รวมจังหวัดญี่ปุ่นที่คนไทยน้อยคนจะเคยไป
10 จังหวัดญี่ปุ่นที่คนไทยไปเที่ยวน้อย (1)
1 จังหวัดคาโกชิมะ (Kagoshima)
ไม่น่าเชื่อว่าจังหวัดคาโกชิมะถูกจัดอันดับให้เป็นจังหวัดญี่ปุ่นที่คนไทยไปเที่ยวน้อยที่สุด ไหงเป็นงั้นล่ะ ก็จังหวัดคาโกชิมะมีที่เที่ยวเยอะแยะติดอันดับท็อปๆ หลายอย่างเลยนะ ทั้งความเป็นเจ้าแห่งจังหวัดเกาะเยอะ ต้นกำเนิดออนเซ็นในญี่ปุ่นเป็นต้น ยิ่งถ้าสายเดินป่านะก็ต้องอยากไปเดินป่าที่เกาะยากุชิมะบ้างสิ ที่นั่นเส้นทางเดินป่าออกจะดีและได้รับความนิยมอย่างมาก มีต้นสนโจมงสึงิ (Jomonsugi) ต้นสนที่อายุยืนที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะ แต่ในเมื่อคนไทยไปน้อยจนไปเป็นที่โหล่ขนาดนี้ งั้นเรามาทำความรู้จักกับจังหวัดคาโกชิมะกันสักหน่อย เผื่อจะเป็นที่เตะตาต้องใจจนอยากลุกขึ้นมาเก็บกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวกันเลย
จังหวัดคาโกชิมะตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของภูมิภาคคิวชู ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดคุมาโมโตะ ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดมิยาซากิ ทิศใต้และทิศตะวันตกติดต่อกับทะเลจีนตะวันออก มีสภาพเป็นจังหวัดเกาะ โดยมีเกาะมากกว่า 600 กว่าเกาะเลยทีเดียว มากเป็นอันดับที่ 2 ของจังหวัดทั้งหมดของญี่ปุ่น และเป็นจังหวัดที่มีภูเขาไฟมากเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น
ภูเขาไฟซากุระจิมะเป็นภูเขาไฟลูกหนึ่งที่ยังไม่ดับจนทุกวันนี้ และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดคาโกชิมะด้วย โดยภูเขาไฟซากุระจิมะมีความสูงถึง 1,117 เมตร เนื่องจากมีภูเขาไฟแบบนี้จึงทำให้จังหวัดคาโกชิมะมีต้นกำเนิดของออนเซ็นหลายแห่ง เยอะเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศรองจากจังหวัดโออิตะ
สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปอบอุ่น ฤดูหนาวอากาศก็จะไม่หนาวมากเหมือนโซนอื่นของญี่ปุ่นเนื่องจากอยู่ทางใต้ แต่บางครั้งก็อากาศแปรปรวนบ้างเวลาเจอพายุเข้า
Ibusuki Onsen (Kagoshima)
รู้สึกลังเลที่จะแนะนำที่เที่ยวเด็ดสุดดังสุดของจังหวัดคาโกชิมะ เพราะว่ามีเยอะมาก เป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวอันซีน (Unseen) ที่หาไม่ค่อยได้ในจังหวัดอื่นด้วย แต่สุดท้ายก็ขอเลือกมา 1 ที่ ก็คือที่อิบุสึกิ ออนเซ็น (Ibusuki Onsen) เป็นออนเซ็นทรายดำธรรมชาติแห่งเดียวในญี่ปุ่น เรียกได้ว่าถ้าไม่มาอบทรายดำก็มาไม่ถึงคาโกชิมะนะเออ
เวลาทำการ
08.30 - 20.30 น.
ค่าใช้บริการ
ออนเซ็น
ผู้ใหญ่ (อายุ 13 ปีขึ้นไป) 610 เยน
เด็ก (อายุต่ำกว่า 12 ปี) 300 เยน
แซนด์บาธ (อบทรายดำ)
ผู้ใหญ่ (อายุ 13 ปีขึ้นไป) 1080 เยน
เด็ก (อายุต่ำกว่า 12 ปี) 590 เยน
การเดินทาง
เดินจากสถานี JR Ibusuki ไปประมาณ 15 นาที
นอกจากจะดังเรื่องออนเซ็นทรายดำแล้ว ของเด็ดสุดๆที่นักชิมเกือบทั่วโลกน่าจะรู้จักกันแล้ว นั่นก็คือ "คุโระบุตะ" หรือ "หมูดำ" ที่ลือกันว่าอร่อยมาก เป็นสุดยอดเนื้อหมูแห่งคิวชู คือหมูดำนี่ดังมากจริงๆนะ นักชิมตัวจริงต้องมาลองถึงถิ่นให้ได้ ลักษณะพิเศษของมันอยู่ตรงขนที่มีสีดำเกือบทั้งตัว ไขมันที่อยู่ตามชั้นเนื้อสีแดงสดมีมาก ทำให้หมูดำมีรสหวานนุ่มกว่าหมูทั่วไป เมนูยอดนิยมก็จะมี คาโกชิมะราเม็ง คุโระบุตะทงคัตสึ เป็นต้น แบบนี้ต้องลอง
สำหรับงานเด่นทางด้านวัฒนธรรมก็มีเทศกาลโอฮาระ มัตสึริ (Ohara Matsuri) เป็นเทศกาลสำคัญของภูมิภาคคิวชูตอนใต้ จัดขึ้นวันที่ 2-3 พฤศจิกายนของทุกปี ในงานมีระบำโอฮาระบุชิ (Oharabushi) ระบำพื้นบ้านของคาโกชิมะที่ใช้นักแสดงรำร่วม 20,000 คน มีขบวนแห่ที่เคลื่อนตัวไปทั่วเมือง และระบำโซโอโดริ (Sou Odori) การแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ผู้สนใจอยากร่วมระบำด้วยก็สามารถเดินมาเข้าร่วมได้เลยทันที
2 จังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki)
สำหรับจังหวัดที่ไม่ค่อยฮอตจังหวัดต่อมาคือ มิยาซากิ ส่วนนึงเพราะไม่ค่อยมีโปรโมตจังหวัดมากนักจึงยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จังหวัดมิยาซากิตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของภูมิภาคคิวชู ทิศตะวันออกหันหน้าเข้าหาทะเลฮิวงะ (Sea of Hyuga) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนอีก 3 ทิศที่เหลือโอบล้อมด้วยภูเขา เป็นจังหวัดที่มีเกาะน้อยใหญ่มากมายอีกเช่นกัน บรรยากาศเป็นลักษณะของเมืองริมทะเล มีความเงียบสงบน่าอยู่ สภาพภูมิอากาศก็อบอุ่นน่ามาพักผ่อน เป็นจังหวัดที่มีศาลเจ้าอยู่มากมาย โดยศาลเจ้าที่เหมาะกับการเที่ยวแบบอันซีนที่สุดคือศาลเจ้าอาโอชิมะ (Aoshima Shrine) เพราะศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างแห่งเดียวที่ตั้งอยู่บนเกาะ Aoshima ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ มีสะพานเดินข้ามมาได้ เกริ่นๆ ถึงสภาพโดยทั่วไปของจังหวัดมิยาซากิแล้ว นึกอยากมาเที่ยวกันขึ้นมาหรือยังเอ่ย
และถ้ามามิยาซากิแล้วก็ต้องห้ามพลาด "มิยาซากิวากิว" สุดยอดเนื้อวัวแห่งเกาะคิวชู เป็นเนื้อวัวขนดำที่สืบทอดเชื้อสายมาจากวัวขนสายพันธุ์ดีในญี่ปุ่น รู้ไหมว่ามิยาซากิเป็นจังหวัดที่เพาะพันธุ์และแปรรูปวัวขนดำที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นเลยนะ นอกจากสุดยอดวากิวแล้วก็มีเมนูอื่นที่น่าลิ้มลองอีก ขอแนะนำ ทอดมันเอโดะโอบิเทมปุระ เป็นเมนูโบราณขึ้นชื่อที่เป็นอาหารประจำเมืองโอบิ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่กล่าวกันว่าเป็นเกียวโตแห่งเกาะคิวชู ทอดมันนี้ใช้เนื้อปลาเป็นส่วนประกอบหลัก ปรุงออกมาหลายรสชาติ เช่น รสกุ้ง รสปลาหมึก เป็นต้น ถ้าสนใจก็ขอเชียร์ให้ไปลองกันเลย
มารู้จักงานเทศกาลของจังหวัดมิยาซากิกันต่อ ที่นี่เขามีเทศกาลโนเบโอกะ ไดชิ มัตสึริ (Nobeoka Daishi Matsuri) เป็นงานบุญแด่ผู้ล่วงลับครั้งใหญ่ จัดขึ้นในวันศุกร์ - อาทิตย์ที่ 3 ของเดือนเมษายนทุกปีที่บริเวณองค์ไดชิ ร้านค้าต่างประดับประดาร้านรวงของตัวเองกันอย่างสวยงามมีสีสัน ไฮไลท์เด่นของงานนี้คือขบวนพาเหรดไดเมียวเงียวเร็ตสึ (Daimyogyoretsu)
ช่องเขาทากาจิโฮะ (Takachiho kyo)
ที่เที่ยวเด่นเบอร์หนึ่งของมิยาซากิคือนี่เลย ช่องเขาทากาจิโฮะ เป็นช่องเขารูปตัววีที่ธรรมชาติสร้างขึ้นอย่างวิจิตร เกิดจากการกัดเซาะของลาวาภูเขาไฟที่ไหลมาจากภูเขาไฟอะโสะ มีแม่น้ำโกคาเสะ (Gokase River) ไหลผ่าน สามารถทำกิจกรรมสุดฮิตโดยการล่องเรือชมวิวใกล้ชิดธรรมชาติ รับรองว่าฟินสุดๆ
เวลาทำการ
08.30 - 16.30 น.
ค่าบริการ
เรือ 2,000 เยน/ลำ โดย 1 ลำนั่งได้ 3 คน ให้เวลา 30 นาที
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟเมือง Takachiho ไปลงสถานี Takachiho ลงแล้วใกล้ๆ สถานีมีที่เช่าจักรยาน
หรือจะนั่งรถบัสก็ได้ ถ้าขึ้นจากสถานี Nobeoka ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือนั่งรถบัสจากสถานี Kumamoto ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
3 จังหวัดชิมาเนะ (Shimane)
จังหวัดชิมาเนะตั้งอยู่ในภูมิภาคจูโงกุ (Chugoku) ที่แบ่งออกเป็น 2 เขตคือเขตซันโย (Sanyo) และเขตซันอิน (Sanin) ชิมาเนะอยู่ในเขตซันอิน ลักษณะทางภูมิศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสลับหุบเขาสูง ทางทิศเหนือติดกับทะเลญี่ปุ่น ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดยามางูจิ ทิศใต้ติดกับจังหวัดฮิโรชิมะ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดทตโตริ เมืองหลวงคือเมืองมัตสึเอะ (Matsue) เป็นจังหวัดที่โด่งดังในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Izumo Taisha) ซึ่งเป็นศาลเจ้าชินโตที่มีความเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น คนนิยมมาขอพรเรื่องความรักที่นี่เป็นประจำ
มาหาของกินอร่อยๆ ในจังหวัดชิมาเนะกันบ้าง ซึ่งอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ อิซุโมะโซบะ (Izumo Soba) นั่นเอง เส้นโซบะของอิซุโมะโซบะนั้นสีจะออกเข้มกว่าเส้นโซบะอื่นๆ การทำเส้นอิซุโมะโซบะจะนำเมล็ดโซบะมาบดเป็นแป้งทั้งเปลือกจนได้แป้งโซบะที่มีสีออกดำคล้ำๆ แต่มีกลิ่นหอมและมีรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์
และที่ไม่อยากให้พลาดเมื่อมาชิมาเนะก็คือการเที่ยวงานเทศกาลดอกไม้ไฟ มัตซึเอะซุยโงไซโกะโจ (Matsue Suigosaikojo) สุดตราตรึงที่จัดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมทุกๆ ปี เป็นงานดอกไม้ไฟฤดูร้อนยิ่งใหญ่อีกงานที่มีร้านค้าและบูธจำหน่ายอาหาร อีกทั้งกิจกรรมบนเวทีมากมาย เราจะได้ชมดอกไม้ไฟสุดตระการตาเหนือบริเวณทะเลสาบชินจิ ถ้ามีชุดยูกาตะต้องใส่ไปด้วยนะจะได้อินไปกับบรรยากาศดอกไม้ไฟฤดูร้อนญี่ปุ่น
ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle)
ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle) เป็นปราสาทที่ออกโทนสีดำทำให้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ปราสาทดำ” เป็น 1 ใน 12 ปราสาทเก่าแก่ที่ตัวอาคารหลักยังคงเป็นตัวปราสาทเดิมอยู่ (จริงๆแล้วปราสาทที่อาคารหลักเป็นของแท้ๆในญี่ปุ่นเหลือน้อยมาก) ตั้งอยู่ในเมืองมัตสึเอะของตระกูลมัตสึไดระ สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1611 ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นเป็น 4 ส่วน สูง 5 ชั้น ถ้ามองจากปราการชั้นบนสุดมองลงมาจะเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเมืองได้ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำแถวปราสาทนี้คือการล่องเรือไปตามคูน้ำเพื่อชมความงามของตัวปราสาทและบ้านเมืองโดยรอบ
เวลาทำการ
1 เมษายน – 30 กันยายน 07.00 – 19.30 น.
1 ตุลาคม – 31 มีนาคม 08.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 280 เยน
นักเรียนประถมหรือมัธยม 140 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถบัส Ichibata จากสถานี Matsue ไปลงป้าย Kencho-mae แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที
4 จังหวัดฟุคุอิ (Fukui)
จังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ตั้งอยู่ในภูมิภาคจูบุ (Chubu) ตอนกลางของเกาะฮอนชู (Honshu) เป็นจังหวัดเดียวใน 5 จังหวัดของภูมิภาคนี้ที่ถูกจัดอันดับว่าคนไทยไม่ค่อยไปเที่ยว เราคงต้องมาบอกจุดเด่นของฟุคุอิให้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางขึ้นแล้วล่ะ
จังหวัดฟุคุอิอยู่ในลักษณะพื้นที่ติดทะเลและโอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้มีธรรมชาติแวดล้อมที่งดงาม มีที่เที่ยวทางทะเล และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลิตภัณฑ์จากท้องทะเล จังหวัดฟุคุอิมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะจังหวัดที่มีการขุดพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ โดยเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Fukui Prefectural Dinosaur Museum ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ชั้นนำของโลกและเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ใหญ่สุดของญี่ปุ่น เรียกว่าเป็นตัวชูโรงของจังหวัดอีกแห่งเลยก็ว่าได้ และยังมีอีกจุดที่สะดุดตาคือบริเวณลานหน้าสถานีรถไฟเจอาร์ฟุคุอิ (JR Fukui Station) ที่มีรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดใหญ่โชว์เด่นอยู่เยอะเลย หลายๆคนน่าจะถูกใจ โดยเฉพาะน้องๆหนูๆที่เป็นเด็กคงจะชมกันจนเพลินทีเดียว
ของกินขึ้นชื่อของที่นี่คือฟุคุอิอุเมะ หรือบ๊วยฟุคุอินั่นเอง บ๊วยฟุคุอิถูกนำไปใส่ข้าวปั้นหรือข้าวกล่องที่วางจำหน่ายตามร้านทั่วญี่ปุ่น การทำบ๊วยฟุคุอิจะไม่ใช้สารปรุงแต่งใดๆ ส่วนผสมง่ายๆ มีแค่บ๊วย ใบชิโสะ และเกลือเท่านั้น เขาเริ่มปลูกบ๊วยฟุคุอิกันตั้งแต่ประมาณปี 1830 และขยับขยายเป็นผลผลิตสำคัญของจังหวัด ถ้ามีโอกาสไปก็อย่าลืมซื้อติดไม้ติดมือกลับมาบ้างนะ
ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวฟุคุอิในช่วงวันที่ 9 - 21 พฤษภาคม แนะนำว่าให้ไปร่วมงาน เทศกาลมิคุนิ (Mikuni Matsuri) เทศกาลสุดครึกครื้นของฟุคุอิ เทศกาลมิคุนิจัดขึ้นที่ศาลเจ้ามิคุนิ ไฮไลท์ของงานเทศกาลอยู่ที่ขบวนเกี้ยวที่มีหุ่นนักรบขนาดยักษ์สูงถึง 6 เมตรอยู่บนนั้น และจากกลองญี่ปุ่นและขลุ่ยไผ่ของวันที่ 20 พฤษภาคม เดินพาเหรดเกี้ยวทั้งหมด 18 หลัง มี 6 หลังจากในจำนวนนั้นเคลื่อนขบวนรอบเมือง
หน้าผาโทจินโบ (Tojinbo Cliff)
หน้าผาโทจินโบ เป็นหน้าผาหินแกรนิตสูง 20 เมตร และยาวกว่า 1 กิโลเมตรตลอดชายฝั่งญี่ปุ่น เกิดจากน้ำทะเลกัดเซาะจนมีรูปร่างดังที่เห็นในภาพ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติเอจิเซ็นคางะ (Echizen-Kaga Quasi-National Park) เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของฟุคุอิจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางธรรมชาติของชาติ นอกจากจะเดินชมวิวบนหน้าผาเพลินๆ แล้วเรายังสามารถล่องเรือท่องเที่ยวเพื่อชมความงามของหน้าผาอย่างใกล้ชิดได้ด้วย
เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟ JR Limited Express จากสถานี Nagoya ไปลงสถานี Fukui ลงเปลี่ยนขบวนเป็นรถไฟ Echizen Railway ไปลงสถานี Mikuni แล้วต่อรถบัส Tofuku Bus ไปลงป้าย Tojinbo
5 จังหวัดทตโตริ (Tottori)
จังหวัดทตโตริ (Tottori) ก็เป็นอีกจังหวัดที่น่าไปเที่ยวมากๆ แต่ดูจากการจัดอันดับก็พบว่าไม่ค่อยมีคนไทยเราไปเที่ยวอีกแล้ว ทั้งที่มีจุดเที่ยวน่าอเมซซิ่งหลายแห่ง หลายๆที่จะเกี่ยวข้องกับทะเลทรายทตโตริ อย่างเช่นพิพิธภัณท์ศิลปะทราย Tottori Sand Museum
ทตโตริตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคจูโงะกุ (Chugoku) ซึ่งตั้งอยู่ในทางตะวันตกของเกาะฮนชูประเทศญี่ปุ่น สภาพอากาศของจังหวัดทตโตรินั้นจะอบอุ่น มีสี่ฤดู โดยจะมีฝนมากตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วง และมีหิมะตกในฤดูหนาว ไม่ค่อยมีภัยพิบัติทางธรรมชาติมากนัก เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติขึ้นชื่อไม่แพ้จังหวัดไหน และมีสถานที่เที่ยวเกี่ยวกับการ์ตูนโคนันและอสูรน้อยคิทาโร่เยอะมากๆ ก็เพราะทตโตริเป็นบ้านเกิดของอาจารย์อาโอยามะ โกโช นักเขียนการ์ตูนเรื่อง “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” และอาจารย์มิซึกิ ชิเงรุ นักเขียนการ์ตูนเรื่อง “อสูรน้อยคิทาโร่” นั่นเอง เลยมีที่เที่ยวเกี่ยวกับการ์ตูน 2 เรื่องนี้หลายแห่ง
มาเที่ยวทตโตริแบบนี้ก็ขอนำเสนอจำพวกอาหารทะเล นี่เลย ถ้ามาทตโตริก็ต้องไปกินปูมัตสึบะ (Matsuba Crab) เป็นปูที่เนื้อแน่นรสนุ่ม เป็นอาหารทะเลหลักๆ ในฤดูหนาวของจังหวัดทตโตริ ฤดูจับปูมัตสึบะจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปีไปจนถึงเดือนมีนาคมปีถัดไป สามารถรับประทานดิบๆ หรือจะนำไปทำปูต้ม หรือปูย่างก็ได้รสชาติอร่อยทุกเมนู ต้องห้ามพลาดเลยล่ะงานนี้
ส่วนงานเทศกาลเด่นดังของทตโตริมีงานน่าสนใจที่จัดช่วยหน้าร้อนอย่าง เทศกาลรำร่ม (Tottori Shan Shan) เป็นงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด ที่ชาวเมืองนับพันจะมาร่วมกันถือร่มโบราณเต้นรำแห่ขบวนไปทั่วเมือง
เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
เนินทรายทตโตริ (หรือทะเลทราย) เป็นเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีซันอินไคกัง (San’in Kaigan Geopark) ที่รับรองโดยโดยองค์กร UNESCO แถมยังเป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย เราสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเดินเล่นชมวิวตามอัธยาศัย นั่งรถม้า ขี่อูฐเดินเล่นเป็นต้น กิจกรรมขี่อูฐนั้นภือว่าหาทำได้ยากดีนะ โดยเฉพาะถ้าไม่ไปประเทศในแถบที่มีทะเลทราย แนะนำว่าถ้าอยากลองแต่ไม่อยากไปโซนร้อนๆ การมาเที่ยวทะเลทรายญี่ปุ่นแทนก็ถือว่าสะดวกดี
เวลาทำการ
มีนาคม-พฤศจิกายน 09.30 - 16.30 น.
ธันวาคม-กุมภาพันธ์ 10.00 - 16.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
ค่าขี่อูฐ คนละ 1,300 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถบัสสาย Tottori Sakyu
6 จังหวัดโคจิ (Kochi)
จังหวัดโคจิ (Kochi) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคชิโกกุ พื้นที่มีภูเขารายล้อมทางทิศเหนือ ส่วนอีก 3 ด้านติดทะเล สภาพอากาศโดยทั่วไปอบอุ่น แต่ก็มีโอกาสเกิดพายุไต้ฝุ่นพัดเข้าชายฝั่งได้แรงเหมือนกัน นี่แอบทึ่งเล็กๆ ว่าจังหวัดโคจินี้ไม่ธรรมดา
นอกจากเป็นจังหวัดรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแถมยังเป็นถิ่นเกิดของบุคคลสำคัญในอดีตหลายท่านด้วย เช่น ซากาโมโตะ เรียวมะ ท่านนี้เป็นสุดยอดซามูไรที่อยู่ในสมัยเอโดะมีส่วนสำคัญในการล้มล้างระบอบการปกครองของรัฐบาลทหารของตระกูลโชกุนโทกุงาวะ และทำการปฏิรูปประเทศให้ไปสู่ความทันสมัยจนเป็นญี่ปุ่นที่เราเห็นในปัจจุบัน ที่จังหวัดโคจิเลยมีรูปปั้นและสถานที่เกี่ยวกับซากาโมโตะ เรียวมะอยู่หลายแห่ง มาเที่ยวโคจิเราก็จะได้สัมผัสบ้านเกิดของท่านซากาโมโตะและได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อีกเพียบ
จังหวัดโคจิมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารทะเล ของเด็ดเขาก็เลยเป็นปลาคัตสึโอะ ปลาประจำจังหวัดโคจิ เมนูแนะนำก็ต้อง คัตสึโอะโนะทาทาคิ (Katsuo no Tataki) คือการนำปลาคัตสึโอะมาแล่เป็นชิ้น เสียบไม้ย่างไฟ ข้างนอกสุกข้างในยังดิิบอยู่ แล้วราดน้ำจิ้มลงบนเนื้อปลาและโรยเครื่องเทศอย่างกระเทียมและหัวหอม
สำหรับเทศกาลน่าเที่ยวของจังหวัดโคจิ ขอพาไปเที่ยวเทศกาลโยสะโคย (Yosakoi Matsuri) เป็นเทศกาลที่รวบรวมการเต้นรำไว้มากที่สุดในญี่ปุ่น จัดขึ้นวันที่ 9 - 12 ของทุกปี และจัดต่อเนื่องมากว่า 60 ปีแล้ว นักร่ายรำจะใช้ทุกส่วนของร่างกายในการร่ายรำโดยมีเครื่องดนตรีที่เรียกว่านารูโกะบรรเลงประกอบ
รูปปั้นของท่านซากาโมโตะ เรียวมะที่ชายหาดคัทสึระฮามะ
อันนี้เริ่ดอยู่นะ ไปเที่ยวหาดแล้วได้ชมรูปปั้นของซากาโมโตะ เรียวมะด้วย โดยบุคคลท่านนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาก ซากาโมโต้ เรียวมะ เป็นซามูไรที่มีความสำคัญระดับประเทศและชื่อเสียงระดับโลก แม้แต่การ์ตูนและเกมก็ยังชอบเอาชื่อไปใช้ เนื่องจากเกิดในจังหวัดโคจิทางจังหวัดจึงสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติและยกย่องคุณงามความดีของท่านเรียวมะไว้หลายแห่งรวมถึงที่นี่ และเป็นจุดชมวิวที่สวยมากแห่งหนึ่งของจังหวัดโคจิ
โดยรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของซากาโมโตะ เรียวมะตั้งอยู่บนแหลมริวสึและแหลมริวโอ เป็นชายฝั่งที่แผ่ออกกว้างเป็นรูปคล้ายคันธนู แบ็คกราวด์เขียวสดชื่นไปด้วยต้นสนที่ขึ้นซ้อนทับกัน แล้วยังมีกรวดทรายห้าสีบนชายหาดอีกด้วย เป็นชายทะเลที่ให้บรรยากาศต่างกับชายหาดของไทยแต่ก็ถือว่าสวยคนละแบบ
เวลาทำการ
09.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ฟรี
แต่ถ้าจะเข้าหออนุสรณ์ซากาโมโตะ เรียวมะก็เสีย 700 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถบัส My Yu จากสถานี JR Kochi ลงรถที่ป้าย Ryomakinenkanmae
7 จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi)
จังหวัดยามากุจิ (Yamaguchi) ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกสุดของเกาะฮนชู โดยทิศเหนือของจังหวัดติดต่อกับทะเลญี่ปุ่น จังหวัดชิมาเนะ และจังหวัดฮิโรชิมะ ทิศตะวันตกติดต่อกับทะเลญี่ปุ่น ส่วนทิศใต้และทิศตะวันออกติดต่อกับทะเลเซโตะ เป็นจังหวัดที่มีภูมิอากาศอบอุ่นสบายตลอดปี นอกจากนี้ยังมีเสน่ห์ดึงดูดด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามและวัฒนธรรมเก่าแก่ ที่เที่ยวดังๆอย่างสะพานแว่นตาที่อิวาคุนิ ก็เป็นเหมือนหนึ่งในเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ที่หลายคนอาจจะเคยเห็นมาบ้างตามโปสเตอร์ต่างๆ
ถ้าอยากลิ้มลองอะไรที่แปลกใหม่ เราขอแนะนำคาวาระโซบะ (Kawara Soba) อาหารท้องถิ่นของยามากุจิเขาเลย เป็นโซบะที่ผัดบนกระเบื้อง ซึ่งแปลกดีมากๆ แถมเป็นกระเบื้องปูหลังคาด้วยสิ เอาเส้นโซบะชาเขียวขึ้นผัดบนกระเบื้องแล้วโรยหน้าด้วยเนื้อหมู ไข่เส้น และต้นหอม แปลกใหม่ขนาดนี้ต้องไปลองกันให้ได้นะ
เทศกาลชิโมโนเซกิ ไคเคียว (Shimonoseki Kaikyo Matsuri) จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2- 4 พฤษภาคมที่เมือง Shimonoseki เป็นเทศกาลที่มีสีสันมาก มีขบวนพาเหรดอย่างขบวนแห่นางคณิกาชั้นสูง (Jorodochu) ขบวนแห่ 100 ซามูไร และการแสดงโชว์สงครามกลางทะเลซึ่งใช้เรือ 80 ลำบอกเล่าถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ น่าไปเที่ยวชมอย่างมาก
สะพานสึโนะชิมะ (Tsunoshima)
เป็นสะพานที่ทอดยาวไปเกือบ 2 กิโลเมตร เพื่อใช้ข้ามไปยังเกาะสึโนะชิมะ โฆษณาญี่ปุ่นหลายเจ้าเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำเพราะทัศนียภาพสวยสุดๆ เป็นหนึ่งในจุดชมวิวสุดสวยที่หลายคนชอบเอาไปติดอันดับแนะนำว่าควรจะมาให้ได้ก่อนตาย ควรไม่ควรก็ขอให้ลองพิสูจน์ดู
เวลาทำการ
เปิดตลอด
ค่าเข้าชม
ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟสาย สาย JR Sanin Main Line จากสถานี Kottoi
8 จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime)
จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะชิโกกุ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดคากาวะและจังหวัดโทกูชิมะ ทิศใต้ติดกับจังหวัดโคจิ ทิศเหนือติดกับทะเลเซโตะ ทิศตะวันตกติดกับช่องแคบบุงโงะ ภูมิอากาศอบอุ่น ฤดูหนาวไม่หนาวมาก เมืองหลวงคือมัตสึยามะ (Matsuyama) เป็นจังหวัดที่มีการผสมผสานวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติได้อย่างลงตัว ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งการจาริกแสวงบุญ โดยมีเส้นทางจาริกแสวงบุญเป็นระยะทางประมาณ 1,200 กิโลเมตร ผ่านวัด 26 แห่งจาก 88 แห่งที่ตั้งอยู่บนเกาะชิโกกุ ภาพคนในชุดขาวเดินจาริกแสวงบุญตามเส้นทางที่ว่านี้ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของเอฮิเมะเลยทีเดียว
ถ้ามาเอฮิเมะก็ต้องไม่พลาดชิมไทเมชิ (Taimeshi) อาหารท้องถิ่นของที่นี่ ซึ่งก็คือข้าวหน้าปลาไท (คล้ายปลากระพง) มี 2 แบบ แบบแรกเอาปลาทั้งตัวมาปรุงกับข้าวสวย หน้าตาคล้ายๆกระพงทอดบ้านเราเหมือนกัน ส่วนอีกแบบหนึ่งคือนำมาทำเป็นซาชิมิ ราดด้วยซอสพิเศษที่ผสมกับไข่แดงดิบ แล้วเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย รับประทานอร่อยไปอีกแบบ
งานเทศกาลนีฮามะ ไทโกะ (Niihama Taiko Festival) เป็นเทศกาลเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 18 ตุลาคม ขบวนแห่เกี้ยวอันสวยงามตระการตา 52 หลังที่เรียกว่า “ไทโกได (Taikodai)” จะเคลื่อนขบวนไปรอบเมือง ไฮไลท์ของงานนี้อยู่ที่การต่อสู้กันระหว่างเกี้ยวที่หนักถึง 3 ตันและสูง 5.5 เมตร เกี้ยวที่ถูกยกเร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะ โดยเกี้ยวแต่ละหลังยกโดยผู้ชายจำนวนมากที่สุด 150 คน
ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle)
ปราสาทมัตสึยามะเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะชิโกกุ บริเวณหน้าปราสาทเขาปลูกซากุระเอาไว้เป็นสวน พอถึงฤดูใบไม้ผลิก็จะบานสะพรั่งสีชมพูหวานใส เป็นจุดชมดอกซากุระขึ้นชื่อที่สุดบนเกาะชิโกกุ และเป็น 1 ใน 12 ปราสาทเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่อาคารหลักยังคงสภาพเดิมอยู่ในปัจจุบัน เมื่อขึ้นไปถึงหอคอยสูงสุดของปราสาท เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของเมือง เห็นวิวทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) และทัศนียภาพของภูเขาอิชิซุจิ (Mt. Ishizuchi) ด้วย
เวลาทำการ
09.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 500 เยน
เด็ก 150 เยน
การเดินทาง
เดินจากสถานีรถราง Okaido ไปนั่งกระเช้าต่อ
9 จังหวัดคากาวะ (Kagawa)
จังหวัดคากาวะ (Kagawa) ตั้งอยู่ในส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคชิโกกุ ภูมิอากาศอบอุ่น แม้จะเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เล็กที่สุดในญี่ปุ่นและมาติดอันดับคนไทยไม่เที่ยว แต่เรื่องที่เที่ยวและอาหารการกินจริงๆก็ไม่แพ้จังหวัดอื่น พื้นที่ของคากาวะโอบล้อมด้วยทะเลเซโตะ อีกทั้งกล่าวกันว่าเป็นจังหวัดที่อุด้งอร่อยที่สุดอีกด้วย จนได้ฉายาว่าเป็น จังหวัดแห่งอุด้ง กันไปเลย ซึ่งนี่ก็เป็นจุดขายของคากาวะที่น่าจะไปสกิดต่อมความอยากกินของนักชิมได้บ้างไม่มาก็น้อย
บางคนเรียกจังหวัดคากาวะว่าเป็นอาณาจักรแห่งซอฟต์ครีม ก็เพราะที่คากาวะมีซอฟต์ครีมสูตรพิเศษของท้องถิ่นมากมายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ยูเมะอิริ โออิริ ซอฟท์ (Yumeiri Oiri Sofuto) ที่โรยข้าวพองสีสันสดใส หรือโชยุซอฟครีมที่มีรสชาติแบบซอสๆ ที่สร้างสรรค์แบบแปลกๆ คล้ายๆไอศกรีมรสซีอิ๊วบ้านเรา หรือจะสุโมโมะ ซอฟครีม (Sumomo Softcream) ที่จะมีผลไม้ผสมอยู่ด้วย และสูตรแปลกๆ อีกเพียบ
เทศกาลที่น่าสนใจของจังหวัดคากาวะคือเทศกาลซานุกิ ทากามัตสึ (Sanuki Takamatsu Matsuri) เป็นเทศกาลที่บ่งบอกว่าฤดูร้อนมาถึงแล้ว ในงานเทศกาลจะมีขบวนพาเหรดแสดงการร่ายระบำโซโอโดริ (Sou Odori) ที่ดึงดูดสายตาผู้ชมเป็นอย่างมาก แถมยังได้ชมเทศกาลดอกไม้ไฟ Dondon Takamatsu ที่น่าตื่นตาสุดๆ ของเกาะชิโกกุที่จัดพร้อมกันอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีการแข่งกินอุด้ง และการแสดงจากศิลปินมากมาย จัดขึ้นวันที่ 12 - 14 สิงหาคมของทุกปี
สวนริตสึริน (Ritsurin Garden)
คากาวะมีที่เที่ยวเยอะ แต่เราขอแนะนำที่นี่
สวนริตสึริน (Ritsurin Garden) เป็นหนึ่งในสวนเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีความกว้างกว่า 75 เฮกเตอร์ แบ่งพื้นที่การจัดสวนเป็นแบบต่างๆ กว่า 30 โซน แวดล้อมไปด้วย 6 ทะเลสาบ และมีภูเขาชิอุน (Shiun) เป็นฉากหลัง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ใหญ่และสวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วย โดยสวนนี้มีอายุกว่า 400 ปีแล้ว ทิวทัศน์งดงามมากและสามารถมาเที่ยวชมได้ทุกฤดู ช่วงฤดูใบไม้ร่วงใบของต้นเมเปิ้ลในสวนจะเปลี่ยนสีเป็นใบไม้แดงสวยงาม เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมโดยการนั่งเรือแบบญี่ปุ่นล่องทะเลสาบชมความงาม ช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงมีการจัดไฟไลท์อัพตอนกลางคืน ดูสวยไปอีกแบบ
เวลาทำการ
กันยายน 05.30 - 18.30 น.
ตุลาคม 06.00 - 17.30 น.
พฤศจิกายน 06.00 - 17.00 น.
ธันวาคม 07.00 - 17.00 น.
มกราคม 07.00 - 17.00 น.
กุมภาพันธ์ 07.00 - 17.30 น.
มีนาคม 06.30 - 18.00 น.
เมษายน - พฤษภาคม 05.30 - 18.30 น.
มิถุนายน - สิงหาคม 05.30 - 19.00 น.
ช่วงที่มีการเปิดไฟประดับใบสวนจะเปิดจนถึง 21.00 น.
ค่าเข้าชม
ตั้งแต่มัธยมปลายขึ้นไป 410 เยน
ประถม - มัธยมต้น 170 เยน
เด็กเล็ก ฟรี
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟสาย JR Kotoku ลงสถานี JR Ritsurin-Koen-Kitaguchi ออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวา เดินต่อไปประมาณ 250 เมตร
10 จังหวัดยามากาตะ (Yamagata)
จังหวัดยามากาตะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูมิภาคโทโฮกุ พื้นที่ติดกับทะเลญี่ปุ่น ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดนีงาตะ ทิศใต้ติดกับจังหวัดฟูกูชิมะ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดมิยางิ และทิศเหนือติดกับจังหวัดอากิตะ เป็นอีกจังหวัดที่มีแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นที่ได้รับความนิยมเพราะอยู่ใกล้ภูเขาซาโอะ (Mount Zao) นั่นเอง และที่ภูเขาแห่งนี้เองก็คือที่ตั้งของปีศาจหิมะหรือ Snow Monster
ทีนี้มาถึงเรื่องของปากท้องกันบ้าง อาหารจานเด็ดของจังหวัดยามากาตะคือ อิโมะนิ (Imoni) เป็นอาหารประเภทหม้อไฟที่มีส่วนผสมของเผือกญี่ปุ่น เนื้อสัตว์ ก้อนบุก และต้นหอม นำมาปรุงรสด้วยซอสที่จะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่นซอสถั่วเหลือง โชยุ มิโซะ เป็นต้น วัตถุดิบเนื้อสัตว์ที่ใช้ก็ต่างกันแล้วแต่ความชอบของคนท้องถิ่น จะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัวก็ได้ทั้งนั้น จากนั้นชาวยามากาตะเขาก็มักจะมานั่งต้มกินกันเป็นหมู่คณะเลยทีเดียว เพื่อการสังสรรค์และมิตรภาพในท้องถิ่นนั่นเอง
เทศกาลยามากาตะ ฮานางาสะ (Yamagata Hanagasa) ของจังหวัดยามากาตะน่าสนใจไม่น้อย เป็นเทศกาลบงโอโดริ (Bon Odori) ที่ร่ายรำเพื่อระลึกถึงวิญญาณของบรรพบุรุษ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 - 7 สิงหาคม Bon Odori นักร่ายรำจะออกมาแสดงท่วงท่าสวยงามประมาณ 13,000 คน ทั้งหมด 150 กลุ่ม เต้นรำพร้อมหมวกประดับดอกไม้ไปพลางเคลื่อนขบวนขนาดใหญ่ผ่านถนน นักท่องเที่ยวที่ไปชมก็สามารถเข้าร่วมการเต้นรำได้ด้วย
Ginzan Onsen (Yamagata)
ที่นี่จัดว่าเป็นที่เที่ยวและที่พักผ่อนระดับท็อปของจังหวัดยามากาตะและของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ กินซัง ออนเซ็น เป็นหมู่บ้านออนเซ็นเล็กๆที่เงียบสงบ แต่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับออนเซ็นที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำเรื่องโอชินด้วย
อาจจะดูว่าไม่ใช่สถาปัตยกรรมงดงามเตะตาตั้งแต่แรกเห็น แต่เรียวกังส่วนใหญ่ของที่นี่นั้นเป็นอาคารไม้ที่ดูเรโทร บรรยากาศเก่าๆเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในอดีต ยิ่งถ้ามาใช้บริการในช่วงฤดูหนาว ทัศนียภาพก็ยิ่งงดงาม มีหิมะปกคลุมบนหลังคาและตามทางเดิน และนอกจากนี้ยังมีธรรมชาติน่าชมอยู่ใกล้ๆ นั่นก็คือน้ำตกที่สูงราว 22 เมตร กินซัง ออนเซ็นได้รับความนิยมมากจนเรียวกังมักจะเต็มเร็วในทุกฤดู แนะนำว่าหากอยากไปชมก็ควรจองไว้แต่เนิ่นๆนะ
เวลาทำการ
ขึ้นอยู่กับเรียวกังแต่ละแห่ง
ค่าเข้าชม
ฟรี แต่มีค่าใช้จ่ายในการแช่ออนเซ็น
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟ JR Yamagata Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปลงสถานี Oishida จากนั้นนั่งรถบัสต่อไปที่ Ginzan Onsen จะมีรถบัสออกทุก 60 - 90 นาที
ผู้เขียน: hikawasa
นักแปลภาษาญี่ปุ่น-ไทย-อังกฤษ/นักเขียน (มือใหม่)
รักการ์ตูนเรื่องคุโรโกะ โนะ บาสเก็ตมากทุกรูปแบบทั้งอนิเมะ มังงะ เกม กู๊ดส์
คางามิ ไทกะคือเมนเรา ไอ เลิฟ ยูว