Seishun18 คือตั๋ว JR แบบพาสที่ถูกยิ่งกว่า สามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR ได้ทุกเส้นเช่นเดียวกับ JR Pass หรือ Japan Rail Pass โดยไม่จำกัดครั้งในแต่ละวัน ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 11850เยน ต่อ5วัน พอหารแล้วเหลือเพียงวันละ2370เยนหรือแค่700กว่าบาทเท่านั้น! ถูกกว่า JR Pass ครึ่งๆเลย

วิธีการใช้ตั๋ว
1 ให้เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วของสถานี JR ที่เราขึ้นเป็นที่แรกในตอนเช้า ปั๊มตราวันที่ของวันนั้นๆให้ (ต้องปั๊มทุกวันๆละครั้ง ตอนขึ้นครั้งแรก)
2 เวลาขึ้นลงครั้งต่อๆไป ก็เพียงแค่โชว์ตั๋วที่มีตราปั๊มวันที่ของวันนั้นๆให้เจ้าหน้าที่ดู ก็จะสามารถผ่านประตูไปได้ไม่มีปัญหา สามารถเดินผ่านประตูตรวจตั๋วตรงที่นายสถานียืนคุมๆได้เลย ไม่ต้องผ่านประตูอัตโนมัติ
3 นั่งรถไฟให้สนุก

ตั๋วนี้เปลี่ยนหน้าตามาหลายครั้งแล้ว แต่ล่าสุดเมื่อปี 2017 ยังใช้หน้าตาแบบในภาพนี้อยู่ (แต่ราคาไม่ตรงกับในภาพ แพงขึ้น300เยน) ทั้งนี้แล้วสิ่งสำคัญๆ ที่ตั๋วนี้ต้องมีแน่นอนก็คือ ช่องว่างห้าช่อง สำหรับให้เจ้าหน้าที่สถานีปั๊มตราให้ ซึ่งหนึ่งช่องนั้นแทนหนึ่งวันนั่นเอง

แล้วก็อีกหนึ่งเรื่อง Seishun นั้นแปลว่า"วัยรุ่น" แถมยังมีเลข18ในชื่อตั๋ว คนญี่ปุ่นก็เลยมักจะเข้าใจผิดว่าพาสนี้กำหนดอายุ แต่จริงๆตั๋วนี้ไม่ได้กำหนดอายุแต่อย่างใด นี่เป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นเองก็เข้าใจผิดกันอยู่เนืองๆ แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา

แน่นอนว่าถูกและดีต้องมีเงื่อนไข ข้อแตกต่างสำคัญที่ทำให้ตั๋วนี้ถูกกว่า JR Pass อย่างมากมายนั้นก็คือ ตั๋วนี้ไม่สามารถใช้ขึ้นรถไฟชินกังเซ็นได้ ตรงนี้แหละคือจุดต่างสำคัญที่สุดที่ชาวต่างชาติกังวลและไม่กล้าใช้ตั๋วใบนี้กัน

เงื่อนไขสำคัญๆ ที่ควรจำไว้ในการใช้ ตั๋ว Seishun18
1 สามารถขึ้นรถไฟสายท้องถิ่นระดับ Local และ Rapid ของบริษัท JR ได้ทุกสายในประเทศญี่ปุ่น
2 ไม่สามารถใช้ชินกังเซ็นได้
3 ไม่สามารถขึ้นรถด่วนระดับ Limited Express และ Express ได้
4 หากนั่งรถไฟท้องถิ่นระดับ Local หรือ Rapid ในตู้ที่ต้องทำการจองที่นั่งละก็ ต้องเสียเงินเพิ่ม

หลายคนเห็นแบบนี้ แล้วก็คงจะไม่อยากใช้ล่ะสิ เพราะเวลาจะซื้อพาสก็นึกถึงแต่ว่าจะขึ้นชินกังเซ็น แต่จริงๆแล้ว ทุกอย่างย่อมมีดีของมัน เดี๋ยวเราจะแนะนำเทคนิคเพิ่มเติมให้ทุกคนที่อยากลองสามารถวางแผนเที่ยวด้วยพาสนี้ได้โดยสนุกไม่แพ้เที่ยวด้วยชินกังเซน

แน่นอนว่า หากมีวันไหนที่แปลนของเราไม่ต้องการชินกังเซ็น แต่ต้องการนั่งรถไฟ JR ในระยะทางที่รวมแล้วราคาอย่างน้อยประมาณซัก 2500 เยนขึ้นไปต่อวัน ตั๋วนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดี นอกจากนี้ หากตามแผนคิดจะไปเส้นทางระยะกลางที่ไม่มีชินกังเซ็นอยู่แล้ว ตั๋วนี้ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว ยกตัวอย่างเช่น

1 การไปกลับ โตเกียวーอิบารากิ ในหนึ่งวัน
2 การนั่งรถไฟในฮอกไกโดหลายๆเส้น ที่ไม่มีชินกังเซ็น และมักมีระยะทางปานกลาง เช่นซัปโปโรーฟุราโนะ หรือ ซัปโปโรーฮาโกดาเตะ
3 การนั่งรถไฟระหว่างสองเมือง แต่ชินกังเซ็นอ้อมไกลและช้ากว่า เช่นนาโกย่าーคานาซาว่า
4 การนั่งไปต่างจังหวัดที่ใดก็ตามในญี่ปุ่นที่ไม่มีชินกังเซ็น

อย่าลืมว่าตั๋วนี้ใช้ได้ห้าวันก็จริง แต่วันไหนก็ได้ในระยะเวลานั้น "ไม่ต้องใช้ติดกัน"

แล้วถ้ามีวันแบบที่ว่ามาไม่ถึงห้าวันในแปลนเที่ยวละก็ ก็คงใช้ไม่คุ้มงั้นเหรอ?
อย่าเพิ่งยอมแพ้ไป เพราะว่าตั๋วนี้มีข้อดีอีกอย่างที่ JR Pass ทำไม่ได้ นั่นคือการ"แบ่งกันใช้"

ตั๋วนี้มีข้อดีอีกอย่างที่ JR Pass และตั๋วอื่นๆแทบทุกชนิดทำไม่ได้ นั่นคือการ"แบ่งกันใช้"

แทนที่จะคิดว่าตั๋วนี้ใช้ได้ห้าวัน ให้คิดว่า ตั๋วนี้ใช้ได้ "ห้าครั้ง" แล้วเราจะคำนวนอะไรๆได้ง่ายกว่า อย่างเช่น
1 ถ้าใช้หนึ่งคนก็จะสามารถใช้ได้ห้าวัน
2 ถ้ามากันห้าคน ใช้คนละหนึ่งวัน ตั๋วก็จะหมดหนึ่งใบพอดี
3 ถ้ามากันสามคน ใช้คนละสามวัน ก็นับเป็นเก้าครั้ง ใช้ตั๋วสองใบแล้วจะเหลือหนึ่งวัน (แต่รวมแล้วก็ยังถูกกว่า JR Pass มากๆ เพราะราคาพื้นแพงกว่าแถมต้องซื้อคนละใบ)

อะไรอย่างนี้เป็นต้น

หากวางแผนดีๆ บัตรใบนี้สามารถวางแผนเพื่อให้ราคาถูกกว่า JR Pass ได้อีกเยอะมาก เช่น หากมากันห้าคนแต่อยากขึ้นรถไฟแค่สามวัน ก็ซื้อสามใบ เป็นต้น ไม่ต้องซื้อเท่าจำนวนคน!
เพราะฉะนั้นเวลาวางแผน นับจำนวนคน นับวันที่ต้องการใช้ แล้วค่อยคำนวนว่าคุ้มค่าหรือไม่ หากมองหาในแปลนของตัวเองดีๆ อาจมีวิธีใช้ให้คุ้มค่าซ่อนอยู่ก็เป็นได้ อย่าเพิ่งกลัวว่าใช้ยาก

ฟังไม่ผิด ปัญหาอีกเรื่องของตั๋วนี้คือ มีขายเป็นฤดูกาลเท่านั้น！ไม่ได้มีขายตลอดปี ซึ่งหากใครคิดจะวางแผนเที่ยวโดยใช้ตั๋วนี้เป็นหลักละก็ เช็คให้มั่นใจว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเวลาต่อไปนี้

1มีนาคมถึง 10เมษายน
20กรกฏาคมถึง 10กันยายน
10ธันวาคมถึง 10มกราคม

โดยตั๋วจะเริ่มวางขายที่สถานี JR 10วันก่อนเริ่มของแต่ละช่วงฤดู และหยุดขาย10วันก่อนวันสุดท้ายของแต่ละช่วงฤดู
แต่ข้อดีก็คือ มีขายอยู่ทุกที่ทุกสถานี (แน่นอนว่ายกเว้นสถานีไร้คนตามที่ห่างไกล) หากไปญี่ปุ่นในช่วงดังกล่าวละก็ แม้ไม่ได้เตรียมอะไรไปเลยก็เดินเข้าไปซื้อที่สถานีได้เลยไม่ยาก