รวมคดีที่คนไทยก่อในญี่ปุ่น
หนีวีซ่า เสียค่านายหน้าเป็นแสน ถูกลอยแพ
เป็นอะไรที่มีให้เห็นบ่อยที่สุดอันดับหนึ่งเลยค่ะ หลายๆครั้งเกิดขึ้นเพราะอยากทำงานที่ญี่ปุ่น
เคสที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ยังดีที่ไม่ป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถกลับไทยได้ เรื่องมันมีอยู่ว่าชายไทยโดนหลอกมาทำงานที่ญี่ปุ่นแบบหนีวีซ่าแต่โดนลอยแพ เสียเงินเป็นแสน มาถึงก็ไม่มีงานให้ทำ ต้องกลับไทยอยู่ดี พูดตรง ๆ ก็คือเสียตังค์ฟรี
ทีนี้ นอกจากเคสนี้แล้วก็ยังมีอีกหลายเคสที่ไม่ได้ถูกหลอก บางทีรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมาอยู่แบบหนีวีซ่าแต่ก็ยังทำ รู้ทั้งรู้ว่าหนีวีซ่าผิดกฎหมาย แต่ก็ยังอยากมาลองเสี่ยงตายที่ญี่ปุ่นดู อยากบอกว่าเข้ามาอย่างถูกกฎหมายก็ลำบากจะแย่อยู่แล้ว ทั้งค่าครองชีพ ภาษีมหาโหด แล้วยังจะต้องมาปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมและสภาพอากาศที่แตกต่างจากไทยอีก ประเทศไทยมีโอกาสมากกว่าญี่ปุ่นเยอะ
แต่ถึงแม้จะยากก็จริง ถ้าจะมาหาประสบการณ์ชีวิตที่ญี่ปุ่นก็เป็นสิ่งที่แนะนำค่ะ เพราะจะได้เรียนรู้อะไรกลับไปแน่ๆ แต่ต้องมาแบบถูกต้องนะ ถ้าอยากมาทำงานที่ญี่ปุ่นแนะนำให้ไปที่กรมการจัดหางานดูนะคะ มาให้ถูกกฎหมายไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อย่าเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่หรือกลับบ้านเป็นหนี้หัวโตเลยค่ะ มันไม่คุ้มแน่ๆ
อ่านบทความเต็ม: www.khaosod.co.th (ภาษาไทย)
คนไทยถูกจับหลังหยิบขนมกินก่อนจ่ายเงิน
เรื่องไม่น่าเป็นเรื่องก็เป็นเรื่องเสียได้ เมื่อคนไทยใช้นิสัยไทย ๆ ในญี่ปุ่น เรื่องก็คือมีนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ระหว่างที่เดินเลือกซื้อของอยู่นั้นก็ไปหยิบขนมมาแกะกินโดยที่ไม่ได้จ่ายเงินก่อนแถมอ้างว่าซุปเปอร์ในประเทศไทยทำแบบนี้ได้จ้า (มักง่ายและคิดว่าถ้าไม่โดนจับคงจะลอยหน้าลอยตากินแล้วเดินออกจากร้านไป) เลยโดนคดีลักทรัพย์เต็ม ๆ จ้า
ส่วนตัวเคยเห็นแบบนี้ในไทย ตามซุปเปอร์หรือร้านสะดวกซื้อแอร์เย็นฉ่ำ ๆ บ่อย ๆ คืออากาศข้างนอกมันร้อนมาก เวลาเข้าร้านสะดวกซื้อปุ๊บก็ไปตู้น้ำเปิดกินปั๊บแล้วค่อยมาจ่ายเงินทีหลัง วัฒนธรรมแบบนี้ไม่ควรถูกปลูกฝังในบ้านเรานะคะ เข้าใจว่าพนักงานก็หยวน ๆ ให้ด้วยแต่ที่จริงไม่ควรทำแบบนี้ทั้งที่ไทยและต่างประเทศ มันผิดกฎหมายนะ
อ่านบทความเต็ม: www.thairath.co.th (ภาษาไทย)
รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาขโมยภาพวาด
รู้ถึงไหนอายถึงนั่นแทบแทรกแผ่นดินหนี กับคดีใหญ่ระดับประเทศ ที่เกิดขึ้นจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเราที่อวัยวะบางอย่างไม่ใหญ่ตามอายุ โดยชายไทยผู้เป็นรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาในขณะที่เกิดเหตุ (ขอสงวนนามแต่สามารถเซิร์ชหาเองได้) ไปขโมยภาพวาดที่แขวนอยู่ในโถงทางเดินของโรงแรมรวมมูลค่า 15,000 เยน ภายหลังถูกจับกุมอ้างว่าเมาถึงก่อเหตุนี้ขึ้น เป็นสิ่งที่น่าอับอายขายหน้าสำหรับประเทศไทยมากที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น กลับเป็นผู้ไปขโมยของผู้อื่นเสียเอง สุดท้ายได้กลับไทย แต่ก็หลุดจากการเป็นรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เอวัง
รับขนยาเสพติด
สุดท้ายนี้ คดีร้ายแรงที่สุดอันดับหนึ่งก็คือคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
คิดว่าน่าจะเห็นกันบ่อย ๆ บนเฟซ โดยเฉพาะตามกรุ๊ปคนเที่ยวญี่ปุ่นหรือคนไทยที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น กับโพสแนวๆฝากหิ้วของเข้าญี่ปุ่น อยากจะขอเตือนว่าเราไม่ควรรับฝากหิ้วของนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราไม่รู้ว่าของที่เค้าให้เราหิ้วมาคืออะไร ถ้าเรารับฝากหิ้วแล้วโดนสอดไส้เป็นสิ่งผิดกฎหมายมา แม้เราเองจะไม่รู้แต่ก็ผิดกฏหมายอยู่ดี รับรองว่าถ้าโดนกับตัวจะไม่คุ้มค่าแรง ทั้งเสียเวลา เสียเงิน ดีไม่ดีอาจติดคุก ดังนั้นจะหารายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ โดยการรับหิ้วของจากคนแปลกหน้าโดยที่เราไม่เห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไรมันไม่คุ้มค่ะ
ซึ่งการหิ้วไม่เหมือนกับการฝากซื้อนะ ถ้าเรารับงานจากคนรู้จัก บอกให้เราไปซื้ออะไรก็ซื้อ แล้วหิ้วไปให้ อันนี้จะปลอดภัยเพราะเป็นของที่เราเดินไปซื้อเอง
ส่วนคนที่ตั้งใจจะมาหิ้วยาเสพติดอย่างจริงจังแม่หมวยก็ขอสาปแช่งให้ติดคุกไว ๆ นะจ๊ะ ติดกันยาว ๆ โดนแบนไม่ให้ประเทศกันไป มาสำนึกเสียใจภายหลังคงไม่ทันแล้ว เป็นความผิดติดตัวไปตลอดชีวิต
ถึงบางคดีจะดูเป็นคดีเล็กน้อยจ่ายค่าปรับก็น่าจะกลับบ้านได้ แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่ค่ะ ที่นี่กฎหมายเข้มงวดมาก และการบังคับใช้ก็จริงจังมาก ดังนั้นถ้ามาเที่ยวบางครั้งหาโอกาสศึกษากฎหมายและวัฒนธรรมบ้านเค้าไว้เซฟตี้ที่สุดค่ะ