สัมผัสฤดูหนาวผ่านเส้นทางรถไฟชมธรรมชาติ 5 สาย
![สัมผัสฤดูหนาวผ่านเส้นทางรถไฟชมธรรมชาติ 5 สาย](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/860/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9be235de_5b62a564785c7_1832805871.jpg)
ฤดูหนาวญี่ปุ่นอาจไม่ใช่ช่วงเวลาฮิต หากเทียบกับฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระบานสะพรั่ง หรือฤดูใบไม้ร่วงที่พรรณไม้นานาชนิดเปลี่ยนสีสันเป็นสีแดงส้มสวยงาม แต่ท่ามกลางอุณหภูมิที่ติดลบจนหนาวยะเยือก สีขาวโพลนของหิมะที่ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างในความเงียบก็เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ธรรมชาติสร้างความมหัศจรรย์ที่ใครหลายคนอาจไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน
การชมความงดงามของทัศนีย์ภาพในฤดูหนาวนั้น ไม่จำเป็นต้องออกไปลุยหิมะและเผชิญกับความหนาวเหน็บเสมอไป ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีเส้นทางรถไฟหลากหลายสาย ที่เชื่อมต่อจากเมืองใหญ่ไปจนถึงพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลกลางหุบเขา การเดินทางในภูมิภาคทางตอนเหนือที่เปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติด้วยเส้นทางรถไฟทั้ง 5 สายที่เราคัดสรรมาคราวนี้อาจทำให้คุณค้นพบเสน่ห์ของฤดูหนาว และหลงรักภาคเหนือของญี่ปุ่นก็เป็นได้
1. ท่องไปในจังหวัดอากิตะยามฤดูหนาวผ่านเส้นทางรถไฟสายอากิตะไนริคุ
![1. ท่องไปในจังหวัดอากิตะยามฤดูหนาวผ่านเส้นทางรถไฟสายอากิตะไนริคุ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9bf0f040_5b62a7ca7801d_1342657162.jpg)
เส้นทางรถไฟสายอากิตะไนริคุ (Akita Nairiku Line) เป็นเส้นทางรถไฟที่มีความยาว 94.2 กิโลเมตร ทอดยาวตั้งแต่ตอนเหนือลงมาถึงบริเวณตอนกลางของจ. อากิตะ จังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุที่มีชื่อเสียงทั้งเรื่องของการปลูกข้าว หมู่บ้านออนเซ็นอันมีชื่อเสียง และเป็นบ้านเกิดของสุนัขพันธุ์ญี่ปุ่นชื่อดัง อากิตะอินุ
เส้นทางรถไฟสายนี้จะพาคุณไปพบกับทิวทัศน์สีขาวบริสุทธิ์ของหิมะที่ห่มคลุมหุบเขา ทุ่งนา และหมู่แมกไม้นานาพรรณ และมีจุดเด่นอยู่ที่สะพานข้ามแม่น้ำหลากหลายรูปแบบระหว่างการเดินทาง ทุกครั้งที่ขบวนรถไฟแล่นผ่านสะพานเหล่านี้ หากมองลงมาที่พื้นเบื้องล่าง ก็จะได้พบกับสภาพภูมิประเทศอันงดงามของสายน้ำสีดำขลับที่ไหลทอดยาวตัดกับพื้นหิมะสีขาว และแม่น้ำบางสายที่เยือกแข็งจนกลายเป็นสีฟ้าราวกับผลึกอัญมณี
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c00a52a_5b62a80a88099_1289212474.jpg)
นอกจากการได้ชมความงามนอกหน้าต่างขบวนรถไฟระหว่างการเดินทางแล้ว เส้นทางรถไฟสายนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง อะนิสกีรีสอร์ท (Ani Ski Resort) ที่สถานี Aniai ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่จะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในฤดูหนาวที่เรียกกันว่าปีศาจหิมะ หรือ Snow Monster ซึ่งเกิดจากหิมะที่ทับถมต้นไม้ใหญ่บนภูเขาจนเกิดเป็นรูปทรงเหมือนกับสัตว์ประหลาด
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c0e119d_5b62a776d81a0_1986458455.jpg)
สำหรับการเดินทางจากโตเกียวเพื่อมาขึ้นรถไฟสายอากิตะไนริคุนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย เนื่องจากสถานี Kakunodate ที่เป็นสถานีต้นสาย ก็เป็นจุดจอดของรถไฟชินคันเซ็นสายอากิตะเช่นกัน หากต้องการนั่งไปจนสุดสายที่สถานี Takanosu จะมีค่าใช้จ่ายเที่ยวละ 1,670 เยน และใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที (JR Pass ไม่ครอบคลุมเส้นทางนี้)
2. สัมผัสเสน่ห์ของจังหวัดอิวาเตะ ด้วยเส้นทางรถไฟสายทาซาวะโกะ
![2. สัมผัสเสน่ห์ของจังหวัดอิวาเตะ ด้วยเส้นทางรถไฟสายทาซาวะโกะ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c1c6ba5_5b62a79c8b945_1300884588.jpg)
เส้นทางรถไฟสายทาซาวะโกะ (Tazawako Line) เป็นเส้นทางรถไฟความยาว 75.6 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในรถไฟไม่กี่สายที่วิ่งผ่านจังหวัดอิวาเตะ จังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจากฮอกไกโดและเคยเป็นศูนย์กลางทางการปกครองของภูมิภาคโทโฮคุในอดีต
บรรยากาศระหว่างการเดินทางนั้นจะมีความโดดเด่นจากภูมิประเทศโดยรอบที่เป็นทะเลสาบและภูเขา ซึ่งยังคงความงดงามให้เห็นแม้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะไปทั่วทุกบริเวณ และไฮไลท์สำคัญของเส้นทางรถไฟสายนี้คือภูเขาอิวาเตะ ภูเขาที่มีหน้าตาและความสวยงามคล้ายคลึงกับภูเขาไฟฟูจิ จึงทำให้มีการขนานนามภูเขาลูกนี้ว่า “ฟูจิแห่งนัมบุ” (นัมบุเป็นชื่อพื้นที่ทางเหนือของอิวาเตะในอดีต) ซึ่งจุดที่จะมองเห็นภูเขาลูกนี้ได้ชัดคือตั้งแต่สถานี Okama ไปจนถึงสถานี Harukiba
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c296266_5b62a7b980601_339008736.jpg)
ชื่อของเส้นทางรถไฟสายนี้ก็ถือเป็นการบ่งบอกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอยู่ในตัว นั่นก็คือทะเลสาบทาซาวะ ซึ่งตั้งอยู่ที่สถานี Tazawako ทะเลสาบแห่งนี้ถือเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น จนทำให้น้ำในทะเลสาบไม่จับตัวเป็นน้ำแข็งแม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูหนาว เกิดเป็นภาพผืนน้ำสีฟ้าใสกว้างใหญ่ และถูกโอบล้อมด้วยแนวภูเขาอย่างลงตัว และยังมีจุดที่ห้ามพลาดคือรูปปั้นทัตสึโกะ รูปปั้นสีทองที่ตั้งโดดเด่นอยู่ริมทะเลสาบ ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิตแล้ว ก็ยังมีความเป็นมาที่เกี่ยวกับความรัก เป็นจุดชมวิวของคู่รักที่น่าประทับใจ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายทะเลสาบทาซาวะ คือเป็นเส้นทางเดียวกับที่รถไฟสายอากิตะชินคันเซ็นวิ่งผ่านหากเดินทางจากโตเกียวไปยังอากิตะ จึงไม่ต้องเสียเวลาแวะพักที่สถานีอื่นหรือต้องเดินทางหลายต่อ แต่หากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศมาชื่นชมความงามอย่างช้าๆ พร้อมกับแวะเที่ยวตามสถานีรายทาง ก็สามารถขึ้นขบวนรถไฟท้องถิ่นจากสถานี Morioka ซึ่งไปสิ้นสุดที่สถานี Omagari และใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสารเที่ยวละ 1,490 เยน (ครอบคลุมการใช้ JR Pass ตลอดเส้นทาง)
3. นั่งรถไฟเตาผิงชมความงามในฤดูหนาวบนเส้นทางรถไฟสายซึการุ
![3. นั่งรถไฟเตาผิงชมความงามในฤดูหนาวบนเส้นทางรถไฟสายซึการุ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c36766a_5b62a826c3138_1472770267.jpg)
หากคิดว่าการนั่งรถไฟชมวิวเพียงอย่างเดียวฟังดูเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเกินไป เส้นทางรถไฟสายซึการุ (Tsugaru Line) ในจังหวัดอาโอโมรินั้นได้จัดขบวนรถไฟพิเศษที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครขึ้นมาเพื่อการเดินทางช่วงฤดูหนาวโดยเฉพาะ ซึ่งรถไฟขบวนนี้มีชื่อว่า”รถไฟเตาผิง” หรือ Stove Train ที่ให้บริการในช่วงวันที่ 1 ธันวาคม ถึง 31 มีนาคมของทุกปีเท่านั้น
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c434db6_5b62a840c302e_621438795.jpg)
สำหรับใครที่เดินทางมาจากโตเกียว จะต้องนั่งรถไฟฮอกไกโดชินคันเซ็นมาลงที่สถานี Shin-Aomori จากนั้นต่อรถไฟท้องถิ่นมาลงที่สถานี Goshogawara และเดินไปอีกเล็กน้อยถึงตึกที่เป็นสถานีต้นทางของ Stove Train ที่อยู่ติดกัน หากเดินทางไปจนสุดสายที่สถานี Tsugaru Nakasato จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสารจะคิดตามระยะทางจริง บวกกับค่าโดยสาร Stove Train เพิ่มอีก 400 เยน (รวมประมาณเที่ยวละ 1,250 เยน และไม่สามารถใช้ JR Pass ได้)
4. ภาพฝันแห่งฤดูเหมันต์จากเส้นทางรถไฟสายทาดามิ
![4. ภาพฝันแห่งฤดูเหมันต์จากเส้นทางรถไฟสายทาดามิ](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c50479a_5b62a882dd9a5_834299782.jpg)
ภาพของรถไฟขบวนหนึ่งที่กำลังแล่นข้ามสะพาน ท่ามกลางหมู่ต้นสน พื้นดิน และภูเขาที่เป็นสีขาวโพลนทั้งหมด และยังมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย อาจดูเหมือนภาพในดินแดนแห่งเทพนิยายมากกว่าที่จะมีอยู่บนโลกจริงๆ แต่ไม่ว่าใครๆก็สามารถเดินทางไปสัมผัสกับทิวทัศน์อันแสนมหัศจรรย์เช่นนี้ได้ด้วยการเดินทางไปกับขบวนรถไฟบนเส้นทางสายทาดามิ (Tadami Line) ในจังหวัดฟุคุชิมะ
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c5b016f_5b62a8b06e79f_142000657.jpg)
ที่จริงแล้วเส้นทางรถไฟสายนี้ถือเป็นเส้นทางรถไฟที่มีชื่อเสียงและความสวยงามคุ้มค่าแก่การมาเยือนในทุกฤดู จากภูมิประเทศอันสลับซับซ้อนของจังหวัดฟูกุชิมะที่เต็มไปด้วยแม่น้ำสายใหญ่อย่างแม่น้ำทาดามิ (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสายรถไฟ) บวกกับป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และภูเขาสูง แม้หิมะจะปกคลุมทุกอย่างเอาไว้ก็ไม่สามารถซ่อนความงามของภูมิประเทศรอบด้านเอาไว้ได้ และยังช่วยเพิ่มเสน่ห์เฉพาะตัวเข้าไปอีก
สำหรับใครที่ต้องการมากกว่าการชมความงามจากต่างรถไฟเพียงอย่างเดียว ก็สามารถแวะลงรถไฟที่สถานี Aizu-Miyashita และต่อรถบัสไปยังจุดพักรถ Ose-Kaido Mishima Juku ที่นี่จะมีจุดชมวิวที่สามารถถ่ายภาพมุมยอดฮิตของรถไฟสายทาดามิที่กำลังข้ามสะพานได้
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c67c609_5b62a8dbc3916_784162207.jpg)
หากใครที่ตั้งต้นการเดินทางจากโตเกียว สามารถขึ้นรถไฟโทโฮคุชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Koriyama ในจังหวัดฟุคุชิมะ จากนั้นต่อรถไฟท้องถิ่นไปลงที่สถานี Aizu-Wakamatsu ซึ่งเป็นสถานีต้นทางของสายทาดามิ ปัจจุบันสามารถนั่งไปจนสุดสายได้ถึงสถานี Aizu-Kawaguchi จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที ค่าโดยสารเที่ยวละ 1,140 เยน และสามารถใช้ JR Pass ได้
5. เพลิดเพลินกับความงามของหุบเขาหิมะด้วยรถไฟสายริคุอีสท์
![5. เพลิดเพลินกับความงามของหุบเขาหิมะด้วยรถไฟสายริคุอีสท์](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c74c0fd_5b62a9940d902_612058530.jpg)
เส้นทางรถไฟสายริคุอีสท์ หรือริคุตะวันออก (Rikuu East Line) คือเส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดยามากาตะ และจังหวัดมิยางิ สองจังหวัดที่ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องของการเกษตรและมีแหล่งน้ำพุร้อนมากมาย โดยริคุนั้นเป็นหนึ่งในชื่อเก่าของภูมิภาคโทโฮคุในอดีต
เนื่องจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่วิ่งผ่านภูเขาเป็นส่วนใหญ่ ระหว่างทางจึงเต็มไปด้วยอุโมงค์ ทุกครั้งที่ขบวนรถไฟวิ่งพ้นออกมา เราจะได้พบกับภาพบรรยากาศใหม่ๆของภูเขาหิมะสองข้างทางที่ไม่ซ้ำกันเสมอ โดยไฮไลท์สำคัญระหว่างการเดินทางบนเส้นทางรถไฟสายนี้ คือช่วงเวลาที่ขบวนรถไฟวิ่งออกมาจากอุโมงค์ มาพบกับหุบเขานารุโกะ หนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งในฤดูหนาวนั้นทั้งสายน้ำ หินผา และพรรณไม้ทั่วทั้งบริเวณต่างถูกปลกคลุมให้เป็นหนึ่งเดียวกันด้วยหิมะอันบริสุทธิ์ และขับเน้นความงามของสภาพภูมิประเทศอันโดดเด่นออกมาอย่างชัดเจน
![](https://imgcp.aacdn.jp/img-a/600/auto/global-aaj-front/article/2018/08/5b62a9c805b8a_5b62a9aef0643_65639084.jpg)
หากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศการชมความงามของฤดูหนาวในรูปแบบอื่น ก็คงไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่าการแวะแช่น้ำพุร้อนพร้อมกับชมหิมะที่โปรยปรายลงมาที่นารุโกะออนเซ็น ณ สถานี Naruko Onsen ซึ่งเป็นเมืองน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและยังอยู่ใกล้เคียงกับหุบเขานารุโกะ โดยใครที่มีเวลาและอยากได้ภาพสวยๆ ก็สามารถเดินไปยังจุดชมวิวเพื่อรอถ่ายภาพขบวนรถไฟที่แล่นออกมาจากอุโมงค์ได้อีกด้วย
สถานี Shinjo ที่เป็นสถานีเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟสายริคุอีสท์นั้นยังเป็นจุดจอดของรถไฟชินคันเซ็นสายยามากาตะ จึงสามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกสบายจากโตเกียว โดยหากเดินทางไปจนสุดสายที่สถานี Kogota ในจังหวัดมิยางิ จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 1,850 เยน ซึ่งครอบคลุมการใช้ JR Pass ตลอดทั้งการเดินทาง