จากแดนเหนือกระโดดข้ามไปแดนใต้กันบ้าง เป็นฝั่งที่นักท่องเที่ยวเยอะเนื่องจากมีฮาโกดาเตะ (Hakodate) ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญของฮอกไกโด โดยท่าเรือฮาโกดาเตะนี้เปิดทำการในฐานะท่าเรือขนส่งสินค้าจากต่างประเทศแห่งแรกของญี่ปุ่นพร้อมๆกับนางาซากิและโยโกฮาม่าในประมาณปี 1859 เราจะได้เห็นวัฒนธรรมที่หลากหลายของที่นี่จากสถาปัตยกรรมต่างๆทั้งญี่ปุ่นและนานาชาติ

สำหรับที่เที่ยวแถวท่าเรือ คิดว่าน่าจะเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับโกดังอิฐแดงคาเนโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse) โกดังทำด้วยอิฐสีแดงที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำของอ่าวฮาโกดาเตะ สร้างขึ้นจากการนำคลังสินค้าอิฐแดงที่เคยใช้ทำการค้าในสมัยเอโดะมาปรับปรุงใหม่เป็นศูนย์รวมการช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ร้านขนม คาเฟ่ และร้านจำหน่ายของฝากมากมาย บรรยากาศออกสไตล์ย้อนยุคให้ความรู้สึกว่าคลาสสิกดี ยิ่งถ้าเป็นช่วงคริสต์มาสจะครึกครื้นเป็นพิเศษเพราะมีการจัดงานฮาโกดาเตะคริสต์มาสแฟนตาซี (Hakodate Christmas Fantasy) โดยจะนำต้นคริสมาสต์ขนาดยักษ์มาตกแต่งและประดับไฟสวยงาม

เวลาทำการ
09.30 - 19.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
จากสถานี Hakodate เดินไปอีกประมาณ 15 - 20 นาที

ถัดมาเป็นแลนด์มาร์กสำคัญแห่งหนึ่งของฮาโกดาเตะที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั่นก็คือป้อมโกเรียวคาคุ (Fort Goryokaku) ป้อมปราการรูปดาวห้าแฉกซึ่งตั้งอยู่ในสวนชื่อเดียวกัน เดิมทีเป็นป้อมปราการที่ใช้เป็นป้อมปืนใหญ่สำหรับป้องกันเมืองฮาโกดาเตะจากการรุกรานของจักรวรรดินิยมในสมัยเอโดะ เรียกว่าเป็นฐานทัพของฮาโกดาเตะในสมัยนั้น ภายหลังหมดสงครามก็ปรับเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะในปี 1914 แล้วสวนนี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตในการชมดอกซากุระช่วงฤดูใบไม้ผลิของฮอกไกโดอีกด้วยนะ

เวลาทำการ
21 เมษายน - 20 ตุลาคม 08.00 - 19.00 น.
21 ตุลาคม - 20 เมษายน 09.00 - 18.00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 900 เยน
นักเรียนมัธยมต้น - มัธยมปลาย 680 เยน
นักเรียนประถม 450 เยน
เด็กเล็ก ฟรี
การเดินทาง
- ขึ้นรถรางจากสถานี Hakodate-ekimae มาลงสถานี Goryokaku Koenmae แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที
- นั่งรถบัสของเมืองฮาโกดาเตะไปลงป้าย Goryokaku เดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที หรือลงป้าย Goryokaku Koen-iriguchi แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 7 นาที

ที่จังหวัดฮอกไกโดก็มีออนเซ็นเลื่องชื่อเหมือนกันนะ ถูกจัดเป็น 1 ใน 100 ออนเซ็นที่ทิวทัศน์งดงามที่สุดในญี่ปุ่น (Japan’s top 100 best beautiful landscapes) อีกทั้งเป็นบ่อออนเซ็นธรรมชาติที่ประสิทธิภาพเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่นเชียวล่ะ มีบ่อให้แช่ออนเซ็นเพื่อสุขภาพที่แร่ธาตุต่างกันไปถึง 11 บ่อ

ออนเซ็นที่พูดถึงก็คือโนโบริเบ็ตสึออนเซ็น (Noboribetsu Onsen) นั่นเอง กล่าวกันว่าโนโบริเบ็ตสึออนเซ็นถูกค้นพบโดยคนของรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งแต่ฮอกไกโดถูกปกครองเมื่อประมาณปี 1800 แต่ก็มีความเชื่อกันว่าชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในฮอกไกโดรู้จักโนโบริเบ็ตสึออนเซ็นมานานแล้ว และพวกเขาแช่ออนเซ็นเพื่อรักษาอาการป่วยและอาการบาดเจ็บ บ่อออนเซ็นที่มีชื่อเสียงที่สุดคือบ่อจิโงคุดานิ หรือหุบเขานรก (Hell Valley)

เวลาทำการ
ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม เปิดเร็วสุดประมาณ 09.00 น. ปิดช้าสุดประมาณ 22.00 น.
ค่าใช้บริการ
ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรม ประมาณ 500 - 2000 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถบัสสายสีน้ำเงินหรือสายสีส้มไปลงป้าย Noboribetsu Onsen

พื้นที่เขตโดโอหรือโซนภาคกลางของจังหวัดฮอกไกโดก็มีสถานที่เที่ยวดีๆหลายแห่ง ทั้งแบบที่เที่ยวทางธรรมชาติและเมืองน่ารักๆ

แหลมคามุย (Kamui Misaki) ของเมืองชาโคตัน (Shakotan) ในกิ่งจังหวัดชิริเบชิ เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของคาบสมุทรชาโคตัน (Shakotan Peninsula) เป็นแหลมหินที่ยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ประมาณ 770 เมตร มีทางเดินเล็กๆ ทอดยาวและคดเคี้ยวไปตามเนินเขาเขียวชอุ่ม ล้อมรอบด้วยทะเลสีฟ้าทั้งสองด้าน ปลายแหลมมีประภาคารสีขาวดำตั้งอยู่โดดเด่น เป็นแหลมเพียงแห่งเดียวในจังหวัดฮอกไกโดที่สามารถชมวิวทะเลได้แบบนี้ แนะนำให้ไปถ่ายรูปคู่กับวิวสวยๆที่แหลมคามุยกันนะ

เวลาทำการ
08.00 - 18.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถบัสสาย Hokkaido Chuo bus จากป้าย Otarueki-mae bus terminal ของเมืองโอตารุ (Otaru) ไปลงที่ป้าย Kamui misaki

มาเที่ยวฮอกไกโดทั้งที เรายังไม่ได้ไปเล่นสกีกันเลย ที่เมืองนิเซโกะ (Niseko) ขึ้นชื่อว่าหิมะมีคุณภาพดีที่สุดในญี่ปุ่นเนื้อหิมะนุ่มเนียนละเอียดเหมือนกับผงแป้งเลยทีเดียว นิเซโกะจึงเป็นสกีรีสอร์ตที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเล่นสกีเมืองนิเซโกะกันมากมายแล้วเราจะพลาดได้ยังไง ไปลุยลานสกีให้เต็มที่กันดีกว่า ที่นิเซโกะประกอบไปด้วยลานสกีหลายแห่งส่วนใหญ่อยู่แถวเชิงเขานิเซโกะอันนุปุริ (Niseko Annupuri Mountain) เช่น Niseko Annupuri, Niseko Village Hanazono และ Niseko Grand Hirafu ซึ่งเป็นลานใหญ่ที่สุด ซึ่งมีคอร์สสกีให้เล่น 13 คอร์ส มีตั้งแต่ง่ายไปถึงยากสุดท้าทายแบบเอ็กซ์ตรีมกันไปเลย หากอยากเล่นสกีที่นี่ก็แนะนำให้จองรีสอร์ทแถวนี้ซักคืนด้วย เพราะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับจากเมืองที่ใกล้ที่สุดอย่างซัปโปโรก็ยังออกเสียเวลาไปนิด

เวลาทำการ
ช่วงเดือนพฤศจิกายน - พฤษภาคม
ค่าใช้จ่าย
บัตรเล่นสกี Niseko All Mountain Pass 7400 เยน เล่นได้ทุกลานสกีของพื้นที่ภูเขาอันนุปุริ
ถ้าเข้าพักในรีสอร์ต ราคาจะต่างกันดังนี้
Niseko Grand Hirafu
เต็มวัน 5900 เยน
ครึ่งวัน 4800 เยน
ชิฟต์กลางคืน 2700 เยน
Niseko Village
เต็มวัน 5900 เยน
ครึ่งวัน 5200 เยน
ชิฟต์กลางคืน 2000 เยน
Niseko Annupuri
เต็มวัน 5400 เยน
ครึ่งวัน 4400 เยน
ชิฟต์กลางคืน 2200 เยน
การเดินทาง
นั่งรถบัสประจำทางจากสถานี JR Niseko

พื้นที่ของเขตโดโอยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่ารักโรแมนติกอยู่ด้วย เมืองโอตารุ (Otaru) เป็นอีกปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โอตารุเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากซัปโปโรมากนัก จุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์เด่นของเมืองคือคลองโอตารุ ในอดีตเคยเป็นท่าขนส่งสินค้าที่คึกคัก สถาปัตยกรรมที่แวดล้อมด้วยบรรยากาศเหมือนอยู่ในยุโรป ถนนริมคลองประดับด้วยโคมไฟเรียงราย อาคารโกดังเก่าที่ปลูกสร้างเป็นแนวยาวปัจจุบันกลายเป็นคาเฟ่ ร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย ตกเย็นน่าไปเดินเล่นเพลินๆ ถ่ายรูปบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกริมคลอง

เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
เดินจากสถานี Otaru ไปประมาณ 10 นาที

เมื่อมาเที่ยวฝั่งโซนตะวันออกของจังหวัดฮอกไกโด เราก็ย่อมไม่พลาดแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นั่นคืออุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko National Park) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกตามธรรมชาติ มีทั้งแนวหน้าผาริมมหาสุมทร หุบเขาเขียวขจี ลำธารใสสะอาด และสัตว์นานาชนิดที่อุดมสมบูรณ์

ทุกคนที่อยากหลีกหนีความจำเจไปหากิจกรรมใหม่ๆทำต้องร้องว้าวแน่ เพราะกิจกรรมสุดฮิตเบอร์หนึ่งของโซนตะวันออกนี้คือ การล่องเรือ "ออโรร่า" (Aurora Sightseeing Boat) ชมธารน้ำแข็งอาบาชิริ (Abashiri Drift Ice) ซึ่งเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่หาทำได้ยาก ทำได้เฉพาะในเมืองหนาวจัดๆแบบนี้เท่านั้น ที่กิ่งจังหวัดโอคอตสค์ของฮอกไกโดนี้เราจะได้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ โดยทะเลใกล้ๆอยู่ในเขตที่มีความหนาวเย็นตลอดทั้งปี ทำให้เกิดมีธารน้ำเเข็งใหญ่น้อยมากมาย เรือจะล่องไปในทะเลโอค็อตสค์ (Sea of Okhotsk) ซึ่งมีธารน้ำเเข็งอยู่หนาเเน่น เเล่นฝ่าเข้าไปกลางเเผ่นน้ำเเข็งขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามหาดูได้ยาก พอฝ่าเข้าไปแล้วเราอาจมีโอกาสได้เจอสัตว์หายากที่อาศัยอยู่แถวธารน้ำเเข็งหลายชนิดอย่างเช่น นกนางนวล หรือแมวน้ำ อีกด้วย

เวลาทำการ
เรือที่ให้บริการล่องชมธารน้ำแข็งเปิดตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายนเท่านั้น
Abashiri Drift Ice Sightseeing & Icebreaker Ship
มกราคม เปิดบริการ 4 รอบ/วัน 09.00 น. 11.00 น. 13.00 น. และ 15.00 น.
กุมภาพันธ์ เปิดบริการ 5 รอบ/วัน 09.30 น. 11.00 น. 12.30 น. 14.00 น. และ 15.30 น.
มีนาคม เปิดบริการ 4 รอบ/วัน 09.30 น. 11.30 น. 13.30 น. และ 15.30 น.
เมษายน เปิดบริการ 2 รอบ/วัน 11.30 น. และ 13.30 น.
ค่าใช้บริการ
ผู้ใหญ่ 3,300 เยน
เด็ก 1,650 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถบัส Abashiri Tourist Bus จากสถานี Abashiri ไปลงป้าย Michinoeki Drift Ice Breaker Terminal

ยังหนาวกันต่อไหวไหม เพราะเราจะพาไปหมู่บ้านเอสกิโมบนน้ำแข็งเหนือทะเลสาบชิการิเบ็ตสึ (Shikaribetsu Kotan) ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไดเซ็ทสึ (Daisetsu National Park) เมืองชิกะโออิ (Shikaoi) กิ่งจังหวัดโทกาจิ เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวอุณหภูมิจะติดลบจนทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งและปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เขาจะสร้างหมู่บ้านโดมน้ำแข็งที่เรียกว่าอิกลู (Igloo) หรือภาษาไอนุเรียกว่าโคตัน (Kotan) แปลว่าหมู่บ้าน และมีการจัดงานชิการิเบ็ตสึโคตันเพื่อให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสไปชมบ้านสไตล์เอสกิโมเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีน้ำแร่ธรรมชาติที่มาจากชิการิเบ็ตสึ ออนเซ็น (Shikaribetsu Onsen) ให้แช่ท่ามกลางทะเลสาบน้ำแข็งด้วย ถ้าแช่ตอนกลางคืนเราจะได้ชมหมู่ดาวบนท้องฟ้าอย่างเพลินตาไปด้วย พร้อมด้วยกิจกรรมอีกมากมาย พวกโดมน้ำแข็งที่สร้างก็ทำเป็นโรงแรม คาเฟ่ บาร์ ที่จัดแสดงคอนเสิร์ตเป็นต้น แต่ละโดมสวยๆทั้งนั้น ห้ามพลาดเลยจริงๆ

เวลาทำการ
08.00 - 16.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี (แต่มีค่าใช้จ่ายของแต่ละกิจกรรม)
การเดินทาง
ขึ้นรถบัสจากสถานี Obihiro ไปลงที่ Shikaribetsu Onsen

ผู้เขียน: hikawasa
นักแปลภาษาญี่ปุ่น-ไทย-อังกฤษ/นักเขียน (มือใหม่)
รักการ์ตูนเรื่องคุโรโกะ โนะ บาสเก็ตมากทุกรูปแบบทั้งอนิเมะ มังงะ เกม กู๊ดส์
คางามิ ไทกะคือเมนเรา ไอ เลิฟ ยูว