9 เทคนิคพิชิตรถไฟแน่น
ใครที่เคยขึ่นรถไฟที่ญี่ปุ่นจะรู้ว่า รถไฟในช่วงเวลาเร่งด่วนนั้นแน่นหนาไปด้วยผู้คนขนาดไหน และหากคุณต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ในญี่ปุ่นเป็นเวลานาน การเลี่ยงรถไฟในช่วงเวลาเร่งด่วนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ..เราได้รวบรวมสุดยอดเทคนิค 9 กระบวนท่าสำหรับการเอาชีวิตรอดในรถไฟญี่ปุ่นมาไว้แล้วที่นี่! สตรอง!!
1. เคล็ดวิชา 'ปีนเขา'
ในชั่วโมงเร่งด่วน รถไฟญี่ปุ่นจะแน่นขนัดอัดไปด้วยคนและคน อย่าว่าแต่จะได้นั่งหรือเปล่าเลย แค่จะหาเสาหรือขอบเกาะเพื่อพยุงตัวยังแทบเป็นเรื่องอิมพอสสิเบิ้ล ในสถานการณ์เช่นนี้เราขอแนะนำเคล็ดวิชา 'ปีนเขา' เช่นเดียวกับกีฬาที่ชื่อนี้ คุณจะต้องขยับแขนหาพื้นผิวที่สามารถ 'เกาะ' หรือ 'จับ' ให้ได้ และพื้นผิวที่คุณควานเจอจะขรุขระ คับแคบ หรือลื่นปรี๊ดแค่ไหน คุณก็จะต้องรวบรวมพลังลมปราณเกร็งมือเพื่อจับให้อยู่ให้ได้ มิฉะนั้นการเดินทางบนรถไฟของคุณอาจจะเริ่มไม่สวย
2. เคล็ดวิชา 'นิ้วอรหันต์'
เพียงนิ้วเดียว สามารถพลิกคุณจากผู้แพ้ให้กลายเป็นผู้ชนะได้ทันที
สถานการณ์ที่เหมาะสำหรับการใช้เคล็ดวิชานี้คือตรงประตูรถไฟ โดยก่อนอื่นให้คุณเหยียบย่างเข้าไปในพื้นผิวของพื้นรถไฟ เมื่อทำได้แล้วจงหันหน้าออกไทางชานชาลา ชูหนึ่งนิ้วขึ้นฟ้า และใช้นิ้วดั่งกล่าวยันขอบประตูด้านบน เพื่อเพิ่มความเสถียรและมั่นคงให้แก่คุณ สำหรับคนที่สูง สามารถยันที่เพดานได้เลย ซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็น 'เสา' ที่ค้ำระหว่างพื้นและเพดานรถไฟ มีความมั่นคงแม้ตอนรถไฟเหวี่ยง
3. เคล็ดวิชาพิฆาตสาว 'คาเบะด้ง'
ไม่น่าเชื่อว่าท่าไม้ตายของเหล่าพระเอกหนังญี่ปุ่น 'คาเบะด้ง' สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงในรถไฟชั่วโมงเร่งด่วนนี่เอง
ในบางครั้งที่รถไฟเหวี่ยงหรือขยับแรงๆ ผู้คนพากันล้มระเนระนาด และจะเกิดอะไรขึ้นหากคนสองคนที่หันหน้าเข้าหากันล้มใส่กันแบบตรงๆ องศาเป๊ะๆล่ะ? คุณคงได้เอาร่างกายบริเวณใบหน้าไปสกินชิพกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายของอีกฝ่ายแน่นอน และมันก็คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร.... แต่ปัญหานี้จะหมดไป! หากคุณใช้วิชา 'คาเบะด้ง' โดยในวินาทีที่คุณกำลังจะล้มไปทางอีกฝ่าย ขอให้คุณยื่นแขนข้างใดข้างหนึ่งไปดันกับผนังดัง ''ตึง!'' ก็สำเร็จ ผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างสวยงาม อย่างไรก็ตามเคล็ดลับของวิชานี้อยู่ตรงที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่มองหน้ากันตรงๆ หากอยากหลีกเลี่ยงโมเมนท์สุดแสนโรแมนติกแบบในหนัง แต่ถ้าอีกฝ่ายหน้าตาดีก็อีกเรื่องหนึ่ง....
4. ปรมาจารย์ ไมเคิล แจ็กสัน
หากคุณเรียนรู้สเต็ป และท่วงท่าการแด๊นซ์ของราชาเพลงป็อปอย่าง ไมเคิล แจ็กสัน ไว้ละก็ นี่เป็นโอกาสที่จะนำมาใช้แล้ว
แน่นอนว่ารถไฟในชั่วโมงเร่งด่วนนั้น มีช่องว่างให้เราเบียดตัวเข้าไปน้อยมาก แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือพื้นที่วางเท้ากลับน้อยยิ่งกว่า และในสถานการณ์เยี่ยงนี้เอง ปลุกพลังไมเคิล แจ็กสันของคุณขึ้นมา โดยการเขย่งบนปลายเท้า และใช้สเต็ปเทพในการก้าวสอดแทรกเข้าไปในพื้นที่อันจำกัด เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
5. เคล็ดวิชา 'พริ้วไหวตามกระแสน้ำ'
เทคนิคก่อนหน้านี้ทั้ง 4 อันเป็นเทคนิคการแสวงหาที่ยินและการทำตัวเองให้บาลานซ์เพื่อมีชีวิตรอดในการนั่งรถไฟต่อไป แต่เทคนิคนี้แตกต่างจากเทคนิคก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง โดยท่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้แรงในการแข็งขืนฝืนธรรมชาติ แค่เพียงปล่อยร่างกายให้พริ้วไหวไปตามแรงเหวี่ยงของรถไฟ คุณจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นมนุษย์ มนุษยชาติที่จะอยู่รอดไปถึงจุดหมายด้วยกัน
6. เคล็ดวิชา 'ต้นคอพิฆาตเวลา'
ความทรมานในการรอรถไฟไปให้ถึงจุดหมายในคลื่นมนุษย์ เป็นความเศร้าอย่างหนึ่งในชึวิต ยิ่งในบางครั้งที่ความแออัดทำให้คุณไม่สามารถแม้จะยกสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่นได้ ยิ่งเป็นความเศร้าอย่างที่สุด หากเศร้าแล้วจะไปทำงานอย่างมีสติ หรือไปเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานได้อย่างไร ...และเนื่องด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงมีผู้คิดค้นเคล็ดวิชา 'ต้นคอพิฆาตเวลา' เพื่อมาต่อกรกับช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้
วิธีการง่ายมาก มองต้นคอของคนที่อยู่ใกล้ที่สุด และค้นหาว่าคนๆนั้นมองไปทางไหน หันไปทางทิศนั้นและมองต้นคอของคนที่อยู่ทางทิศดังกล่าว ทำกระบวนการนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยให้คุณฆ่าเวลาได้เป็นอย่างดี
7. พิธีนัดดูตัว 'โอมิไอ'
เกิดขึ้นเมื่อคุณกำลังจะก้าวออกจากรถไฟ แต่ประตูเจ้ากรรมดันปิดพอดีทำให้คุณต้องพลิกตัวกลับมาประจัญหน้ากับคนข้างหลังอย่างเสียมิได้ ในช่วงห้าวินาทีอันยาวนานก่อนที่ประตูจะเปิดอีกรอบนี้เอง ที่คุณต้องงัดวิชา'โอมิไอ' หรือพิธีดูตัว ขึ้นมา เรียนรู้วิธีการมองหน้าอีกฝ่ายไม่ให้รู้สึกเก้อเขิน รวมถึงไม่ทำให้บรรยากาศพาไหนต่อไหนด้วย
8. เคล็ดวิชา 'เป๊ะทุกองศา'
หากคุณสามารถจับห่วงด้านบนเพดานได้ คุณจะสามารถใช้เคล็ดวิชานี้ได้ เนื่องจากพื้นที่แนวระนาบมีอยู่น้อยนิด ทำให้เราต้องใช้พื้นที่ในอากาศให้คุ้มค่าด้วยการใช้มือข้างที่จับห่วงถือหนังสือพิมพ์หรือมือถือ โยกคอไปข้างหลังเพื่ออ่าน หรือเล่นเกมก็ตาม เคล็ดวิชานี้มีประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณอยู่ในตู้โดยสารที่แน่นจนไม่มีแม้แต่ที่จะให้แขนอยู่
9. การโจมตีที่ดีที่สุดคือการป้องกัน
เคล็ดวิชาสุดท้ายนี่เป็นพรสวรรค์ที่ทุกคนมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด นั่นก็คือการป้องกันตัวเองด้วยสัญชาตญาณนั่นเอง เมื่อผู้คนทะลักเข้ามาในรถไฟ ต่างคนต่างก่อพื้นที่ของตัวเอง ทำให้เกิดเป็นกำแพงสองฝั่ง คือฝั่งที่หันหน้าออกไปทางประตูด้านซ้ายและฝั่งที่หันหน้าออกไปทางประตูด้านขวา อย่างไรก็ตามเมื่อถึงสถานีถัดไป ผู้คนที่ขึ้นมาใหม่จะพยายามสอดแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง และสร้างพื้นที่ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ระหว่างกำแพงทั้งสองฝั่ง ในขณะนั้นเอง ผู้ที่เป็น 'กำแพง' จะเกร็งหลังให้แข็งขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพื่อไม่ให้ผู้มาใหม่เข้ารุกล้ำ หรือทะลุเข้ามายังพื้นที่ของตัวเอง
หวังว่าเคล็ดวิชาทั้ง 9 อย่างนี้จะเป็นประโยชน์ในการหาทางเอาชีวิตรอดในการขึ้นรถไฟญี่ปุ่น ขอให้นักอ่านทุกท่านโชคดี... ถ้าใช้แล้วสำเร็จอย่าลืมบอกต่อล่ะ!!
อ่านบทความเต็ม: en.rocketnews24.com (อังกฤษ)