All About Japan

ใบไม้เปลี่ยนสีที่อาโอโมริ

ปราสาท สถานที่ทางประวัติศาสตร์ มรดกโลก สวนสาธารณะ ที่ราบสูง ทะเลสาบ แม่น้ำ ใบไม้แดง Aomori โทโฮคุ
ใบไม้เปลี่ยนสีที่อาโอโมริ

ใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นมาคู่กับใบไม้เปลี่ยนสี แต่เกียวโตนั้นก็คนเยอะเหลือเกิน ถ้าใครคาดหวังสถานที่เที่ยวที่เงียบสงบ คนไม่เยอะและได้ชมใบไม้แดงที่สวยงามอย่างเต็มอิ่ม ภูมิภาค ”โทโฮคุ” ทางเหนือของญี่ปุ่นนั้นมีธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเกียวโต รอให้คุณมาค้นหาค่ะ

ที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำในครั้งนี้คือจังหวัดเหนือสุดของเกาะหลักของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “อาโอโมริ” การเดินทางมาที่นี่ต้องเลือกว่าจะนั่งชินคันเซนมาจากโตเกียว (สำหรับคนที่มาลงที่โตเกียว) หรือว่าจะข้ามมาจากฝั่งฮอกไกโด (สำหรับคนที่มาลงที่ซัปโปโร) อย่างไรก็ตามครั้งนี้ผู้เขียนสบโอกาสนั่งเรือข้ามฟากจากฮอกไกโดมาลงที่อาโอโมริพอดี จึงมีโอกาสได้แวะเที่ยวก่อนจะล่องใต้กลับโตเกียวค่ะ

แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ เดินทางมาจากโตเกียวจะง่ายกว่ามากๆค่ะ ถ้าจะมาตามสถานที่ท่องเที่ยวในบทความนี้ให้ขึ้น Tohoku Shinkansen จากสถานีโตเกียวหรือสถานีอุเอโนะ แล้วลงที่ Shin-Aomori จะใช้เวลาราวๆ 3ชั่วโมง ก่อนจะต่อรถไฟสาย Ou Main Line อีกครึ่งชั่วโมงไปลงสถานี Hirosaki ค่ะ สำหรับท่านที่มี JR Pass แบบทั่วประเทศ ทั้งหมดที่ว่ามานี้ฟรีค่ะ

ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มสวนภายในปราสาทฮิโรซากิ

ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มสวนภายในปราสาทฮิโรซากิ

ผู้เขียนมาถึงอาโอโมริครั้งนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศทางเหนือค่อนข้างหนาวแล้วสำหรับคนไทย ที่เลือกไปปราสาทฮิโรซากิก่อนก็เพราะเคยมีความทรงจำกับที่นี่สมัยมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นซากุระค่ะ แถมยังเป็นซากุระที่สวยมากๆ บานสะพรั่งเต็มสวนรอบปราสาท สวยชนิดที่แม้หลังจากนั้นผู้เขียนจะได้มาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นอีกหลายปี แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นซากุระที่สวยขนาดนั้นอีกเลย แม้จะไปชมซากุระในญี่ปุ่นมาหลายที่แล้วก็ตาม

แม้ซากุระที่ฮิโรซากิจะสวยอย่างไรก็ตาม เป้าหมายในครั้งนี้ของผู้เขียนคือ “ใบไม้แดง” ค่ะ ลงจากสถานีแล้วต่อบัสมาที่โซนปราสาทระหว่างทางก็จะเริ่มเห็นใบไม้แดงประปราย พอเดินเข้ามาในสวนของปราสาทก็เจอกับบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงแบบเต็มๆเลยค่ะ ได้กลิ่นของใบไม้ที่แตกต่างจากกลิ่นหอมหวานของดอกซากุระในช่วงใบไม้ผลิอย่างสิ้นเชิง ให้ความรู้สึกสดชื่นทีเดียวค่ะ

วันที่ไปฝั่งฮิโรซากิยังเปลี่ยนสีไม่หมด ก็แลเห็นทั้งสีเขียวส้มเหลืองแดงสลับกันไป สวยไปอีกแบบค่ะ สีเหลืองส่วนใหญ่เป็นต้นแปะก๊วยในขณะที่สีส้มกับแดงเป็นใบเมเปิ้ล

ที่จริงลึกเข้าไปจะมีสวนพฤกษศาสตร์ด้วยค่ะ จะได้เห็นต้นไม้ที่หลากหลายกว่า แต่มีค่าเข้าเพิ่มเติมอีก 310เยน และในช่วงเดียวกับใบไม้แดงคือกลางเดือน 10 ถึงกลางเดือน 11 ก็จะมีเทศกาลชมดอกเบญจมาศภายใต้ใบไม้แดงด้วยค่ะชื่องาน Hirosaki Castle Chrysanthemum and Autumn Foliage Festival

หลังจากเดินถ่ายรูปในสวนจนพอใจก็เดินเข้าไปส่วนของปราสาทค่ะ

ปราสาทฮิโรซากิท่ามกลางใบไม้แดง

ปราสาทฮิโรซากิท่ามกลางใบไม้แดง

ปราสาทฮิโรซากิเป็นปราสาทขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็เป็นปราสาทเดียวในภูมิภาคโทโฮคุที่เป็นของแท้ที่เหลือรอดมาตั้งแต่อดีต ไม่ใช่ของที่ถูกจำลองขึ้นใหม่หลังสงครามค่ะ (อย่างพวกปราสาทโอซาก้าหรือนาโกย่านี่ก็จำลองนะ) ในญี่ปุ่นปราสาทที่เป็นของแท้ตั้งแต่อดีตเหมือนฮิโรซากิมีเพียง 12 ที่เท่านั้น

ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1611 โดยตระกูลซึการุ ตอนแรกยิ่งใหญ่กว่านี้เพราะมีถึงห้าชั้น แต่ถูกฟ้าผ่าจนไฟไหม้ในปี 1627 และได้รับการสร้างใหม่ในปี 1810 มีสามชั้นอยู่อย่างนั้นมาจนถึงปัจจุบัน

ค่าเข้าชมภายในปราสาทอยู่ที่ 310 เยนค่ะ และถ้าใครสนใจเข้าชมพร้อมซื้อตั๋วชมเทศกาลดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วง ตั๋ว 2 ใบรวมกันก็จะลดเหลือ 510 เยนค่ะ ดังนั้นเวลาซื้อก็ซื้อพร้อมกันเลยคุ้มที่สุดค่ะ ถ้าเป็นคนที่ชอบดูสถาปัตยกรรมเก่าๆก็คุ้มที่จะเข้าไปดูอย่างใกล้ชิด แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าไม่ได้หวือหวาแบบปราสาทใหญ่ๆ แต่ให้ความรู้สึกถึงอดีตที่สงบและเรียบง่ายค่ะ
หลังออกจากปราสาทแล้วก็แวะทานอาหารซักหน่อย อาโมโมริขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล ข้าวหน้าปลาดิบที่นี่จะสดใหม่รสชาติดีค่ะ นอกจากนั้นแอปเปิ้ลก็อร่อยมาก ถ้ามาเที่ยวช่วงหน้าแอปเปิ้ลก็อย่าลืมลองชิม และในส่วนของฝากนั้น ถ้าการขนแอปเปิ้ลกลับไปเป็นเรื่องลำบาก ก็มีขนมของฝากรสแอปเปิ้ลมากมายให้เลือกซื้อกลับไปค่ะ

งานแสดงไฟยามค่ำคืน ที่คลองรอบๆปราสาทฮิโรซากิ

งานแสดงไฟยามค่ำคืน ที่คลองรอบๆปราสาทฮิโรซากิ

ปราสาทอาโอโมริตอนกลางวันในฤดูใบไม้ร่วงว่าสวยแล้ว กลางคืนก็สวยงามไม่แพ้กัน ช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีกลางคืนหลังตะวันตกดินจนประมาณช่วงสามทุ่ม จะมีไลท์อัพด้วยค่ะ มาเดินชมตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบ

หลังบอกลาฮิโรซากิ เป้าหมายต่อไปคือเราจะนั่งรถด่วน Resort Shirakami ไปยังส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชิราคามิซานชิที่มีชื่อว่า สิบสองทะเลสาบหรือ “จูนิโกะ” ค่ะ ลงที่สถานีชื่อเดียวกันคือสถานี Juniko

แกรนด์แคนย่อนของญี่ปุ่น นิปปอนแคนย่อน

แกรนด์แคนย่อนของญี่ปุ่น นิปปอนแคนย่อน

ชิราคามิซานชิก่อนเป็นอุทยานแห่งชาติของญี่ปุ่นที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ลักษณะเด่นคือเป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นบีชโบราณมากมาย มีพรรณไม้ที่หลากหลาย พื้นที่ไม่ถูกรุกรานจากมนุษย์ และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจหลายที่ เช่นแกรนด์แคนย่อนญี่ปุ่น (นิปปอนแคนย่อน) รวมทั้งสิบสองทะเลสาบที่ผู้เขียนจะแวะมาเที่ยววันนี้ค่ะ

เมื่อลงจากสถานีรถไฟ Juniko ก็เดินไปขึ้นบัสต่อค่ะ เป็นบัสขึ้นเขาวิ่งสั้นๆ ลงบัสเดินไปอีกนิดก็จะเจอศูนย์ให้ข้อมูล มีแผนที่ให้ครบว่า 12 ทะเลสาบอยู่ตรงไหนในป่าบ้าง จะได้วางแผนเดินไปชมกันถูก สำหรับคนที่ยังไม่เคยปีนเขาจริงจัง มาชิราคามิซานซิแล้วเริ่มจาก 12 ทะเลสาบถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก มีตั้งแต่คอร์สสั้นๆ เดินไม่ถึงชั่วโมง ไปจนถึงคอร์สยาวที่เดินไกลหน่อย ได้ชมสระเยอะขึ้น และทางเดินก็จะวิบากกว่านิดๆ สำหรับตัวผู้เขียนเอง วันนี้เลือกคอร์สสบายๆ ที่ไปจบที่โรงน้ำชา แล้วก็คิดว่าจะเดินกลับค่ะ เพราะช่วงบ่ายไม่ได้มีเวลามาก จะต้องนั่งรถไฟต่อไปให้ถึงอากิตะก่อนรถไฟกลับโตเกียวจะหมด

ไม่ว่าจะเลือกคอร์สไหนก็ตาม สระแรกที่ต้องไปให้ได้ของที่นี่ก็คือ “อาโออิเคะ” ที่แปลตรงตัวว่าสระสีฟ้าค่ะ

สระสีฟ้า อาโออิเคะ

สระสีฟ้า อาโออิเคะ

สระนี้ถึงจะเลือกคอร์สที่เดินสั้นที่สุดแค่ 15 นาทีก็มาถึงได้ค่ะ และสวยคุ้มค่าของการมาชม จุดเด่นก็เหมือนกับชื่อเลยคือน้ำในสระเป็นสีฟ้าสดแปลกตาอันเกิดมาจากแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำ คนที่มา 12 ทะเลสาบก็มักจะมาชมสระนี้ก่อนจะแยกย้ายไปยังสระอื่นๆที่สนใจอีกที บรรยากาศรอบๆสระค่อนข้างจะร่มรื่น เพราะเดินเข้าเขตป่ามาพอสมควรแล้วค่ะ

ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ “สระเคย์โตบะ”

ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ “สระเคย์โตบะ”

หลังจากบ่อสีฟ้า เดินถัดมาหน่อยก็จะมาถึง “สระเคย์โตบะ” ใบไม้ที่นี่เปลี่ยนสีแล้วเช่นกันเนื่องจากเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ให้ความรู้สึกดิบๆและเป็นธรรมชาติ ต่างกับที่ฮิโรซากิพอสมควรแต่ก็งดงามทั้งคู่ค่ะ

เดินต่อมาตามเส้นทางก็จะพบ “สระโอจิคุจิ” ที่มีโรงน้ำชาตั้งอยู่ตรงข้าม จะนั่งพักดื่มชาเขียวมัชฉะที่บริการฟรีพร้อมขนมญี่ปุ่นชิ้นเล็กๆ ก็ดีไม่น้อยค่ะ

ชาไม่ได้อร่อยเลิศรสจนลืมกลืน แต่ก็เป็นชาอย่างดีที่มาพร้อมกับบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมค่ะ ระหว่างดื่มก็ถือโอกาสนั่งพักเล็กน้อย หลังจากดื่มชาหมดก็เดินไปที่กล่องบริจาคค่าขนมซึ่งไม่บังคับ แล้วหยอดเหรียญสมทบทุนลงไป ก่อนที่จะออกเดินต่อไปที่สระสุดท้ายตามคอร์สเดิมที่ตั้งใจคือ ”สระโคชิคุจิ” ที่อยู่ใกล้ศูนย์ให้ข้อมูลที่สุด ใบไม้แดงที่นี่เองก็งดงามไม่แพ้สระอื่นๆเลย

เดินชมใบไม้แดง อ้อยอิ่งอีกเล็กน้อย ผู้เขียนก็เดินกลับไปซื้อขนมของฝากที่ศูนย์ข้อมูล ก่อนที่จะไปขึ้นบัสกลับสถานี เพื่อต่อรถไฟล่องใต้ไปยังอากิตะ เพื่อหารถกลับโตเกียวต่อไปค่ะ

know-before-you-go