ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นแลนด์มาร์กที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งในชิงะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงามทั้ง 4 ฤดูกาล ที่ทะเลสาบมีกิจกรรมทางน้ำหลายอย่างสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจ เช่นการพายเรือคายัค ล่องเรือชมวิว ตกปลา รวมถึงพื้นที่ตั้งแคมป์ก็มีบริการเช่นกัน นอกจากนี้ในบริเวณไม่ไกลกันนักยังมีสวนสาธารณะเลียบทะเลสาบขนาดใหญ่ขื่อสวนนางิสะ ซึ่งเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมาก โดยหลังจากพระอาทิตย์ตกดินก็จะมีการประดับไฟบริเวณน้ำพุเต้นระบำของสวนให้ชม นอกจากนี้ประมาณวันที่ 6-8 สิงหาคมของทุกปี ที่ทะเลสาบบิวาโกะก็จะมีการจัดงานชมดอกไม้ไฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นอีกด้วย

เวลาทำการ : ไม่มีกำหนด ยกเว้นบางบริการเช่นพายเรือ ล่องเรือ

ค่าเข้าชม : ฟรี

วิธีการเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Biwako line ไปลงที่สถานี Otsu แล้วเดินต่ออีก 15 นาที

ศาลเจ้าที่มีเสาโทริอิ (Torii) อันโดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบบิวะในเขตของเมืองทาคาชิมะ (Takashima) ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมเดินทางมาที่นี่ในฐานะจุดเสริมพลังชีวิต (Power Spot) ตัวศาลเจ้าตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของทะเลสาบห่างจากเมืองหลัก Otsu เล็กน้อย ก่อตั้งขึ้นเมื่อตั้งแต่ 1,900 ปีก่อน เป็นศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานที่สุดในชิงะและเก่าที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สถิตของเทพเจ้าที่ให้โชคในเรื่องของสุขภาพและอายุที่ยืนยาว และในตอนกลางคืนก็จะมีการประดับไฟอย่างสวยงามด้วย

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม : ฟรี

วิธีการเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Kosei Line ไปลงที่สถานี Omi Takashima แล้วต่อรถแท็กซี่ไปอีก 5 นาที หรือเดินเท้าประมาณ 30 นาที

เป็นวัดพุทธนิกายเท็นไดที่มีประวัติมายาวนานกว่า 1,200 ปี ตั้งอยู่บนภูเขาฮิเอ (Hieizan) ที่เป็นเส้นแบ่งเขตพื้นที่จังหวัดเกียวโตและจังหวัดชิงะ บริเวณวัดมีวิหารต่าง ๆ หลายร้อยอาคารเรียงรายกันใน 3 พื้นที่ คือ เจดีย์ตะวันออก เจดีย์ตะวันตก และโยโคกาวา ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีธรรมชาติรายล้อมอย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมฝึกตนของพระสงฆ์ด้วย ที่สำคัญคือวัดแห่งนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ (Historic Monuments of Ancient Kyoto) ซึ่งได้รับเลือกจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994

เวลาทำการ : เดือนมีนาคม-พฤศจิกายน 08.30-16.30 น.

เดือนธันวาคม 09.00-16.00 น.

เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 09.00-16.30 น.

ค่าเข้าชม : มีค่าเข้าชม 3 พื้นที่ 700 เยน และ ค่าเข้าชมเฉพาะห้องสมบัติ 500 เยน

วิธีการเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย Keihan Ishiyama-Sakamoto Line ไปลงสถานี Sakamoto-hieizanguchi จากนั้นขึ้นเขาด้วยรถรางปีนเขา Sakamoto Cable Car ไปถึงยอดแล้วเดินต่อเล็กน้อย บนบริเวณยอดเขามีวัดอื่นๆให้ชมอีกหลายที่

ถนนสายช้อปปิ้งบรรยากาศย้อนยุคในเมืองนากาฮามะ ริมฝั่งทางเหนือของทะเลสาบบิวะ ทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยอาคารสไตล์เรโทรโมเดิร์น (Retro Modern) มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะเครื่องแก้วคุโรคาเบะ (Kurokabe Glass Shop) ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะเครื่องแก้วที่มีชื่อเสียงของย่านนี้ และมีร้านค้าเก่าแก่ อาร์ตแกลเลอรี่ ร้านอาหารที่ขายอาหารเมนูท้องถิ่นน่าลิ้มลอง คาเฟ่ ร้านขนมเก๋ๆ สไตล์ญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่สร้างขึ้นโดยดัดแปลงจากบ้านเรือนเก่าแก่ รวมทั้งมีกิจกรรมเวิร์คชอปทำเครื่องแก้วด้วยตัวเองสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้วย

เวลาทำการ : 10.00-18.00 น. เวลาทำการของร้านค้าเปลี่ยนแปลงแล้วแต่ร้านค้า

ค่าเข้าชม : ฟรี

วิธีการเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Biwako line ไปลงที่สถานี Nagahama และเดินอีก 5 นาที

ฮิโกเนะเป็น 1ใน12 ปราสาทแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ไม่ถูกทำลาย (คือไม่ใช่ของที่เพิ่งถูกสร้างใหม่ในยุคปัจจุบัน) ทั้งตัวปราสาทหลัก คูเมือง กำแพง และประตูยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และยังเป็น 1 ใน 4 ปราสาทของญี่ปุ่นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ตัวปราสาทมี 3 ชั้น ที่ฐานตรงทางเข้าปราสาทเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle Museum) อีกทั้งในบริเวณใกล้ๆที่สามารถเดินเท้าไปถึงได้ก็มีทั้งสวนสาธารณะเก็นคิวเอน (Genkyuen) บรรยากาศร่มรื่นเหมาะกับการพักผ่อน หรือจะเดินเล่นไปจนถึง ถนนช้อปปิ้งยูเมะเคียวบาชิ (Yume Kyobashi Castle Road) ก็มีของขายที่น่าสนใจอย่างหลากหลาย

เวลาทำการ : 08.30-17.15 น.

ค่าเข้าชม : ฟรี

วิธีการเดินทาง : จากสถานี Hikone เดินไปประมาณ 15 นาที

ได้รับการขนานนามว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางป่า ตั้งอยู่ที่เมืองโคกะ (Koka) ในพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์บนภูเขาชิงารากิ (Mt.Shigaraki) อาคารที่สร้างขึ้นอย่างโดดเด่นแปลกตาโดยเน้นโครงสร้างเหล็กและกระจกได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นชื่อ Koyama Mihoko ระหว่างทางเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในภูเขาลึก บรรยากาศรอบตัวจะค่อยๆเปลี่ยนไปตั้งแต่ปากอุโมงค์ทางเข้าที่ค่อนข้างมืด จนเริ่มเห็นแสงสว่าง ซึ่งภายในมีการจัดแสดงผลงานศิลปะอยู่ชั้นใต้ดินโดยใช้แสงจากธรรมชาติส่องลงมา อีกทั้งยังมีผลงานอื่นๆที่น่าสนใจหลายรูปแบบซึ่งนำเสนออย่างน่าสนใจ

เวลาทำการ : 10.00-17.00 น. ปิดทำการทุกวันจันทร์

ค่าเข้าชม : 1,100 เยน

วิธีการเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Tokaido Line ไปลงที่สถานี Ishiyama แล้วต่อรถบัส Teisan bus หมายเลข 150 ไปลงหน้าพิพิธภัณฑ์มิโฮ ซึ่งจะมีรถ Shuttle Bus บริการรับส่งฟรีถึงพิพิธภัณฑ์