10 ที่เที่ยวไม่ควรพลาดในยามางูจิ (Yamaguchi)
จังหวัดยามางูจิ (Yamaguchi) ในภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ทางภูมิประเทศและทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจหลายแห่งและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เช่น สะพานคินไตเคียว (Kintaikyo Bridge) ศาลเจ้าโมโตโนะซุมิอินาริ (Motonosumi Inari Shrine)
By หนึ่งในหัวข้อนี้ได้รวบรวมข้อมูลสถานที่ในยามางูจิที่ควรค่าแก่การไปเยือน ทั้งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมที่งดงามและแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นด้วยทิวทัศน์ทางธรรมชาติ 10 แห่ง ดังนี้
1. สะพานคินไตเคียว (Kintaikyo Bridge)
สะพานไม้ที่สวยติดอันดับ 1ใน3 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองอิวาคุนิ (Iwakuni) ลักษณะเป็นสะพานไม้ 5 โค้ง กว้าง 5 เมตร ความยาว 193.3 เมตร ทอดตัวยาวข้ามแม่น้ำนิชิกิกาวะและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศด้วย เป็นจุดท่องเที่ยว ชมวิว และถ่ายภาพยอดนิยม ซึ่งในแต่ละฤดูกาลก็จะมีทิวทัศน์สวยงามแตกต่างกันไป
เวลาทำการ : สามารถเข้าชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำตั้งแต่ 08.00-18.00 น. และตอนกลางคืนจะเปิดไฟถึง 22.00 น.
ค่าเข้าชม : มีค่าตั๋วข้ามสะพานแบบไปกลับ นักเรียนมัธยมต้นจนถึงผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็กประถม 150 เยน (ช่วงเวลาที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่จุดเก็บค่าเข้าชม ให้หย่อนเงินลงในกล่องเก็บค่าเข้าชมรอบกลางคืนแล้วข้ามสะพานไปได้เลย)
การเดินทาง : จากสถานี Hakata ขึ้นรถไฟ JR Tokaido Sanyo Shinkansen ไปลงที่สถานี Tokuyama ใช้เวลา 45 นาที แล้วเปลี่ยนสายไปขึ้นรถไฟ JR Gantoku Line ไปลงที่สถานี Kawanishi ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
2. ศาลเจ้าโมโตโนะสุมิอินาริ (Motonosumi Inari Shrine)
ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่เลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นทางตอนเหนือของยามางูชิที่มีจุดเด่นคือเสาโทริอิ (Torii) สีแดง จำนวน 123 ต้น ตั้งเรียงรายเลียบชายฝั่งเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร ซึ่งผู้ที่มาเยือนก็ไม่พลาดที่จะเดินใต้เสาโทริอิที่ทอดยาวคล้ายอุโมงค์พร้อมทั้งอธิษฐานขอพรเรื่องต่างๆจากเทพเจ้าที่ศาลเจ้าแห่งนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการค้าขายและความรัก
เวลาทำการ : ตลอดทั้งวัน
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Sanyo Shinkansen ไปลงที่สถานี Nagatoshi จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย JR Sanin Honsen ไปลงที่สถานี Nagato Furuichi ใช้เวลาประมาณ 12 นาที แล้วต่อรถแท็กซี่ไปอีกประมาณ 10 นาที
3. ถ้ำอะคิโยชิโด (Akiyoshido Cave)
ถ้ำหินปูนขนาดใหญ่อันดับต้นๆในญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 100 เมตร ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติอะคิโยะชิได (Akiyoshidai National Park) มีเส้นทางเดินชมภายในถ้ำระยะทางราวๆ 1 กิโลเมตร อุณหภูมิภายในถ้ำคงที่ๆ 17 องศาตลอดทั้งปี อากาศจึงเย็นสบายเหมาะกับการท่องเที่ยวสำหรับคนรักธรรมชาติแม้แต่ในช่วงฤดูร้อน
เวลาทำการ : มีนาคม-พฤศจิกายน 08.30-17.30 น., ธันวาคม-กุมภาพันธ์ 08.30-16.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 700 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 650 เยน, นักเรียนมัธยมต้น 600 เยน, เด็กประถม 300 เยน
การเดินทาง : จากสถานี Hakata ขึ้นรถไฟสาย JR Sanyo Shinkansen ไปลงที่สถานี Shin-Yamaguchi ใช้เวลา 35 นาที จากนั้นต่อรถบัส Bocho Kanko Bus ไปลงที่ป้าย Akiyoshido Bus Center ใช้เวลา 45 นาที แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อย
4. ที่ราบสูงอะคิโยชิได (Akiyoshidai Plateau)
ที่ราบสูงอะคิโยะชิไดตั้งอยู่ไม่ไกลจากถ้ำอะคิโยะชิโดมากนัก เหมาะกับการวางแผนเที่ยวในวันเดียวกัน ลักษณะเป็นลานกว้างที่มีหินปูนซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนของลมและน้ำตามธรรมชาติเป็นรูปร่างต่างๆ กระจายอยู่ทั่ว และในฤดูหนาวหินปูนบริเวณนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะทำให้มีทัศนียภาพสวยงามแปลกตา แต่ถ้าเป็นฤดูใบไม้ผลิก็จะได้พบกับทุ่งดอกไม้ เช่น ดอกคอสมอส
เวลาทำการ : 08.30-16.30 น.
ค่าเข้าชม : : ผู้ใหญ่ 700 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 650 เยน, นักเรียนมัธยมต้น 600 เยน, เด็กประถม 300 เยน
การเดินทาง : Akiyoshidai Plateau อยู่ไม่ไกลจาจากถ้ำ Akiyoshido จาก Kurotani Entrance สามารถเดินเท้าไปตามป่าสนประมาณ 15 นาที ก็จะถึงบริเวณที่ราบสูง
5. สะพานสึโนะชิมะ (Tsunoshima Bridge)
เป็นสะพานขนาดใหญ่สำหรับสัญจรระหว่างเมืองที่ทอดตัวผ่านท้องทะเลอามากาเสะ (Amagase) สีเขียวมรกตตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า มีความยาว 1,780 เมตร นอกจากจะเป็นสะพานที่รถยนต์ใช้สัญจรไปมาแล้ว ก็ยังเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมมาก
เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR San-in Main Line ไปลงที่สถานี Kottoi จากนั้นต่อรถบัส Blue Line Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Nishinagato Resort Iriguchi ใช้เวลา 15 นาที แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาที
