท่าสำคัญของภูมิภาคนี้มาอย่างยาวนาน จนทำให้ภายในเมืองสิ่งก่อสร้างสไตล์ตะวันตกอันสวยงามอยู่มากมาย แถมในปัจจุบันยังสามารถขึ้นรถไฟชินคันเซ็นตรงมาจากโตเกียวได้อย่างสะดวกสบาย ฮาโกดาเตะจึงกลายเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะเสน่ห์จากความสวยงามในฤดูหนาวตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างป้อมดาวห้าแฉก หรือป้อมโกเรียวกาคุ (Goryokaku) โกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) และที่พลาดไม่ได้ก็คือการขึ้นกระเช้าไปยังภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate) เพื่อชมวิวทิวทัศน์ของเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 วิวกลางคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น

การเดินทาง : สถานีรถไฟฮาโกดาเตะ (Hakodate station)

8. เมืองทาคายาม่า จ. กิฟุ (Takayama, Gifu)

8. เมืองทาคายาม่า จ. กิฟุ (Takayama, Gifu)

https://pixta.jp

เชื่อว่าแพลนท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นมักจะมีชื่อของหมู่บ้านชิราคาวาโกะอยู่ด้วยเสมอ แต่ภายในเมืองทาคายาม่า ซึ่งเป็นจุดแวะพักก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านชิราคาวะโกะในช่วงฤดูหนาวนั้นก็ยังมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เนื่องจากภายในเมืองทาคายาม่านั้นมีทั้งย่านเมืองเก่าที่มีกลิ่นอายไม่ต่างจากย่านเมืองเก่าในเกียวโต รวมถึงสะพานนาคะบาชิ (Nakabashi Bridge) สะพานไม้สีแดงสดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง เมื่อมีหิมะสีขาวที่โปรยปรายลงมาปกคลุมเมือง บวกกับบรรยากาศอันเงียบสงบและถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยภูเขาหิมะรอบทิศ ก็ได้สร้างบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ที่หาชมจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในภูมิภาคชูบุไม่ได้อีกแล้ว

การเดินทาง : สถานีรถไฟทาคายาม่า (Takayama) หรือขึ้นรถบัสตรงมาจากโตเกียวและเมืองรอบๆ

9. เมืองคานาซาว่า จ. อิชิคาวะ (Kanazawa, Ishikawa)

9. เมืองคานาซาว่า จ. อิชิคาวะ (Kanazawa, Ishikawa)

https://www.flickr.com/photos/mshades/2761029/

คานาซาว่าถือเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงศิลปะวัฒนธรรมที่ครบครันเป็นอย่างยิ่ง ภายในเมืองมีทั้งสวนญี่ปุ่นที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ มีปราสาทกลางเมือง มีย่านเมืองเก่าถึงสองแห่ง และมีหอศิลป์อันทันสมัย โดยหากมาเยือนเมืองนี้ในฤดูหนาว จุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือสวนเคนโรขุ (Kenrokuen Garden) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามสวนญี่ปุ่นที่มีภูมิทัศน์สวยงามมากที่สุด ทำให้แม้กระทั่งในฤดูหนาวที่ไม่มีดอกไม้สวยๆ เหลืออยู่สักต้น แต่สวนแห่งนี้ก็ยังคงมีเสน่ห์จากพื้นที่ที่จัดสรรเอาไว้อย่างสวยงาม บวกกับ “ยูคิตซุริ” (Yukitsuri) หรือการผูกเชือกถักเหนือต้นสนเพื่อไม่ให้หิมะทับถมมากจนเกินไปซึ่งได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูหนาวของสวนแห่งนี้ หรือใครที่อยากสัมผัสกับหิมะท่ามกลางบรรยากาศแบบย้อนยุค อีกสองจุดที่แนะนำก็คือย่านเมืองเก่าฮิกาชิ ชายะ (Higashi Chaya) และนิชิ ชายะ (Nishi Chaya) ที่เต็มไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่นโบราณตลอดสองฝั่งถนน

การเดินทาง : สถานีรถไฟคานาซาว่า (Kanazawa Station)

10. หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ จ. ฟุกุชิมะ(Ouchijuku, Fukushima)

10. หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ จ. ฟุกุชิมะ(Ouchijuku, Fukushima)

https://pixta.jp

ภาพความงามของหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะในจ. กิฟุท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายในช่วงฤดูหนาว น่าจะเป็นภาพที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว เราจึงอยากแนะนำหมู่บ้านโบราณอีกแห่งหนึ่งซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และยังมีเอกลักษณ์และความสวยงามใกล้เคียงกัน นั่นก็คือหมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ ในจ. ฟุกุชิมะ ซึ่งในสมัยเอโดะ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นจุดพักยอดนิยมระหว่างเส้นทางค้าขายตามเมืองใหญ่ต่างๆ และในปัจจุบันก็ได้มีการอนุรักษ์บ้านโบราณอายุหลายร้อยปีเหล่านี้เอาไว้เป็นจำนวนกว่า 50 หลัง ซึ่งในช่วงฤดูหนาวนั้น พื้นที่ของหมดของหมู่บ้านจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนา ห้อมล้อมไปด้วยแนวภูเขาหิมะโดยรอบ และจะยิ่งมีความสวยงามเป็นพิเศษในยามค่ำคืนเมื่อมีการเปิดไฟประดับไปทั่วทั้งหมู่บ้าน

ค่าเข้าชม : 250 เยน
เวลาเปิดทำการ : 09.00 – 16.30 น.
การเดินทาง : สถานีรถไฟยูโนะคามิออนเซ็น (Yunokami Onsen Station)

  • 1
  • 2
  • 1
  • 2
  • 1
  • 2
know-before-you-go