เทศกาลดอกไม้ไฟญี่ปุ่นอันดับหนึ่ง "โอมาการิ"
หนึ่งในเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เทศกาลดอกไม้ไฟโอมาการิจัดขึ้นแค่ปีละครั้งในสิงหาคม มีการจุดพลุภายในงานมากกว่า 20,000 นัด สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มารวมตัวกันภายในเมืองเล็กๆ ของอากิตะได้มากกว่า 800,000 คน ถ้าอยากเห็นดอกไม้ไฟญี่ปุ่นในรูปแบบแปลกใหม่ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวล่ะก็ต้องลอง
โอมาการิ ดินแดนแห่งดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
เขตโอมาการิเป็นส่วนหนึ่งในเมืองไดเซน จังหวัดอากิตะ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 80,000 คน ตั้งอยู่บนที่ราบฝั่งตะวันออกของอากิตะตอนกลาง อุดมไปด้วยทุ่งข้าวและฟาร์ม โดยมีข้าวอากิตะ โคมาจิเป็นหนึ่งในผลิตผลที่ขึ้นชื่อที่สุด
แม้ไดเซนจะไม่ใช่เมืองที่คึกคักมากนัก แต่ก็เป็นสถานที่จัดงานที่อาจเรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในช่วงฤดูร้อน เพราะเมืองนี้จะถูกเนรมิตเป็นลานจัดแสดงงาน All Japan Fireworks Competition หรือที่มักเรียกกันทั่วไปว่าเทศกาลดอกไม้ไฟโอมาการิ งานประชันดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งจัดขึ้นแค่ปีละครั้งเท่านั้น
ลานจัดแสดงดอกไม้ไฟ
ลานจัดแสดงงานตั้งอยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำโอโมโนะ แม่น้ำสวยๆ ที่ไหลทอดยาวผ่านจังหวัดอากิตะลงสู่ทะเลญี่ปุ่น เป็นที่ราบกว้างๆ ไม่มีตึกสูงบัง ไม่มีแสงไฟจากเมืองรบกวนทำให้มืดสนิท สามารถชมดอกไม้ไฟได้ชัดเจนและสวยงามกว่าเทศกาลในเมืองใหญ่เช่นโตเกียว นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่หลายคนลืมนึกถึง ที่ทำให้เราอยากแนะนำ
แม้งานจะจัดขึ้นในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกล แต่เทศกาลดอกไม้ไฟโอมาการิก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเข้าร่วมมากกว่า 800,000 คน โดยสถิติระบุไว้ว่า เทศกาลดอกไม้ไฟที่นี่เป็นงานที่ทั้งยิ่งใหญ่และได้รับความนิยมสูง โดยภายในงานมีการจุดพลุเฉลี่ยแล้วมากกว่า 15,000 - 20,000 นัดต่อปี
หากมองกันตามจริง เทศกาลดอกไม้ไฟริมแม่น้ำซูมิดะอาจจะชนะขาดด้วยยอดผู้ร่วมงานที่ว่ากันว่าสูงถึง 950,000 คน แต่เราต้องไม่ลืมว่า เทศกาลริมแม่น้ำซูมิดะเป็นงานที่จัดขึ้นในโตเกียวซึ่งเป็นเมืองขนาดยักษ์ที่มีประชากรหลักสิบล้านคน
เทศกาลนี้จัดขึ้นในรูปแบบของการประชัน โดยเชิญชวนผู้เข้าประกวด (เหล่าช่างทำดอกไม้ไฟ) จากทั่วทุกมุมของญี่ปุ่นหรือแม้กระทั่งจากต่างประเทศ เพื่อมาจัดแสดงผลงานในเทศกาลนี้ งานนี้คุณจึงได้เห็นพลุหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพลุรูปแบบทั่วไป หรือพลุหน้าตาแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ต้องบอกว่าทุกการแสดงล้วนแล้วแต่เป็นอาหารสายตาและจัดได้ว่าเป็นงานศิลปะขนานแท้
การแสดงบางชุดเป็นการโชว์ยิงพลุจำนวนมากพร้อมๆ กัน ในขณะที่บางชุดก็ประกอบด้วยพลุเพียงนัดเดียวที่ออกแบบอย่างสวยงาม
อีกหนึ่งการแสดงพลุเดี่ยว
การเดินทางไปชมงานเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
ถ้าอยากไปล่ะก็ คุณจะต้องตัดสินใจก่อนว่าอยากจองที่นั่งล่วงหน้ารึเปล่า เพราะการแสดงดอกไม้ไฟส่วนใหญ่ในเทศกาลนี้ มักจะถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้ดูสวยที่สุดเมื่อมองจากด้านหน้าแบบตรงๆ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้วิวสวยสุด ก็ต้องรีบสำรองที่นั่งกันไว้ก่อน
สามารถเข้าไปจองตั๋วที่เว็บไซต์ทางการของงาน ซึ่งจะเปิดในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี 4 เดือนก่อนวันจัดงานจริงในเดือนสิงหาคม แต่เว็บไซต์มีให้บริการเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แม้จะมีเว็บไซต์ต่างประเทศบางแห่งที่ให้บริการแพคเกจทัวร์รวมค่าเดินทางและที่พัก แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ต้องบอกว่าบริการเหล่านี้มักคิดราคาเกินจริงพอสมควร
- www.oomagari-hanabi.com (ภาษาญี่ปุ่น)
การเตรียมตัวก่อนไปชมดอกไม้ไฟญี่ปุ่น
ถ้าไม่ได้จองที่ไว้ล่ะก็ ให้มองหาพื้นที่โล่งๆ หรือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในเมืองโอมาการิ หลายๆ จุดอาจจะมีชาวบ้านในพื้นที่เข้าไปจับจองกันบ้างแล้ว แต่จากประสบการณ์ของผมเองพบว่า การเข้าไปหาพื้นที่ปูเสื่อ วางขาตั้งกล้องและกระเป๋าอีกเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ แม้จะมีต้นไม้บดบังมุมถ่ายภาพของผมไปบ้าง แต่ถ้าถอยกลับมาสักนิด ผมก็สามารถมองเห็นภาพดอกไม้ไฟได้อย่างชัดเจนแบบไม่ต้องจองที่ล่วงหน้า โดยส่วนตัว ผมจึงแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องจองที่นั่งก็ได้หากไม่สะดวก แต่ควรจองที่พักไว้ล่วงหน้า
เมืองไดเซนมีประชากรอาศัยอยู่แค่ 80,000 คน จำนวนห้องพักของโรงแรมในเมืองก็ยังห่างไกลกับการรองรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 800,000 คน การสร้างโรงแรมแห่งใหม่เพื่อรองรับงานที่จัดขึ้นเพียงปีละวันเดียวก็คงไม่ใช่ทางแก้ เรื่องโรงแรมที่พักจึงน่าจะเป็นปัญหาไปอีกนาน ตราบเท่าที่มีการจัดงาน
คุณสามารถหาโรงแรมใกล้ๆ กับสถานีโอมาการิ (แทบจะเป็นไปไม่ได้) หรืออาจจะนั่งรถไฟเที่ยวเย็นๆ ไปเมืองใกล้ๆอย่างอากิตะ โยโคเตะ หรือชินโจ โดยส่วนตัว ผมได้แค่โรงแรมในเมืองชินโจ เมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปจากโอมาการิประมาณ 100 กม. (เหมือนจะไกลแต่นั่งรถไฟไม่นาน) ต้องบอกเลยครับว่า ปัญหาเรื่องโรงแรมเป็นอะไรที่ใหญ่จริงๆ เพราะพื้นที่รอบๆ ก็ยังค่อนข้างชนบทและมีโรงแรมน้อยมาก ที่สำคัญคือนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ใช่ชาวบ้านในพื้นที่ ต่างจากงานแสดงในโตเกียว ที่ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นชาวโตเกียว แค่นั่งรถไฟกลับบ้านก็เรียบร้อย แถมโตเกียวยังมีโรงแรมให้พวกเราจองมากมายกว่าเมืองเล็กๆเช่นนี้อีกด้วย
เทคนิคการเที่ยวงานดอกไม้ไฟญี่ปุ่นให้สนุก
- หากไม่เน้นเรื่องวิว การเดินทางไปแบบไม่จองล่วงหน้าก็จัดว่าสบายหายห่วง อันที่จริง ภายในงานก็ไม่มีที่นั่งจองเพียงพอให้บริการสำหรับทุกคน จึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นคนเข้าไปเลือกหามุมดูดอกไม้ไฟในสวนสาธารณะ
- ให้เกียรติชาวบ้านในพื้นที่! เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึง 10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด อย่าเดินเข้าไปในลานซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว หรือจอดรถขวางเส้นทางจราจร
- อย่าลืมจองห้องพักหรือเที่ยวรถไฟออกจากเมืองโอมาการิ
- คุณสามารถขับรถไปได้ แต่ต้องจองที่จอดล่วงหน้า คุณจึงต้องเลือกว่าจะจองที่จอดรถ (ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น) หรือจะเดินเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร
- ปัญหาเรื่องห้องน้ำก็ใหญ่ไม่แพ้กัน ถ้ามาถึงเร็ว สิ่งหนึ่งที่ต้องทำก่อนเลยคือการเดินสำรวจหาห้องน้ำ
ไม่ใช่แค่งานที่โอมาการิ แต่หากคุณอยากไปงานเทศกาลดอกไม้ไฟใหญ่ๆที่อื่น อย่างเช่นนางาโอกะ หรือทะเลสาบบิวาโกะ ก็สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ได้ในระดับนึงครับ
สถานีโอมาการิ
ความจริง สถานีโอมาการิเป็นสถานีที่มีความสำคัญในพื้นที่ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนไปขึ้นชินคันเซ็นได้
เราสามารถใช้บริการรถไฟสาย Akita Shinkansen อากิตะ ชินคันเซ็น เพื่อเดินทางเข้าเมืองอากิตะและเข้าพักที่โรงแรมในเมือง นอกจากนี้ยังมีขบวนชินคันเซ็นที่วิ่งกลับเข้าโตเกียว เราจึงสามารถจองโรงแรมใกล้กับสถานีต่างๆ ที่สายนี้วิ่งผ่านได้ แต่ต้องบอกก่อนว่ารถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งเข้าโตเกียวจะปิดให้บริการเร็วมาก เที่ยวสุดท้ายที่วิ่งเข้าโตเกียวคือเวลา 19.43 น. ซึ่งถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับเที่ยวสุดท้ายของชินคันเซ็นที่วิ่งไปสถานีอากิตะซึ่งออกเวลา 23.23 น. จึงแนะนำให้เลือกจองโรงแรมใกล้ๆสถานีทางทิศนั้นมากกว่า