เล่าปสกโบกรถเที่ยวญี่ปุ่น ฟุกุโอกะถึงฮิโรชิม่า
Hitchiking หรือการโบกรถขอร่วมทางไปกับผู้ขับขี่ร่วมเส้นทางเดียวกันนั้นเป็นที่นิยมมากในยุโรป แต่ญี่ปุ่นก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ความปลอดภัยสูงเราจึงลองดูค่ะว่าจะไปได้สวยแค่ไหน โดยทริปนี้สองเพื่อนซี้บัดดี้ หนึ่งสาวไทย หนึ่งหนุ่มฝรั่งเศส ก็ได้วางแผนทริปโบกรถข้ามเกาะแบบฉุกละหุก แต่รับรองว่าเป็นทริปที่ประทับใจไม่รู้ลืมเลยค่ะ
วันที่ 1
เริ่มต้นทริป
ในครั้งนี้ได้ลองเดินทางจากจังหวัดฟุกุโอกะในภูมิภาคคิวชูเกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่นข้ามไปยังภูมิภาคเกาะฮอนชูและจบที่ฮิโรชิม่า โดยลองใช้การโบกรถค่ะ โดยทริปนี้ใช้เวลา 3วัน2คืน แต่ก็สามารถเที่ยวสถานที่สำคัญในฮิโรชิม่าได้ครบในงบไม่เกิน 15,000เยน เลือกเริ่มต้นทริปที่สถานีฮากาตะ โดยนัดเจอกับเพื่อนร่วมทริปที่มีใจรักในการเดินทางแบบHitchhikingที่นี่
ข้อแนะนำในการทำทริปแบบนี้คือ ให้เราเริ่มต้นตามสถานีพักรถที่เรียกว่า Service area (SA), Parking area (PA) เพราะเป็นจุดที่นักเดินทางจะแวะกันมากที่สุดเนื่องจากเป็นที่จอดพักระหว่างทางด่วนของแต่ละเมืองค่ะ โดยครั้งนี้เราก็นั่งรถไฟจากฮากาตะ 280 เยน ออกไปนอกเมืองฟุกุโอกะ ไปลงที่สถานี Sue-chuo เดินจากสถานีสุเอะจูโอประมาณ 1 กิโลเมตรไปยังจุดพักรถ Sue PA โดยเราปักหลักกันที่บริเวณหน้าทางด่วน แต่ต้องเว้นระยะห่างมาสัก 100 เมตรนะคะ และก็ต้องหาพื้นที่ที่รถสามารถจอดรับเราได้
ป้ายนั้นสำคัญฉไน
สิ่งที่จำเป็นมากๆในการเดินทางแบบHitchhikingก็คือ ป้าย ค่ะ จะทำจากกระดาษลังหรือกระดาษอะไรก็ได้ แต่เน้นว่าควรมีความแข็งแรงขนาดไม่เล็กจนเกินไป และที่สำคัญถ้าหากพอพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ควรจะเขียนว่า 日本語できます ที่แปลว่าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ หรือถ้าไม่ได้อย่างน้อยๆก็ควรจะเขียนว่า 英語できます พูดภาษาอังกฤษได้ ใครที่ภาษาไม่แข็ง พูดไม่ได้เลย เราก็ไม่แนะนำให้เที่ยวแบบนี้ค่ะ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ชื่อสถานที่ที่เราจะไป โดยพยายามเขียนเป็นตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นตามด้วยคำว่า 方面 (Houmen) ที่แปลว่าทิศทาง เพราะหลายๆครั้งเราไม่สามารถโบกรถแค่ครั้งเดียวแล้วไปถึงยังจุดหมายปลายทางได้ แต่อาจจะมีเพื่อนร่วมทางขับรถไปในทิศทางเดียวกับเราค่ะ ในป้ายคือ Hiroshima Houmen หรือทิศทางไปฮิโรชิม่านั่นเองค่ะ
เราเริ่มต้นถือป้ายที่ Sue PA ประมาณ 11โมงเช้า ผ่านไปเกือบชั่วโมงจนเราสองคนเริ่มถอดใจ มีคนญี่ปุ่นแวะเวียนมาถามไถ่แต่ไม่มีใครขึ้นทางด่วนเลย สาวไทยเริ่มทนไม่ไหวเดินไปซื้อไก่ทอดคาราอาเกะข้างทางมายืนกิน 500 เยนค่ะ ไม่รู้เป็นเพราะสีหน้าแช่มชื่นขึ้น รับแขกหลังจากได้กินไก่หรืออย่างไร แต่เราก็ได้เจอพนักงานบริษัทใจดีท่านหนึ่งที่กำลังกลับมาจากการทำงานนอกสถานที่ แวะรับเราสองคนโดยไปส่งที่ Koga SA ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เราถือป้ายรอประมาณ 10 กิโลเมตรค่ะ นั่งคุยกันไปมาประมาณ 20 นาที ก็ได้ความว่าคุณลุงเป็นคนที่รับนักโบกรถบ่อยมากๆอยู่แล้วโดยเฉพาะวัยรุ่น คุยไปคุยมาก็มาถึง Koga SA ขอบคุณคุณลุงและเราก็มาลุยกันค่ะ
ยืนถือป้ายรอบริเวณลานจอดรถของ Koga SA ได้ไม่ถึง 20 นาที พี่ชายขับรถบรรทุกใจดีก็เปิดกระจกมาถามว่าจะไปฮิโรชิม่าใช่ไหม เราสองคนก็รีบตอบไฮ่ๆทันทีค่ะ พี่ชายบอก ขึ้นมาเลยน้อง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ตั้งแต่อยุ่ญี่ปุ่นมาแล้วได้นั่งหน้ารถบรรทุกแบบนี้ พี่ชายบอกว่าตนเองมีอาชีพขับรถบรรทุกไปส่งยังจุดต่างๆทั่วญี่ปุ่น ขับไปมาหมดทั้งญี่ปุ่นแล้วยกเว้นเกาะโอกินว่า (เพราะไม่มีถนนเชื่อม) โดยวันนี้ต้องขับรถไปส่งที่ Hatsukaichi (ฮัทซึคะอิจิ) อำเภอข้างๆอำเภอเมืองฮิโรชิม่าและต้องรับรถอีกคันเพื่อขับกลับไปยังบ้านที่ฮิเมจิค่ะ โอ้ แค่ได้ฟังก็รู้สึกฮาร์ดคอร์มากค่ะ
ข้ามจากเกาะคิวชูไปยังเกาะฮอนชู
ขับรถไปคุยกันไป พี่ชายก็บอกว่าตอนนี้เรากำลังข้ามไปยังอีกเกาะแล้วนะ ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้เรากำลังข้ามจากคิวชูไปยังเกาะฮอนชู เกาะกลางที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น หรือเกาะที่เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่างโตเกียวนั่นเองค่ะ
เข้าเขตจังหวัดฮิโรชิม่าแล้ว
นั่งรถมาด้วยกันเกือบ3ชั่วโมง ตอนนี้ก็เข้าเขตมิยาจิม่าแล้วค่ะ โดยมิยาจิม่านั่นเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวดังๆอย่าง ศาลเจ้าสีแดงกลางน้ำ ซึ่งเราจะพาไปเที่ยวในวันถัดไปค่ะ รู้จักกับพี่ชายคนขับรถบรรทุกมาสามชั่วโมง คุยกันแบบไม่มีหยุดจนได้ทราบแม้กระทั่งว่าพี่เขาไปเจอภรรยาอย่างไร มีลูกกี่คน ได้เงินเดือนเท่าไหร่ คนญี่ปุ่นอาจจะมีความขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวสูง แต่ลองเขาเปิดใจรับเรา (ขึ้นรถ) มา เขาก็พร้อมที่จะเล่าอะไรๆให้ฟังเยอะเลยค่ะ พี่ชายบอกว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่รับคนต่างชาติขึ้นมารถ เห็นถือป้ายเขียนว่าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ก็เลยลองรับมา ฮา ต้องขอบคุณตัวเองจริงๆที่เขียนประโยคนี้ลงไป
ใกล้ถึงเข้าไปทุกทีแล้ว
ตอนนี้เราก็มาถึงHatsukaichi สถานที่ที่เราคุยกันแต่แรกว่าเราจะลงที่นี่เพราะพี่ชายต้องส่งรถที่นี่ แต่อาจจะเพราะคุยกันถูกคอพี่ชายเลยบอกว่า เดี๋ยวพี่ไปส่งถึงสถานีฮิโรชิม่าเลยน้อง เราสองคนก็บอกไม่เป็นไรๆ เพราะเป็นระยะทางไกลแถมฮิโรชิม่าช่วงเย็นรถติดน้องๆกรุงเทพบ้านเราเลยค่ะ แต่พี่ชายก็ยังยืนยันคำเดิม เราก็เลยไม่ต้องโบกรถอีกรอบค่ะ
ถึงสถานีฮิโรชิม่าแล้วค่ะ
ในที่สุดสาวไทยและหนุ่มฝรั่งเศสสองเพื่อนซี้ก็เดินทางมาถึงสถานีฮิโรชิม่าตอนเวลา 16.19ค่ะ เย้ๆ ดีใจมากๆเพราะเราทำเวลาได้ดีมากๆและไม่พบกับความยากลำบากให้การโบกรถครั้งนี้เลยค่ะ
ปราสาทฮิโรชิม่า
ทริปนี้เรามีแต่เดินและเดินเท่านั้นค่ะ หลังจากถึงสถานีฮิโรชิม่าแล้วเราก็รีบเดินมายังปราสาทฮิโรชิม่า ซึ่งใช้เวลาในการเดินประมาณ 30 นาทีได้ค่ะ
เวลา 9.00-18.00(เดือนมีนาคม-พฤศจิกายน) 9.00-17.00 (เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์)
วันหยุด วันที่ 29-31 ธันวาคม
ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 370 เยน ผู้ศุงอายุ 60 ปี นักเรียน ม.ปลาย 180 เยน นอกจากนั้นเข้าฟรีค่ะ
- www.rijo-castle.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
โอโคโนะมิยากิ ของกินขึ้นชื่อเมืองฮิโรชิม่า
มาถึงฮิโรชิม่าแล้วจะพลาดชิม โอโคโนมิยากิ หรือพิซซ่าญี่ปุ่นไม่ได้เลยค่ะ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องโอโคโนมิยากิมากค่ะ เดินไปตรงไหนของเมืองฮิโรชิม่าก็จะพบกับร้านโอโคโนมิยากิทุกที่แบบเลือกกันไม่ถูกเลยค่ะ ส่วนตัวก็เดินๆเลือกร้านที่ใกล้ๆที่พักเป็นเกณฑ์ค่ะ โดยจุดเดินคือเข้าจะมีเส้นโซบะและไข่โปะหน้าค่ะ มือนี้หมดไปคนละ 1,500 เยนค่ะ
โอโคโนมิยากิอีกแบบค่ะ
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยก็มาเข้าที่พักค่ะ โดยครั้งนี้เราทำการจองผ่าน airbnb ที่พักชื่อ room daikokuten hiroshima ตกคนละ 2,526 เยน โดยเป็นห้องเล็กๆส่วนตัว มีห้องน้ำในตัวและเตียงสองชั้นค่ะ
วันแรกใช้เงินไปดังนี้ค่ะ
ค่ารถไฟ 280 เยน
ค่าอาหาร 2,000 เยน
ค่าทีพัก 2,526 เยน
สรุปรายจ่ายเสร็จแล้วขออนุญาตพักผ่อนเอาแรงเพื่อไปเที่ยวฮิโรชิม่าในวันถัดไปค่ะ