All About Japan

10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด

ใบไม้แดง Akita Aomori Fukushima Iwate Miyagi Yamagata โทโฮคุ
10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ในประเทศญี่ปุ่น เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย อากาศเย็นสบาย โดยเฉพาะสถานที่ทางธรรมชาติที่มีความสวยงามในฤดูกาลต่างๆ เราจะขอแนะนำ 10 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่ควรพลาดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่จะมีความสวยงามที่สุดในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนของทุกปี

1. ทะเลสาบโทวาดะ อาโอโมริ (Towada lake, Aomori )

1. ทะเลสาบโทวาดะ อาโอโมริ (Towada lake, Aomori )

ทะเลสาบแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี่ที่สวยที่สุดติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่น ไฮไลท์ของการมาชมใบไม้เปลี่ยนสี่ที่นี่คือ การนั่งเรือล่องทะเลสาบโทวาดะ หรือการเดินไปตามริมลำธารโออิราเซะ (Oirase Stream) ซึ่งเส้นทางเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นิยมกันจะเริ่มจากทะเลสาบโทวาดะ เลียบลำธารไปเรื่อยๆ จนไปถึงน้ำตกโจชิ โอทากิ (Choshi Ootaki) เป็น ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเดินเน้นชมวิว ใครๆก็เดินได้ไม่ลำบากมาก มีการปูพื้นที่ดีในระดับนึง สามารถเดินได้สบายๆไม่ต้องมีเครื่องมือปีนเขาหรือรองเท้าพิเศษ

เวลาทำการ : บริการล่องเรือตั้งแต่ 08.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : เริ่มที่สถานี Aomori จะสะดวกที่สุด โดยสามารถนั่งรถบัส JR Bus Tohoku ที่จุดจอดรถบัสหมายเลข 11 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

2. ฮาจิมังไท อิวาเตะ (Hachimantai, Iwate)

2. ฮาจิมังไท อิวาเตะ (Hachimantai, Iwate)

ภูเขาฮาจิมังไท (Hachimantai) เป็นแนวภูเขาไฟลักษณะแบนราบ จุดสูงสุด 1,613 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีพื้นที่คาบอยู่ใน 2 จังหวัด คืออิวาเตะกับอากิตะ ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติทั้งป่าไม้ ภูเขาสลับซับซ้อน ทะเลสาบน้อยใหญ่ และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงพื้นที่แห่งนี้ก็จะมีสีสันสดใส นักท่องเที่ยวนิยมขับรถชมทิวทัศน์ริมถนนสาย Hachimantai Aspite Line ซึ่งเป็นเส้นทางขับรถชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากแห่งหนึ่ง (แต่ว่าจะไม่สามารถเข้าชมได้ในฤดูหนาวเพราะ Hachimantai Aspite Line ปิดให้บริการจากต้นเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายนเนื่องจากหิมะ) นอกจากนี้ หากนั่งรถบัสไปที่ Hachimantai-chojo ก็ยังสามารถชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้จากบนยอดเขาอีกด้วย

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : ฮาจิมังไทมีพื้นที่กว้างใหญ่ การเช่ารถขับน่าจะเหมาะที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการขับรถชมวิว Aspite Line สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเช่ารถ สามารถไปเริ่มที่สถานี Morioka แล้วนั่งรถบัสที่วิ่งตรงไป Hachimantai-chojo ซึ่งจะมีสายตรงแค่วันละรอบเท่านั้น (ถ้าพลาดก็จะมีอีกสายแต่ต้องแวะเปลี่ยนรถที่ Higashi Hachimantai Kotsu Center ก่อนไปต่อยังสถานี Hachimantai-chojo)

3. หุบเขานารุโกะ มิยางิ (Naruko-Kyo, Miyagi)

3. หุบเขานารุโกะ มิยางิ (Naruko-Kyo, Miyagi)

หุบเขานารุโกะเป็นทั้งจุดชมวิวและจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคโทโฮคุ มีจุดที่เป็นเส้นทางชมทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ร่วงที่น่าสนใจอย่างสะพานโอฟุคาซาว่า (Ofukazawa Bridge) ตั้งอยู่เหนือหุบเขาท่ามกลางบรรยากาศของใบไม้สีเหลือง ส้ม แดง ตลอดแนว นอกจากนี้ใครที่แวะมายังสามารถไปเที่ยวพักผ่อนและค้างคืนที่เมืองนารุโกะออนเซ็น ซึ่งเป็นย่านออนเซ็นชื่อดังที่อยู่ใกล้ๆกัน ที่ชาวเมืองมิยางินิยมไปแช่น้ำร้อนได้อีกด้วย

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีรถบัส ด้านตรงข้ามสถานีรถไฟ Naruko Onsen รถบัสจากนารุโกะออนเซ็นจะจอดที่จุดชมวิว Naruko Resthouse 6-7 เที่ยวต่อวัน มีบริการเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น หรือจะเดินเท้ามาจากสถานีรถไฟ Naroko Onsen ก็ได้เช่นกัน ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที

4. นิวโตะออนเซ็น อาคิตะ (Nyuto Onsen, Akita)

4. นิวโตะออนเซ็น อาคิตะ (Nyuto Onsen, Akita)

นิวโตออนเซ็น เป็นเมืองออนเซ็นเก่าแก่บรรยากาศชนบทที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าเขาในอากิตะ การเดินทางมาที่นี่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับการแช่ออนเซ็น ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสีที่ล้อมรอบเมืองออนเซ็นแห่งนี้ ภาพใบไม้สีสันสดใสตัดกับน้ำสีฟ้าในบ่อออนเซ็นต้องบอกว่าสวยงามเกินบรรยายจริงๆ

เวลาทำการ : ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับร้านค้าและบริการที่เลือกใช้
การเดินทาง : จากหน้าสถานี Tazawako ต่อรถบัสของบริษัท Ugo Kotsu ไปลงป้าย Nyuto Onsen ใช้เวลา 50 นาที

5. วัดยามาเดระ ยามากาตะ (Yamadera Temple, Yamagata)

5. วัดยามาเดระ ยามากาตะ (Yamadera Temple, Yamagata)

วัดยามาเดระ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดริชชะกุจิ (Risshakuji) มีประวัติศาสตร์ที่นานเกินกว่าพันปี พื้นที่ของวัดแห่งนี้ครอบคลุมไปถึงบนเนินเขา หากขึ้นไปสูงพอจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรอบๆ ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาชมความงาม โดยพื้นที่วัดจะมีบริเวณกว้างมากและแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซน เป็นที่ๆจะมีใบไม้หลากสีให้ได้ชมพร้อมๆกับได้เยี่ยมชมวัดเก่าแก่ของญี่ปุ่นด้วย

เวลาทำการ : 9.30 - 16.00 น.
ค่าเข้าชม : 300 เยน (เฉพาะอาคารด้านบนสุด Oku-no-in)
การเดินทาง : เริ่มจากสถานี Yamagata หรือ Sendai สามารถนั่งรถไฟสาย JR Senzan Line ไปลงสถานี Yamadera แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

6. ถนนบันได-อะซุมะ สกายไลน์ ฟุคุชิมะ (Bandai-Azuma Skyline, Fukushima)

6. ถนนบันได-อะซุมะ สกายไลน์  ฟุคุชิมะ (Bandai-Azuma Skyline, Fukushima)

หนึ่งในถนนที่ได้รับการยอมรับว่ามีวิวสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นเส้นทางที่เหมาะกับการขับรถชมใบไม้แดงบนภูเขาอะซุมะ เป็นอย่างยิ่ง มีระยะทางประมาณ 29 กิโลเมตร ตัดผ่านกลางอุทยานแห่งชาติบันได-อาซาฮี เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเมืองน้ำพุร้อนทากายุ (Takayu Onsen) กับหุบเขาทสึจิยุ (Tsujiyu Pass) หากแวะไปที่ยอดเขา Azuma-Kofuji ที่มีความสูงกว่า 1,707 เมตร (ซึ่งมีจุดจอดรถอยู่ใกล้ๆยอดเขา) สามารถนำรถไปจอดและเดินขึ้นยอดเขาได้ง่ายๆไม่เหนื่อยมาก บนยอดเขาเมื่อมองลงมาจะเห็นแนวป่าไม้สีสดๆทั่วทั้งภูเขา และสามารถถ่ายภาพวิวพาโนรามาสวยๆได้ด้วย
เวลาทำการ : ถนนจะปิดไม่ให้ผ่านตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนเมษายนเนื่องจากหิมะ
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Fukushima เดินทางไปโดยรถยนต์เช่าขับจะเหมาะที่สุด หากต้องการไปยอดเขา Azuma-Kofuji ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

7. ปราสาทฮิโรซากิ อาโอโมริ (Hirosaki Castle, Aomori)

7. ปราสาทฮิโรซากิ อาโอโมริ (Hirosaki Castle, Aomori)

ปราสาทแห่งนี้ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องซากุระที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วง ความน่าสนใจอีกอย่างของปราสาทฮิโรซากิในฤดูใบไม้ร่วงก็คือ งานเทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีประจำปี (Hirosaki Castle Chrysanthemum and Autumn Foliage Festival) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคมบริเวณสวนพฤกษศาสตร์ของปราสาท โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ทั้งตอนกลางวัน และหากไปชมตอนกลางคืนก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศการประดับไฟรอบๆปราสาทอีกด้วย

เวลาทำการ : บริเวณพื้นที่สาธารณะรอบๆปราสาทไม่มีกำหนดเวลา แต่ตัวอาคารปราสาทเปิด 09.00-17.00 น. และปิดในช่วงหน้าหนาว
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าเข้าสวนสาธารณะ มีเฉพาะค่าเข้าตัวอาคารของปราสาท (ผู้ใหญ่ 310 เยน, เด็ก 100 เยน)
การเดินทาง : จากสถานี JR Hirosaki ต่อรถบัส Dotemachi Loop Bus ประมาณ 15 นาที ไปลงป้าย Shiyakusho-mae

8. วัดชูซอนจิ อิวาเตะ (Chuson-ji Temple, Iwate)

8. วัดชูซอนจิ อิวาเตะ  (Chuson-ji Temple, Iwate)

วัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงอีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกทางวัฒนธรรม ฮิราอิซึมิ (Hiraizumi) อยู่ในจุดที่มีทิวทัศน์งดงาม รายล้อมด้วยธรรมชาติทั้งป่าและภูเขา โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ป่าบนภูเขาและสองข้างทางเดินภายในพื้นที่วัดแห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยสีเหลือง ส้ม แดง ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมความสวยงามของธรรมชาติ โดยมีสถาปัตยกรรมของวัดเก่าแก่เป็นฉากหลัง

เวลาทำการ : 8.30-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 500 เยน, นักเรียนมัธยมต้น 300 เยน และนักเรียนประถม 200 เยน
การเดินทาง : สามารถไปเริ่มต้นได้ที่สถานี Ichinoseki ซึ่งมีรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียว ต่อรถไฟ JR สาย Tohoku Main Line ไปลงที่สถานี Hiraizumi แล้วต่อรถบัสท้องถิ่น Hiraizumi Loop Line Bus ไปประมาณ 10 นาที

9. ทะเลสาบโกชิคินุมะ ฟุคุชิมะ (Goshikinuma Lake, Fukushima)

9. ทะเลสาบโกชิคินุมะ ฟุคุชิมะ  (Goshikinuma Lake, Fukushima)

หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลสาบ 5 สี เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบันไดอาซาฮี (Bandai-Asahi) เป็นบริเวณที่ประกอบด้วยทะเลสาบ บึงน้อยใหญ่และบ่อน้ำพุร้อน ในบริเวณจะมีบึงอยู่ทั้งหมด 9 บึง แต่ละบึงก็จะมีสีสันสดใสแตกต่างกันไป ระหว่างบึงจะเป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้ด้วย ตลอดเส้นทางที่เดินจะรายล้อมไปด้วยสีสันของใบไม้ตัดกับสีของน้ำทะเลสาบที่มีตั้งแต่ฟ้าครามไปจนถึงเขียวอมแดง เป็นภาพธรรมชาติที่สวยแปลกตาและหาชมได้ที่นี่เท่านั้น

เวลาทำการ : เปิดทำการตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Banetsu West Line ไปลงที่สถานี Inawashiro แล้วต่อรถบัสสาย Bandai Higashi Miyako Bus ไปลงที่ป้าย Urabandai-kogen-eki หรือ Goshikinuma-Iriguchi-eki ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

10. หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ อาคิตะ (Kakunodate, Akita)

10. หมู่บ้านซามูไรคาคุโนะดาเตะ อาคิตะ (Kakunodate, Akita)

เป็นหมู่บ้านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ทางสถาปัตยกรรมและบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณเอาไว้อย่างดี ซึ่งตามแนวถนนของหมู่บ้านแห่งนี้มีต้นเมเปิ้ลเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่นี่จึงเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมความสวยงามของใบไม้หลากสีสันสดใสทั้งเหลือง แดง ส้ม ตัดกับสีดำสนิทของรั้วบ้านซามูไร ถือว่าเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองแห่งนี้
เวลาทำการ : ไม่มีกำหนด
ค่าเข้าชม : ไม่มี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Akita Shinkansen ไปลงสถานี Kakunodate แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที จะถึงย่านของบ้านซามูไร

know-before-you-go