ชมใบไม้เปลี่ยนสีใน 5 วัดดังของเกียวโต

แน่นอนว่าหากพูดถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วทุกคนจะต้องนึกถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยใบเมเปิ้ลหลากสีไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีส้ม หรือใบแป๊ะก๊วยสีเหลืองที่เรียงรายกันอย่างงดงาม และเพราะความงามนั้นล่ะทำให้ฤดูนี้เป็นฤดูที่เหมาะสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นที่สุด และวันนี้เราจะขอแนะนำคุณผู้อ่านให้รู้จักกับ วัดและศาลเจ้าที่เหมาะสมกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สุดในเกียวโตกันค่ะ
1. วัด Kiyomizu-dera

ใครที่มาเยือนเมืองเกียวโต ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าจะไม่รู้จักกับวัดแห่งนี้ เพราะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังอันดับต้นๆของญี่ปุ่น คนไทยนิยมเรียกกันว่า “วัดน้ำใส” ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเกียวโต นอกจากนี้องค์กร UNESCO ยังได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลกอีกด้วย สำหรับวัดน้ำใสแห่งนี้ถือสถานที่ชมใบไม้แดงที่มีชื่อเสียงมาก หากเข้ามาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แห่งนี้ในช่วงค่ำตอนกลางคืน เราจะได้ดูไฟประดับบนต้นเมเปิ้ลอีกด้วย
หมายเหตุ : ตั้งแต่เดือน มกราคม 2017 จะมีการปิดซ่อมแซมในส่วนของอาคารหลักภายในวัด ไปจนถึงปี 2020
ค่าเข้าชม : กลางวันคนละ 300 เยน / กลางคืนคนละ 400 เยน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 6:00-18:00 น. แต่จะเปิดให้เข้ากลางคืนเฉพาะบางช่วงของเดือน 3, 8, 11 เท่านั้น ซึ่งวันที่ๆแน่นอนจะเปลี่ยนไปในแต่ละปี
วิธีการเดินทาง :
1. รถบัส นั่งรถบัสสาย 100, 206 จากป้ายรถบัส Gojo-zaka ลงป้าย Kiyomizu-michi เดินประมาณ 10-15 นาที
2. รถไฟ จากสถานี Kiyomizu-Gojo Station (Keihan Railway Line) เดินประมาณ 20-30 นาที
2. วัด Rurikō-in
http://rurikoin.komyoji.com/lp/en/
วัดรูริโกะอิน ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งอยู่ในเขต Yase-Ohara ของเมืองเกียวโต จุดเด่นของที่แห่งนี้คือมีระเบียงที่สามารถมองเห็นใบไม้และเงาสะท้อนที่สวยงามราวกับภาพวาด จึงได้รับขนามนามว่าเป็น วัดที่มีระเบียงสวยที่สุดในเมืองเกียวโต
ค่าเข้าชม : คนละ 2,000 เยน (ในช่วงเปิดเข้าชมพิเศษของฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคม)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 10:00-16:30 น.
วิธีการเดินทาง :
1. รถบัส สามารถนั่งรถบัสจากสถานี Kyoto, Hankyu Kawaramachi และสถานี Demachiyanagi ไปยังจุดหมายปลายทางคือ Ohara ซึ่งบัสจะไปจอดที่ป้าย Yase-hieizanguchi
2. รถไฟ นั่งรถราง Eiden (Eizan Electric Railway) สายหลัก โดยหากมาจากใจกลางเกียวโต ให้ขึ้นที่สถานี Demachiyanagi ไปลงสุดสายที่สถานี Yase-hieizanguchi และเดินต่่อประมาณ 5-10 นาที
3. วัด Kodaiji และวัด Entokuin
https://www.kodaiji.com/lightup-fall.html
วัด Kodaiji เป็นวัดที่มีจุดเด่นคือสวนหิน ซึ่งมีการประดับตกแต่งด้วยหินกรวดแสดงถึงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ และในส่วนของการแต่งสวนสไตล์ Tsukiyama ซึ่งเป็นเนินเตี้ยจะใช้หินขนาดใหญ่ประดับตกแต่ง โดยมีต้นเมเปิ้ลเรียงรายอย่างสวยงาม ที่แห่งนี้ก็ยังมีการจัดประดับไฟในตอนกลางคืนเช่นเดียวกับวัดน้ำใส นอกจากนี้บริเวณตรงข้ามวัด Kodaiji ยังเป็นที่ตั้งวัดเล็กๆที่มีชื่อว่า Entokuin โดยเราสามารถแวะชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ที่นั่นอีกด้วย
ค่าเข้าชม : คนละ 600 เยน (บัตรชุดเข้าชม Kodaiji Temple และ Entokuin Temple 900 เยน)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 9:00-17:00 น. (สามารถเข้าชมช่วงใบไม้เปลี่ยนสีได้จนถึง 21:30 น.)
วิธีการเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 100, 110, 206 จากสถานี Kyoto ลงป้าย Kiyomizu-michi เดินเข้าซอยไปประมาณ 5-10 นาที
4. วัด Tofukuji
วัด Tofukuji ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเกียวโต โดยจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือภายในวัดมีต้นเมเปิ้ลมากกว่า 2,000 ต้นเรียงรายอย่างงดงาม วัดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุด เพราะเป็นวัดที่เป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีติดอันดับต้นๆของประเทศและยังเป็นจุดที่นิยมของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชมแบ่งเป็น 2 ส่วน เนื่องจากเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ โดยมีราคาคนละ 400 เยน (สำหรับชมสะพาน Tsutenkyo และ Kaisando Hall) และอีกคนละ 400 เยน สำหรับโบสถ์หลักและสวนหิน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 9:00-16:00 น. (ช่วงใบ้ไม้เปลี่ยนสี เดือนพฤศจิกายน-ต้นธันวาคม เปิดให้บริการ 8:30-16:30 น.)
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟ JR Nara Line ลงสถานี Tofukuji และเดินประมาณ 5-10 นาที หรือนั่งรถบัสสาย 南5 ไปลงที่ป้าย Tofukuji-Michi
5. ศาลเจ้า Kitano Tenmangu
ศาลเจ้า Kitano Tenmangu อยู่ใกล้กับเมืองเกียวโต สำหรับศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยมีชื่อเสียงมากในเรื่องการขอพรด้านการเรียนและการทำงาน มีจุดเด่นคือสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีริมลำธารบนสะพานสีส้มซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ นอกจากนี้ ยังมีอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจคือ ตลาดนัดแผงลอยจัดขึ้นตามถนนรอบๆศาลเจ้า มีทั้งงานฝีมือ ของเล่น ของเก่า อาหารท้องถิ่นและอื่นๆอีกมากมายที่น่าสนใจ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 ของทุกเดือนเท่านั้น
ค่าเข้าชม : เข้าชมศาลเจ้าฟรี / เข้าชมสวนคนละ 600 เยน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทำการทุกวัน (ช่วงเดือนตุลาคม – มีนาคม ตั้งแต่ 5:30-17:30 น. และ ช่วงเดือนเมษายน – กันยายน ตั้งแต่ 5:00-18:00 น.)
วิธีการเดินทาง : จากสถานี Kyoto สามารถนั่งรถบัสสาย 50, 101 ลงที่ป้ายรถบัส Kitano Tenmangu-mae ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที