5 สิ่งในญี่ปุ่นที่ประทับใจไม่มีวันลืม
หลายครั้งหลายหนกับการเดินทางมาทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น
ยังคงเป็นการเดินทางแบบไปๆมาๆ ไม่เกิน 1 อาทิตย์
ทุกๆครั้ง เรื่องที่หนักใจจนทำให้อยากกลับบ้านมากๆ ก็คือ ชีวิตที่เงียบเหงา
ความมีระเบียบเกินของคนในประเทศ ที่เคร่งครัดไปทุกเรื่อง
ทุกคนรักษากฎ แต่ทุกอย่างโดยรอบดูน่าอึดอัด
แต่จริงๆแล้วมันกลับตรงกันข้าม เพราะนี่คือการคำนึงถึงสิทธิของผู้อื่น
1. ย่านที่อยู่อาศัย เงียบถึงเงียบที่สุด
น่าแปลกใจ แต่ไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ
ว่าประเทศญี่ปุ่นนั้น แยกโซนเมือง และโซนที่อยู่อาศัยอย่างชัดเจน
ดังนั้น เมื่อเราเข้าเขตที่อยู่อาศัย ในเขตนั้นจะเงียบมากๆ ไม่มีมลพิษทางเสียงใดๆ
ทุกบ้าน มีความเกรงอกเกรงใจ จะพูด หรือ จะเปิดเพลง เปิดทีวี ใดๆ ก็จะเบาเสียงมาก นี่แหละหนึ่งในการคำนึงถึงสิทธิของผู้อื่นที่ปลูกฝังกันมาในคนญี่ปุ่น
เพราะพื้นที่ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ จะเป็นอพาทเมนต์ ทุกห้องอยู่ติดๆกันหมด (อย่างน้อยก็ในแถวเมืองใหญ่ อย่างชินจูกุที่ฉันอยู่)
มีบ้านปลูกขึ้นเรียงกันไป รั้วไม่สูงใหญ่เหมือนหมู่บ้านในเมืองไทยนัก
ทุกบ้านเงียบสงัดมาก จนเราคิดว่า เอ๊ะ ไม่มีคนอยู่หรือเปล่า แต่จริงๆมีคนอยู่ในบ้านนะ
อย่างในเขตชินจูกุนั้น โซนเมือง โซนชอปปิ้ง โซนใกล้สถานี จะมีรถไฟ เสียงรถไฟวิ่ง เสียงรถยนต์ เสียงจากป้ายโฆษณาดิจิตอล เสียงคลับ บาร์ จากย่านคาบุกิโจ
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เมื่อเข้าเขตที่อยู่อาศัย ทุกอย่างเงียบสงัด อย่างกับไม่ใช่เขตเดียวกัน
จะว่าไป เราก็เคยมีประสบการณ์ เอะอะเสียงดังตอนอยู่ที่บ้าน เฟซไทม์กับเพื่อน
ตอนเที่ยงคืน ตำรวจมาเคาะประตูห้องจ้าา บอกว่ามีคนแจ้งไป.. โดนขอพาสปอร์ตและตักเตือนกันยกใหญ่
ดังนั้น ถ้าใครไปเที่ยวญี่ปุ่น การรักษาสมดุลเสียงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะคะ ^^
2. การรักษาเวลาและการเผื่อเวลา
ที่ว่าให้รักษาเวลา ก็ว่ายากแล้วนะ ยังจะให้เผื่อเวลาอีกหรอ
แน่นอนว่า การเผื่อเวลาที่ญี่ปุ่นเป็นเรื่องจำเป็น
หากใครยังไม่ชินเส้นทาง การเผื่อเวลา ในกรณีขึ้นสายรถไฟผิด
หรือรถไฟเลทมาช้า เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศนี้
นอกจากนั้น การเผื่อเวลา ยังช่วยเราในเวลาที่เราเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เช่น ไปถึงแล้ว คิวยาวมาก ต่อคิวซื้อตั๋วรถบัส ตั๋วหนัง ตั๋วเข้าสวนสนุก
หรือหากจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำ ก็ต้องต่อคิว
ซึ่งถ้าไม่เผื่อเวลาไปนั้น อาจจะทำให้ตกรถ หรือไม่ทันรอบที่ตัวเองต้องการได้
อาจจะทำให้เสียเวลา ต้องรอรอบถัดไป ซึ่งบางที่ อาจเป็นชั่วโมงก็มี
และที่ญี่ปุ่น การต่อคิวเป็นเรื่องปกติมาก เมื่อทุกคนใช้เวลาอดทนต่อคิว
แต่เมื่อถึงคิวของแต่ละคน ทุกคนก็จะใช้เวลาของเขาอย่างเต็มที่ คนข้างหลังจะไม่ค่อยมีการมาเร่ง หรือทำหน้าบูด นี่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ของการปลูกฝังการคำนึงถึงสิทธิของผู้อื่น
การรอคิวอาจยาวนานขึ้น แล้วแต่ว่าคุณกำลังรอใช้บริการอะไรอยู่
ดังนั้น การเผื่อเวลาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ใช้ได้ทุกโอกาส ทุกสถานการณ์
3. พื้นที่หรือสถานที่สาธารณะสำหรับผู้พิการ
ในหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว ย่อมมีห้องน้ำสำหรับเด็กและผู้พิการต่างๆ
การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ทุพพลภาพหรือคนชราต้องมีเป็นเรื่องปกติ ทั้งในบ้านเราและในญี่ปุ่นก็เช่นกัน แน่นอนว่านี่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ของการที่ทุกคนรวมถึงผู้ประกอบการคำนึงถึงสิทธิของผู้อื่น เพราะคนพิการ คนชรา ก็อยากออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นเหมือนกันนะ
ในประเทศญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่จะเว้นที่นั่งสำหรับคนพิการไว้เสมอ แม้ว่าจะไม่มีคนพิการ หรือคนชรา เข้ามานั่ง
บ่อยครั้งที่จะเห็นที่นั่งบริเวณนั้นว่างไว้ ทั้งๆที่มีคนยืนอยู่เต็ม
หากแต่คนแน่นรถจนเบียดจริงๆ ก็อาจจะมีคนนั่ง เพราะการนั่งบริเวณนั้นจะทำให้มีพื้นที่ให้คนเข้ามาในรถไฟได้มากขึ้น (นี่ก็น่าจะมาจากการคิดถึงผู้อื่นอีกนั่นแหละ)
ตามห้องน้ำสำหรับคนพิการก็เช่นกัน
แม้คนต่อคิวเข้าห้องน้ำธรรมดาจะยาวแค่ไหน แต่ก็ไร้วี่แววคนที่เข้าไปใช้ห้องน้ำคนพิการ
ทุกคนจะเข้าใจหน้าที่ของตัวเองและสิทธิของผู้อื่นมักจะมาเป็นอันดับต้นๆเสมอ
4. ระบบการขนส่งมวลชน
เราจะปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ระบบการขนส่งของประเทศญี่ปุ่นนั้น
คือความอัจฉริยะอย่างหนึ่ง ที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเยี่ยมจริงๆ
นอกจากสายรถไฟที่มีผังกว้างขวาง แผ่ออกไปทุกมุมเมือง
รถไฟด่วนรางพิเศษ หรือที่เรียกว่า ชินคันเซ็น วิ่งระหว่างจังหวัด
และระบบการวิ่งรถที่ตรงต่อเวลาแล้วนั้น ญี่ปุ่นยังคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้กับผู้คนในช่วงเวลาเร่งด่วน
อย่างการเพิ่มขบวนรถด่วน รถเร็วที่ไม่จอดสถานีเล็กๆ ทำให้คนที่ไปที่ไกลๆ เดินทางถึงที่หมายได้เร็วขึ้น ประหยัดเวลาได้มากขึ้น
แม้ว่าการใช้บริการรถไฟจะแน่นมากจริงๆก็ตาม แต่การพยายามอำนวยความสะดวกเหล่านี้
ทำให้ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่อยู่สบาย สะดวก
เป็นประเทศที่คิดมาแล้วก่อนสร้าง เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง
5. หลากหลายสินค้าให้ช้อปปิ้งออนไลน์
การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นเรื่องน่าสนุกของการอยู่ที่ญี่ปุ่น
ขอแค่เพียงคุณรู้ไซส์ของเสื้อผ้าที่คุณจะใส่ ทุกอย่างสามารถสั่งได้ทางอินเตอร์เนต ทั้งรองเท้า กระเป๋า ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน
และในบางครั้งเราก็จะได้ในราคาที่ดีกว่าเดินไปซื้อที่ร้านอีกด้วย
ทุกอย่างสะดวก ไปจนถึงการจัดส่งพัสดุที่รวดเร็วและปลอดภัย
มีทั้งแบบเลือกวันเวลาได้ หรือไม่เลือกก็ได้
เวลาที่เราไม่อยู่บ้าน ก็สามารถโทรเข้าระบบอัตโนมัติ นัดเวลามาส่งได้อีก
นอกจากนั้น ในเว็บไซต์บางรายการ ยังสามารถสะสมแต้มได้
แล้วใช้เป็นส่วนลดในการซื้อในครั้งต่อไปได้อีกต่างหาก เช่นเว็บช้อปออนไลน์อย่าง Rakuten, Amazon เป็นต้น
การจ่ายเงิน ก็สะดวกเช่นกัน มีทั้งแบบจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้เลย จ่ายร้านสะดวกซื้อ หรือจ่ายตอนของมาส่งก็มี นับว่าสะดวกสบายมากจริงๆ
ความจริงที่เป็น
เป็นเรื่องราวดีๆ จากความรู้สึกแรกที่เคยคิดว่า
ความเคร่งครัดในกฎของสังคมเป็นเรื่องที่เครียดเกินไป
และทำให้เราไม่ชอบญี่ปุ่นเลย
แต่ความจริงแล้วนั้น
การเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น และ การรู้จักหน้าที่ของตนเอง
นับว่าเป็นเรื่องที่เราทุกคนพึงปฏิบัติ
สังคมจึงมีความเป็นระเบียบมากขึ้น และก่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีตามมา
อีกทั้ง การคำนึงถึงความเป็นอยู่ของผู้คนของรัฐบาลญี่ปุ่น
การวางแผนการคมนาคม การขนส่ง ต่างๆ
เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง และน่าเอาเป็นตัวอย่าง
ว่าการนึกถึงความสะดวกสบายของประชาชนนั้นเป็นอย่างไรในประเทศนี้
นี่เป็นเพียงมุมมองหนึ่งจากคนไทยที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับประเทศนี้เอาซะเลย
แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที หากชีวิตไม่มี 5 ข้อด้านบนนี้ จะเป็นยังไงนะ
วันนี้ จึงได้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวดีๆ ที่น่านำมาปรับใช้กับตัวเราบ้างนะ
และเมื่อใดก็ตามที่พูดถึงประเทศญี่ปุ่น
นี่จะเป็นเรื่องราวที่ประทับใจ และไม่มีวันลืมได้เลยจริงๆ