เฮาส์ เทน บอช (Huis Ten Bosch) ในภาษาดัทช์แปลว่า บ้านในป่า (House in the forest) เป็นธีมปาร์คขนาดใหญ่ในจังหวัดนางาซากิ ในปาร์คมีทั้งสวนสนุก สวนดอกไม้ กังหันลม ปราสาท พิพิธภัณฑ์ และอีกมากมาย ตกแต่งสไตล์ฮอลแลนด์ จัดแบ่งเป็นโซนต่างๆ 7 โซนโดยหลายโซนได้นำชื่อมาจากเมืองในประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ Free Zone, Thriller Fantasy Museum, Art Garden, Utrecht, Binnenstad, Breukelen และ Nieuwstad ล้วนแล้วแต่น่าเที่ยวทุกโซน

แต่ครั้งนี้เราจะพามาเน้นเที่ยวสวนดอกทิวลิป ซึ่งปีนี้ก็จะมีการจัดเทศกาล Big Tulip Festival อีกเช่นเคย โดยเริ่มตั้งแต่ช่วง 9 กุมภาพันธ์ไปจนถึง 14 เมษายน คุณสามารถชมความงามของดอกทิวลิปจำนวน 700 สายพันธุ์ 1 ล้านดอกได้ใน เฮาส์ เทน บอช เทศกาลนี้มีแค่ปีละครั้งตอนฤดูใบไม้ผลิที่ดอกทิวลิปบานสดใสแบบนี้เท่านั้น ถ้าพลาดคงน่าเสียดายแย่

เวลาทำการ
1 Flower Road 9 กุมภาพันธ์ - 14 เมษายน
2 Bastion Flower Field 16 มีนาคม - 7 เมษายน
3 Amsterdam Square 9 กุมภาพันธ์ - 14 เมษายน
Tulip and Windmill 9 กุมภาพันธ์ - 14 เมษายน
4 Hotel Europe 9 กุมภาพันธ์ - 14 เมษายน
5 Palace Huis Ten Bosch 16 มีนาคม - 7 เมษายน
โปรดตรวจสอบที่นี่

ค่าเข้าชม
1 Day Passport
ผู้ใหญ่ (18 ปีขึ้นไป) 7000 เยน
เด็กโต (มัธยมต้น - มัธยมปลาย) 6000 เยน
เด็กเล็ก (4 ขวบ - ประถม) 4600 เยน
ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 6500 เยน
2 ตั๋วเข้าปาร์คอย่างเดียว+ใช้บริการรถในปาร์ค
ผู้ใหญ่ (18 ปีขึ้นไป) 4500 เยน
เด็กโต (มัธยมต้น - มัธยมปลาย) 3500 เยน
เด็กเล็ก (4 ขวบ - ประถม) 2200 เยน
ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 4500 เยน
การเดินทาง
ขึ้นรถไฟสาย Omura จากสถานี Nagasaki มาลงสถานี Huis Ten Bosch แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 22 นาที

อีกหนึ่งดอกไม้ที่พลาดไม่ได้คือการไปชมทุ่งดอกนาโนะฮานะ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่จะบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ทุ่งดอกนาโนะฮานะมีอยู่ในหลายจังหวัด ขอยกของจังหวัดนางาโนะมาแนะนำ โดยทุ่งดอกนาโนะฮานะนี้ขึ้นอยู่ขนานไปกับแม่น้ำชินาโนะ (Shinano) หรือที่รู้จักกันว่าแม่น้ำชิกุมะ (Chikuma) เคยถูกเอาไปใช้เป็นฉากประกอบเพลง “Oboro-tsukiyo (คืนจันทร์สลัว)” ซึ่งเป็นเพลงในหนังสือเรียนชั้นประถมของญี่ปุ่น อีกทั้งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่โรแมนติกและเป็นที่นิยมมาก นอกจากนี้ยังเป็นโลเกชั่นที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ผม แมว และการเดินทางของเรา (The Travelling Cat Chronicles : 旅猫リポート) ซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายของฮิโระ อาริคาวะ (Hiro Arikawa) อีกด้วย

เวลาทำการ
เปิดตลอด

ค่าเข้าชม
ฟรี

การเดินทาง
ขึ้นรถไฟสาย JR Iiyama หรือ Hokuriku Shinkansen ไปลงสถานี Iiyama จากนั้นต่อรถบัส Nagaden Bus สาย Iiyama/Nozawa (คันที่จะไป Nozawa) จากหน้าสถานี ไปลงที่ป้าย Yunoirinosho Iriguchi แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที

ช่วงฤดูใบไม้ผลินี้นอกจากดอกไม้หลายพันธุ์จะเบ่งบานโชว์สีสันอบอุ่นแล้ว การไปทัวร์เก็บผลไม้ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยม สำหรับผลไม้ยอดฮิตที่จะชวนกันไปทัวร์นั้นก็คือสตรอเบอร์รี่นั่นเอง มีให้เก็บกันตั้งแต่ราวๆ มกราคมไปจนถึงมิถุนายน ช่วงมีนาคมถึงพฤษภาคมสตรอเบอร์รี่ก็สุกกำลังหวานพอดี เราไปเก็บสตรอเบอร์รี่ที่ Mother Farm กันเถอะ

มาเธอร์ฟาร์มมีพื้นที่มากกว่า 250 เอเคอร์ ตั้งอยู่บนภูเขาสูงจากน้ำทะเล 300 เมตร ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล วิวเมืองและอ่าวโตเกียวก็เห็น แถมวันไหนอากาศแจ่มใสท้องฟ้าโปร่งก็ยังจะได้เห็นไปถึงภูเขาไฟฟูจิโน่นเลย มาเธอร์ฟาร์มเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ที่ไม่ได้แค่เลี้ยงสัตว์อย่างเดียว แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสารพัดรูปแบบทั้ง สวนสัตว์ที่มีแพะ แกะ อัลปาก้า และอีกมากมาย มีการแสดงโชว์ของสัตว์เหล่านั้นด้วย อีกทั้งยังมีสวนสนุกที่จัดเต็มไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย มีทุ่งดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ และก็มีสวนผลไม้ สวนสตรอเบอร์รี่เป็นจุดสำคัญที่เราจะมาเที่ยวกันในครั้งนี้นั่นเอง การชิมสตรอเบอร์รี่ของที่นี่จะไม่ได้เหมาเป็นแบบบุฟเฟ่ต์แต่เก็บเสร็จเอามาชั่งน้ำหนักแล้วจ่ายเงิน

เวลาทำการ
1 กุมภาพันธ์ - 30 พฤศจิกายน
จันทร์ - ศุกร์ 09.30 - 16.30 น.
เสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00 - 17.00 น.
1 ธันวาคม - 31 มกราคม
จันทร์ - ศุกร์ 10.00 - 16.00 น.
เสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.30 - 16.00 น.

ค่าเข้าชม
ค่าบัตรผ่านเข้าฟาร์ม
ผู้ใหญ่ (ตั้งแต่นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 1500 เยน
เด็ก (4 ขวบ - นักเรียนชั้นประถม 6) 800 เยน
ค่าเข้าสวนสตรอเบอร์รี่
200 เยน

การเดินทาง
ขึ้นรถไฟสาย JR Uchibo ไปลงสถานี JR Kimitsu ออกประตู South Exit 1 ต่อรถชัตเติลบัสรับส่งของฟาร์ม

ญี่ปุ่นนิยมดื่มชาเขียวกันมาก จึงมีหลายจังหวัดปลูกไร่ชา เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายน - มิถุนายนก็ถึงเวลาเก็บใบชาครั้งแรกของปี การท่องเที่ยวทริปเก็บยอดใบชาอ่อนๆ จึงเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เราเลยอยากแนะนำไร่เก็บชาสักแห่งจากหลายๆ ที่เผื่อว่ามีใครวางแผนไปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิแล้วจะเพิ่มโปรแกรมเก็บใบชาเข้าไปด้วย เลือกไร่ในจังหวัดชิซึโอกะมา 1 แห่ง ไร่กรินเพีย (Grinpia Makinohara) เป็นไร่ชาที่มีทัศนียภาพสวยงาม สามารถเก็บชาไปชื่นชมวิวของภูเขาไฟฟูจิที่เป็นฉากอยู่เบื้องหลังไปด้วยได้อย่างสุดประทับใจ มีเครื่องแต่งกายสำหรับเก็บชาบริการให้เช่าไปเก็บชาและถ่ายรูปสวยๆ เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีโรงงานทำชาให้ไปดูกรรมวิธีผลิตใบชา และมีคาเฟ่ชาไว้คอยบริการอีกด้วย

เวลาทำการ
10.00 - 17.00 น.
วันหยุด
29 ธันวาคม - 3 มกราคม

ค่าทำกิจกรรมเก็บชา
ผู้ใหญ่ 820 เยน
เด็กประถม 720 เยน
ค่าเช่าชุดเก็บชา 880 เยน

การเดินทาง
ขึ้นรถไฟชินกังเซ็น JR Tokaido Main Line มาลงสถานี Kikugawa จากนั้นต่อแท็กซี่ไปอีกประมาณ 15 นาที

อีกกิจกรรมที่น่าสนุกในฤดูใบไม้ผลิคือการชมปลาโลมา ช่วงราวเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายนของทุกปีจะเป็นฤดูชมโลมา หลายทัวร์มีการจัดทริปชมปลาโลมา โดยการนั่งเรือท่องเที่ยวไปเที่ยวเกาะ และระหว่างทางก็จะมีปลาโลมากระโดดขึ้นมาเล่นบนผิวน้ำให้เราเห็นกัน

จุดที่มีปลาโลมามารวมกลุ่มกันมากที่สุดคือหมู่เกาะอามาคุสะในจังหวัดคุมาโมโตะ มีปลาโลมากว่า 400 ตัวแหวกว่ายให้เห็น คุณๆ จะได้เก็บภาพปลาโลมาน่ารักๆ ได้แน่นอน เพราะเจ้าโลมาเป็นมิตรมากและจะว่ายเล่นขนาบไปกับเรือที่พามาชมเลยทีเดียวล่ะ หลังจากชมโลมาจนจุใจแล้วนึกอยากเดินเที่ยวในเมืองอามาคุสะก็ได้ มีโบสถ์ Sakitsu โบสถ์คริสต์ชื่อดังของที่นี่รอผู้มาเยือนอยู่เสมอ

เวลาเดินเรือเที่ยวชมปลาโลมาและค่าทัวร์ดูโลมา
แตกต่างกันไปแล้วแต่บริษัททัวร์ แต่ก็ไม่มาก ผู้ใหญ่อยู่ราวๆ คนละ 2500 เยน ส่วนเด็กก็ราวๆ 1500 เยน สามารถตรวจสอบข้อมูลเวลาเรือออกกับราคาได้ตามลิงก์ที่แนบ
Iruka Club
Irukapal
Iruka Marine World
Maruken Iruka
JFAmakusa
IrukaWatching
Dolphincruise
การเดินทาง
ขึ้นชินกังเซ็นไปลงที่ Kumamoto แล้วต่อรถไฟท่องเที่ยว A-Train ไปลงสถานี Misumi เดินไปตรงท่าเรือที่อยู่ไม่ไกลจากสถานี แล้วลงเรือข้ามฟากไป Amakusa