ผลไม้ญี่ปุ่น 5 ชนิดที่ไปแล้วต้องกิน
เชื่อว่ามีผู้อ่านสายรักสุขภาพไม่น้อยที่สนใจรับประทานผลไม้ที่สดและอร่อยจากถิ่นกำเนิด ทั้งเลือกซื้อรับประทานเอง เลือกซื้อเป็นของฝากผู้อื่น หรือเลือกเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ต้องไปสัมผัสถึงฟาร์มปลูกผลไม้โดยตรง เราจึงอยากแนะนำผลไม้ขึ้นชื่อจากญี่ปุ่นทั้ง5ชนิดจากญี่ปุ่นที่ไปถึงถิ่นปลูกแล้วต้องรับประทานให้ได้ พันธุ์ชนิดไหนอร่อย ควรเลือกซื้อที่ไหนอย่างไร เรามีคำตอบให้คุณค่ะ
เมล่อน (Melon)
เป็นผลไม้ที่อาจคุ้นตาคนไทยบ้าง โดยมักจะมีเปลือกนอกสีเขียวทรงกลม มีทั้งผลผิวเรียบและผิวขรุขระลายร่างแห ภายในมีสีสันที่แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ทั้งเนื้อสีขาว สีส้มเข้ม สีเหลือง และสีเขียวอ่อน มีรสชาติหอมหวาน โดยเฉพาะเมล่อนที่ญี่ปุ่นแล้วขึ้นชื่อเรื่องรสชาติฉ่ำหวานเป็นที่สุด
เมล่อนเป็นผลไม้ในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) หากจะรับประทานให้ฉ่ำและอร่อยก็ต้องเลือกซื้อช่วงฤดูกาลนี้ แหล่งจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือฮอกไกโด จังหวัดอิบารากิ และจังหวัดคุมาโมโตะ แบ่งราคาตามสายพันธุ์ ขนาด และเกรดคุณภาพผลไม้ จึงทำให้มีราคาตั้งแต่ลูกละหลักหลักพันถึงหลักหมื่นเยน ถือว่าเป็นผลไม้ราคาแพงสำหรับคนญี่ปุ่น โดยพันธุ์ที่ได้รับความนิยมคือพันธุ์ Yubari Melon และ Prince Melon ซึ่งมีราคาสูงมากถึงหลักหมื่นกว่าเยน
หากไปลองรับประทานทั้งทีอยากแนะนำให้เลือกเมล่อนยูบาริที่ฮอกไกโดในฤดูร้อน ด้วยสีสันที่น่ารับประทาน รวมถึงรสชาติที่และกลิ่นที่หอมหวาน ผลมีขนาดใหญ่ น้ำหวานภายในเนื้อเมล่อนเยอะคุ้มค่าแก่ราคาที่จ่ายไปในราคาขั้นต่ำหลักหลายพันเยน (แต่หากไปเที่ยวฟาร์มในฮอกไกโดก็สามารถซื้อที่หั่นแยกมาทานได้ โดยราคาต่อชิ้นจะหลักร้อยเยน) ถ้าหากจะซื้อกลับทั้งลูก เวลาเลือกซื้อควรเลือกผลเมล่อนที่สีผิวสม่ำเสมอกันทั้งลูก
ลูกพลับ (Persimmon)
ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีมายาวนานตั้งแต่ยุคสมัยเฮอัน ซึ่งคาดว่ารับพันธุ์มาจากประเทศจีนในสมัยนั้น มีผลสีส้มทรงกลม มีแก่นข้างบนผลสีเขียว มีรสชาติหวานละมุน มีวิตามินซีแถมช่วยแก้อาการเมาค้างได้ด้วย ซึ่งเป็นผลไม้ช่วงฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน-พฤศจิกายนแต่เก็บเกี่ยวถึงเดือนธันวาคม) มีแหล่งผลิตขนาดใหญ่ที่จังหวัดวากะยามะ จังหวัดนารา และจังหวัดฟุกุโอกะ
พันธ์ที่นิยมปลูกคือพันธุ์จิโร่และพันธุ์ฟุยู ราคาของลูกพลับหวานโดยรวมไม่แพงราวๆ 100-200 เยนต่อผล บวกลบราคาตามคุณภาพและจำนวนของผลไม้ต่อแพ็ค โดยพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหวานอร่อยและไม่ฟาดคือพันธุ์ฟุยู(富有柿) ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดนาราและจังหวัดกิฟุ แต่สามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์ในเมืองเช่นกัน
เกาลัด (Chestnut)
เกาลัดเป็นผลไม้ชนิดเก่าแก่ที่ค้นพบตั้งแต่ยุคโบราณสมัยโจมงของญี่ปุ่นในราวๆ 5,000 ปีก่อน และเป็นผลไม้อีกชนิดที่ครองใจผู้ใหญ่หลายๆท่าน เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานน้อย มีลักษณะเป็นเปลือกผิวเรียบสีน้ำตาลเข้มปกคลุมด้วยขนแหลมรอบๆ เนื้อข้างในสีเหลือง มีรสชาติหวานมัน เป็น ผลไม้ช่วงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น (เดือนกันยายน-พฤศจิกายน) แหล่งผลิตขนาดใหญ่อยู่ที่จังหวัดอิราบากิและคุมาโมโตะ แนะนำให้ซื้อของจังหวัดอิราบากิ
พันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุุดในญี่ปุ่นคือพันธุ์สึคุบะ (Tsukuba) ซึ่งเป็นพันธ์ที่นิยมปลูกในจังหวัดอิบารากิที่สุดด้วย มีเปลือกมันวาวสีน้ำตาลอมแดงมีน้ำหนักต่อผลมาก และพันธุ์ทันซาว่า (Tanzawa) อีกอันที่อยากแนะนำให้ไปลองเนื่องจากมีเนื้อที่หวานอร่อยและมีกลิ่นหอมมาก หากมาเลือกซื้อรับประทานควรมาในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผลเกาลัดสุกกำลังดีและรสชาติอร่อยที่สุด
สตรอว์เบอร์รี่ (Strawberry)
เชื่อว่าคนไทยหลายๆท่านชอบรับประทานสตรอว์เบอร์รี่ แต่อาจคุ้นชินกับรสชาติสตรอว์เบอร์รี่ที่มีรสเปรี้ยวจี๊ดลูกเล็กมากกว่าเพราะหาซื้อง่ายในไทย แต่สำหรับสตรอว์เบอร์รี่จากประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีหลายพันธ์ให้เลือก ส่วนใหญ่ที่ขายดีจะเป็นแบบสีแดงลูกโต รสชาติหวานฉ่ำอมเปรี้ยว เป็นผลไม้ประจำฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ (เดือนธันวาคม-พฤษภาคม)
หากต้องการจะเลือกซื้อรสชาติที่หวานอร่อยแนะนำให้ซื้อในช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีแหล่งผลิตขนาดใหญ่อยู่ในจังหวัดโทชิกิ จังหวัดฟุกุโอกะ และจังหวัดคุมาโมโตะ โดยมีสายพันธุ์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นที่แนะนำคือ สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์อามะโอ(あまおう苺) มีผลใหญ่แบบในภาพ รสชาติหวานมาก มีตั้งแต่ราคาย่อมเยาว์ 2,500เยน ต่อแพ็ค15ผล กระทั่งหลักเฉียดราคาหมื่นเยน ตามคุณภาพเกรดผลไม้ น้ำหนัก และจำนวนผลต่อแพ็ค หาซื้อได้ไม่ยากตามซุปเปอร์ในเมือง หากไปถูกฤดู
ฮิรามิเลม่อนหรือชิควาซ่า (Hirami lemon, Shikuwasa)
ชิควาซ่า (シークワーサー) ผลไม้ชนิดนี้คนไทยอาจไม่คุ้นหูนัก แถมมีชื่อคล้ายภาษาตะวันตกแต่จริงๆแล้วเป็นชื่อที่มีเอกลักษณ์แบบภาษาโอกินาว่า และมีชื่อกลางว่าฮิรามิเล่อน แต่ถึงแม้ชื่อจะไม่คุ้น รสชาตินั้นกินไม่ยากสำหรับคนไทย
ลักษณะผลภายนอกลูกเล็กสีเขียวเข้มเหมือนมะนาวแป้นของไทย แต่เมื่อผ่าข้างในจะพบว่าสีสันของเนื้อผลไม้จะเหมือนนำเลม่อนมาผสมกับส้ม มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย เป็นผลไม้ที่เกิดขึ้นในเขตร้อนเท่านั้น จึงสามารถปลูกได้ดีในญี่ปุ่นแค่ที่จังหวัดโอกินาว่า จนกลายเป็นของฝากประจำจังหวัด ปลูกกันในช่วงกลางฤดูร้อนกระทั่งถึงช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง(เดือนกรกฏาคม-ตุลาคม)
วิธีรับประทานจะเหมือนกับเลม่อนหรือมะนาว โดยมักจะไปเป็นส่วนประกอบของอาหาร คั้นเป็นน้ำผลไม้สด นำไปจิ้มกับซาชิมิ หรือนำไปทำเป็นซอสชิควาซ่าก็ได้ ราคาหน้าสวนหากซื้อที่โอกินาว่าจะไม่แพงมากเพียง1,000 เยนต่อกิโลกรัม แต่ถ้าหากซื้อจากภูมิภาคอื่นราคาจะสูงขึ้นหลายเท่าตัว แนะนำว่าไม่ต้องหิ้วกลับไทย ให้ลองผลไม้ชนิดนี้แบบน้ำผลไม้คั้นสดจะเหมาะกว่า